ตำรวจทางหลวง ไล่ล่าขบวนการลักลอบขนต่างด้าว อัดกันมาในรถยนต์ 11 คน

กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดย พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล. พร้อมกำลัง 
​เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม

1. นายชอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ผู้ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”

2. บุคคลต่างด้าวจำนวนทั้งหมด 10 ราย ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”

​ได้ทำการตรวจยึดของกลางดังนี้
​1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน สีดำ
​2. โทรศัพท์มือถือ

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้มีการสืบทราบว่า มีขบวนการนำพาหรือช่วยเหลือบุคคลแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยเดินทางมาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงออกปฏิบัติหน้าที่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย บรรทุกหนักและใช้ความเร็วสูง วิ่งอยู่บนถนน ทล.3455 หมู่ 1 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปรถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนีจนไปตกข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมผู้ขับขี่กำลังจะวิ่งหลบหนีทราบชื่อผู้ขับขี่ นายชอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ผู้ขับขี่

เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจ พบบุคคลต่างด้าวภายในห้องโดยสารรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งให้ผู้ต้องหาทุกคนทราบว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิด จะต้องถูกจับกุม จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การว่า

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณเที่ยงได้รับการติดต่อจาก นายอ่อง ผ่านทางโทรศัพท์ ว่าให้ไปรับบุคคลต่างด้าวที่บริเวณฝั่งมอญ อำเภอสังขละบุรี เพื่อจะไปส่งที่จังหวัดนครปฐม ได้รับค่าจ้างหัวละ 2,500 บาท รวมทั้งหมด 10 คน เป็นเงิน จำนวน 25,000 บาท โดยได้เงินสดจากนายอ่องเมื่อส่งคนงานเรียบร้อย
​จากการสอบถาม ผู้ต้องหาที่ 2-11 ให้การว่า มาจากเมืองพะโคและเมืองเนปิดอร์ ประเทศเมียนมา ผ่านเข้ามาทางเจดีย์สามองค์และไม่มีเอกสารที่ทางราชการออกให้และไม่สามารถพูดไทยได้เพื่อจะเข้าไปทำงานที่ จังหวัดนครปฐม โดยจ่ายเงินให้กับนายหน้าคนละ 10,000 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทาง
​