วันที่ 25 ธันวาคม 2568 เวลา 15:13 น.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปฏิบัติการณ์ CIB ผ่าขบวนการ Romance Scam ข้ามชาติ ความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท
วันที่ 25 ธันวาคม 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ ผบก.ป. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น/จับกุม จากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป)
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ของศาลจังหวัดระยอง จำนวน 13 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง , ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ,สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ,ร่วมกันฟอกเงิน
คดีนี้สืบเนื่องจาก ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ได้มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ทำการสืบสวน Case Id ที่มีผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบ thaipoliceonline ซึ่งถูกมิจฉาชีพใช้กลอุบาย "Romance Scam" หรือหลอกให้รักและไว้วางใจให้ยืมเงินและร่วมลงทุน จนสูญเสียเงินรวมกว่า 21,901,110 บาท
โดยมีพฤติการณ์คือ เมื่อประมาณ ปี 2566 ผู้เสียหายได้รู้จักกับชายชาวต่างชาติรายหนึ่งผ่านเว็บไซต์หาคู่ โดยคนร้ายอ้างตัวว่าเป็นชายโสดอาศัยอยู่ในประเทศจอร์แดน มีสถานะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่กำลังประสบความยากลำบาก ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี คนร้ายได้สร้างความไว้วางใจด้วยการพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์อย่างสม่ำเสมอ จนผู้เสียหายเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและหลงรัก
ต่อมาคนร้ายได้เริ่มแผนการหลอกลวงเรื่องการสร้างครอบครัวร่วมกันและชวนลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ โดยอ้างว่าหากธุรกิจสำเร็จจะเดินทางมาใช้ชีวิตร่วมกันที่ประเทศไทย ด้วยความเชื่อใจผู้เสียหายจึงโอนเงินเพื่อร่วมลงทุนไปทั้งสิ้น 42 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ถึงกรกฎาคม 2568 ก่อนจะเริ่มผิดสังเกตและทราบว่าถูกหลอกลวงจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบ Thaipoliceonline
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการสืบสวนขยายผล จนทราบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้จำนวนทั้งสิ้น 17 ราย แบ่งเป็นชาวไทย 14 ราย, ชาวแคนาดา 1 ราย, ชาวกัมพูชา 1 ราย และชาวสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย และได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง จนสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดระยองออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวม 17 ราย
กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้น จับกุม ผู้ต้องหาทั้งหมด 17 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัดทั่วประเทศ และดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 13 ราย และพบว่าผู้ต้องหา 2 ราย ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำในคดีอื่น ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ยังหลบหนีอยู่เป็นชายชาวแคนาดา และชายชาวกัมพูชา ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งประสานงานติดตามตัว
นอกจากนี้ การตรวจสอบข้อมูลคดียังพบว่าบัญชีม้าในเครือข่ายนี้มีความเชื่อมโยงกับคดี Callcenter อื่นๆอีกถึง 19 คดี ทั้งการหลอกลงทุน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และหลอกเป็นศิลปินเกาหลี ซึ่งสร้างความเสียหายเพิ่มเติมอีกกว่า 36 ล้านบาท เมื่อรวมกับคดีล่าสุด ทำให้มีความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด ผู้ต้องหาบางรายให้การว่าเป็นบุคคลที่รับซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอล และผู้ต้องหาบางรายให้การว่ามีผู้อื่นมาติดต่อจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารและได้นำบัญชีของตนเอง พร้อมให้ติดตั้งแอปพลิเคชันธนาคารด้วย