สืบนครบาล บุกรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน เครือข่ายปอยเปต ขณะนัดซื้อขาย "บัญชีม้า" ที่ชลบุรี

ตำรวจสืบสวนนครบาล เปิดปฏิบัติการสนธิกำลังร่วมกับตำรวจพื้นที่ เข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ เครือข่าย "ซู จินถิง หมู่บ้านเคเอ็น ปอยเปต" ได้ผู้ต้องหา 5 ราย เป็นชาวจีน 2 ราย พร้อมยึดบัญชีธนาคารและโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการฉ้อโกงออนไลน์ ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ

(29 ตุลาคม 2568) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และผู้บังคับบัญชาระดับสูง ชุดปฏิบัติการจาก กองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.สส.1 บก.สส.บช.น.) นำโดย พ.ต.ท.พิสิทธิ์ เตชะ สว.กก.สืบสวน1ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง และสืบสวนภาค 2 ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการจับกุมกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ผู้ต้องหา 5 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 5 ราย ประกอบด้วย ชายสัญชาติจีน 2 ราย และชายไทย 3 ราย

พร้อมยึดของกลางสำคัญ ได้แก่ สมุดบัญชีธนาคาร 5 เล่ม พร้อมบัตร ATM 5 ใบ โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง (พบการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน)

พฤติการณ์หลอกลวงผ่านซื้อขายบัญชีม้า
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.น. ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลโพสต์ ซื้อขายบัญชีม้า ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กหนึ่ง และมีการนัดหมายกันเพื่อซื้อขายบัญชีสำหรับใช้ในการรับโอนเงินจากการฉ้อโกงออนไลน์ (ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์)

เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณร้านส้มตำแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และพบผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คนรวมกลุ่มนั่งอยู่ จึงเข้าแสดงตัวเข้าจับกุม

แจ้งข้อหาหนัก "อั้งยี่" และ "บัญชีม้า" ผู้ถูกจับกุมทั้งหมดให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยถูกดำเนินคดีในข้อหาที่แตกต่างกัน

ในข้อหา "ร่วมกันเป็นธุระจัดหา...ให้มีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก...เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี" และ "กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่" และ ในข้อหา "เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก...โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน...ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี" และ "กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่"

เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป