หน้าแรก > อาชญากรรม

ปฏิบัติการ 'ตัดไฟแต่ต้นลม' ขยายผลตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด ยึดของกลางกว่า 2.5 ล้านบาท

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เวลา 11:50 น.


วันพุธที่ 25 มิถุนายน 2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผู้บังคับกรมรบพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา ผู้บังคับหน่วยข่าวกรองทางทหาร สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ แถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ยาบ้า 1,300,000 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.พิจิตร ต่อเนื่อง จ.นนทบุรี ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 4 จุด (จ.พะเยา, จ.ระยอง) ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 39 เม็ด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 1 คันรวมมูลค่าประมาณ 2,550,000 บาท

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ที่มาของการจับกุมคดีนี้สืบเนื่องจาก สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี ได้ทำการสืบสวนเครือข่ายการค้ายาเสพติดของ “นายเตชินท์” ซึ่งเป็นผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. สามารถจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ นายเตชินท์ฯ จำนวน 2 คดี คือ คดีที่ 1 วันที่ 22 ตุลาคม 2567 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน เฮโรอีน 154 กิโลกรัม ที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี (ออกหมายจับ 3 คน/ จับกุมได้แล้ว 1 คน เปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 3 ยึดทรัพย์สิน 80 ล้านบาท) คดีที่ 2 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ไอซ์ 504 กิโลกรัม ซุกซ่อนในช่องลับรถบรรทุก ที่ จ.นครสวรรค์ ต่อเนื่อง จ.นนทบุรี (ออกหมายจับ 5 คน) นอกจากนี้ยังมีคดี ที่ บก.น.2 จับกุมเครือข่ายนายเตชินท์ฯ ได้ ในวันที่ 16 มกราคม 2568 จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ไอซ์ 105 กิโลกรัม ที่ กทม. จะเห็นได้ว่าบุคคลระดับผู้สั่งการ (นายเตชินท์ฯ) ยังคงหลบหนี และคงมีพฤติการณ์สั่งการบุคคลในเครือข่ายให้ดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

ตนได้มอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สั่งการเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลพิสูจน์ทราบเครือข่ายที่ลำเลียงยาเสพติดของนายเตชินท์ฯ อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัยที่คาดว่าจะใช้ในการลำเลียงยาเสพติด (รถยนต์ของกลางที่ใช้บรรทุกยาเสพติด) จึงดำเนินการสืบสวนติดตามพฤติการณ์เรื่อยมา จนพบว่าในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนมิถุนายน 2568 รถคันดังกล่าวเดินทางจากพื้นที่ภาคเหนือมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังไปตรวจสอบหารถคันดังกล่าว กระทั่งวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 02.00 น. สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ขกท.ทบ., ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และ นสร. พบรถกระบะบรรทุกแบบคอก อำพรางด้วยสินค้าเกษตร มีลักษณะต้องสงสัย จึงขอทำการการตรวจค้น ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน (ชาว จ.พะเยา) พร้อมยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด บรรทุกอยู่ท้ายกระบะ เหตุเกิดในพื้นที่ จ.พิจิตร ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุม (CD) เพื่อขยายผลจับกุมผู้รับยาเสพติดปลายทาง กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 06.45 น. สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คน (ชาว จ.ระยอง) ขณะมารับยาเสพติด เหตุเกิดในพื้นที่ ต.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จากนั้น เจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 4 จุด (จ.พะเยา, จ.ระยอง) ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 39 เม็ด (ที่บ้านพักของผู้ต้องหาชาวระยองที่มารับยาเสพติด) และตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ 2,550,000 บาท

ผู้ต้องหาให้การว่า ในคดีนี้มีผู้ว่าจ้างให้ไปรับยาเสพติดในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง (จ. สุพรรณบุรี หรือ จ.นนทบุรี) ตั้งแต่ห้วงเมษายน 2567- มิถุนายน 2568 ระยะเวลารวม 1 ปี 2 เดือน เคยลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 6 ครั้ง ได้ค่าจ้างลำเลียงยาเสพติดครั้งละ 100,000 - 200,000 บาท ยาเสพติดที่เคยลำเลียงเป็นประเภทยาบ้า (ระดับล้านเม็ดขึ้นไป), ไอซ์/เฮโรอีน ปริมาณ 100 กิโลกรัมขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.นครปฐม

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ