หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 22 ธันวาคม 2568

วันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลา 05:40 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 22 ธันวาคม 2568


>> หนุ่มวัย 17 ปีขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล เสียชีวิตกลางถนนพระราม 2

08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนท้ายรถยนต์ ถนนพระราม 2 ในช่องทางคู่ขนาน บริเวณปากซอยพระราม 2 ซอย 68 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร สภาพล้มตะแคง ด้านหน้ามีร่องรอยการเฉี่ยวชน ใกล้กันพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค ทะเบียน กรุงเทพมหานคร สภาพท้ายรถด้านซ้ายมีร่องรอยการเฉี่ยวชน ตรวจสอบพบร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย มีอาการสาหัส ทางอาสาสมัครเร่งช่วยเหลือ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 17 ปี สภาพมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะ และท่อนขา เลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี


>> จุฬาฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี

10.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินเยือนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงได้รับการถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาระหว่างประเทศ ด้วยพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ทรงได้รับการถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ด้วยพระวิสัยทัศน์ด้านสุขภาวะ ความเสมอภาค และการพัฒนาสังคมอย่างรอบด้าน


>> รวบผู้ต้องหาพฤติกรรมแสบ เปิดบัญชีม้า หลอกขาย "สินค้าแบรนด์เนม"

10.47 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นายธอ(นามสมุติ) อายุ 21 ปี แจ้งข้อหา"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ฯ จับได้ที่บ้านหลังหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ /นายชอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี จับกุมได้ที่ บ้านหลังหนึ่งใน จังหวัดอุบลราชธานี /นายณอ(นามสมมุติ) อายุ 39 ปี จับได้ที่ จังหวัดศรีสะเกษ แจ้งข้อหา"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน"

พฤติการณ์แห่งคดี ตำรวจสอบสวนกลาง สืบสวนจนทราบว่า มีขบวนการบัญชีม้า หลบหนีซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี–ศรีสะเกษ หนีหมายจับหลายศาล ฯ การสืบสวนเชิงลึกทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นบุคคลตามหมายจับ ในความผิดเกี่ยวกับ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน การใช้บัญชีม้า และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก

ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เบื้องหลังก่อนถูกออกหมายจับ ของแต่ละบัญชีม้า เส้นทางต่างกัน แต่ปลายทางเดียวกัน เช่น นายธอ ให้การว่า เห็นโฆษณารับทำงานออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก เสนอค่าจ้างเปิดบัญชีเพียง 400 บาท ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงตกลงเปิดบัญชีให้ ภายหลังบัญชีดังกล่าวถูกนำไปใช้โดยแก๊งมิจฉาชีพ แฝงตัวในกลุ่มซื้อขายรองเท้าแบรนด์เนม หลอกขายสินค้ามือสองราคาถูก เหยื่อโอนเงินแล้วถูกตัดการติดต่อ คดีนี้มีผู้เสียหายหลายราย ความเสียหายรวมหลักแสนบาท และจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา


>> ผบ.ตร. มอบหมายจเรฯ ตรวจสอบคลิปเสียงบิ๊กตำรวจนครศรีฯ เรียกรับผลประโยชน์ หากผิดจริงฟันโทษอาญา–วินัย

11.30 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีคลิปเสียงบิ๊กตำรวจจังหวัดนครศรีธรรมราชถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ ระบุว่า ได้สั่งให้ย้ายผู้บังคับการจังหวัดมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. และมอบหมายจเรตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงควบคู่การสอบวินัย พร้อมยืนยันการพิสูจน์คลิปเสียงว่าเป็นของจริงหรือ AI สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก หากพบความผิดจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัยโดยไม่ละเว้น พร้อมขออย่าเหมารวมทั้งองค์กร และขอพิจารณารอบคอบกรณีชุดเฉพาะกิจ เพื่อไม่ให้กระทบภารกิจหน้างานที่จำเป็น

อีกทั้ง ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงมาตรการคุมเข้มโดรนใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ระบุว่า ได้สั่งการบูรณาการร่วมกองทัพและหน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ล่าสุดพบว่าบางกรณีเป็นอากาศยานและแสงจากหมู่ดาว ไม่พบการก่อวินาศกรรมหรือจารชนจากกัมพูชา พร้อมเดินหน้ากวาดล้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั่วประเทศ ขณะเดียวกันได้กำชับมาตรการดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 เดินหน้าโครงการ “ฝากบ้านไว้กับตำรวจ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลชีวิตและทรัพย์สินประชาชน และเตือนการบินโดรนในพื้นที่ห้ามบินมีโทษร้ายแรงสูงสุดถึงประหารชีวิต


>> จราจรวิภาวดีเข้ม กวดขันรถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนช่องทางหลักถนนวิภาวดีรังสิต

12.57 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.วิภาวดี เดินหน้ากวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด โดย พ.ต.ท.ดามพวร ทองอิ่ม รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ กองกำกับการ 2 กองบังคับการจราจร (กก.2 บก.จร.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภุชงค์ เม้าทุ่ง สารวัตรจราจรนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ออกกวดขันรถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนใช้ ช่องทางหลัก บนถนนวิภาวดีรังสิต ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พบผู้กระทำผิด จำนวน 53 ราย เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการออกใบสั่งตามกฎหมาย พร้อมประชาสัมพันธ์และตักเตือนผู้ขับขี่อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ การขับขี่รถจักรยานยนต์ในช่องทางหลักเป็นพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงสูง อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงการจราจรหนาแน่น ขอความร่วมมือผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ใช้ช่องทางที่กฎหมายกำหนด ขับชิดขอบทางด้านซ้าย และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้ใช้ทางร่วมกัน


>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ ก่อนจะพลิกงหงายท้อง มีผู้บาดเจ็บหลายราย และพบร่างผู้เสียชีวิตติดค้างในซากรถ

13.30 น. ได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนหมายเลข 333 เส้นทางสายอู่ทอง - ด่านช้าง ก่อนถึงจุดกลับรถใกล้ ธกส.ดอนคา ในพื้นที่ ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

ที่เกิดเหตุ พบกับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า สีเขียว หมายเลยทะเบียน สุพรรณบุรี ล้มคว่ำอยู่ข้างทางสภาพรถพังเสียหาย ใกล้กันพบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 60 ปี อาการสาหัส ทางเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือและนำตัวส่งรักษาที่ รพ.วิภาวดี-ปิยราษฎร์

และห่างออกไป พบรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีดำ ทะเบียน กรุงเทพฯ ลักษณะพลิกหงายท้องสภาพรถพังเสียหาย พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 37 ปี และอายุ 43 ปี ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.วิภาวดี-ปิยราษฎร์) และ รพ.อู่ทอง และพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย สภาพติดค้างภายในรถ ทางเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถและนำร่างออกมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 44 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อู่ทอง


>> เพลิงไหม้บ้านร้าง ใกล้เคียงที่ทำการไปรษณีย์มีนบุรี ส่วนต่อเติมเสียหายทั้งหมด

14.10 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ (บ้านร้าง) ใกล้ที่ทำการไปรษณีย์มีนบุรี ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง บริเวณส่วนต่อเติม เพลิงลุกไหม้ส่วนต่อเติมเสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไม่มีผู้พักอาศัยและไม่มีการใช้ไฟฟ้า ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน


>> ตร.ปส.ทลายแก๊งจีนเทา เปิดคอนโดผลิต “พอตเค” ส่ง KTV–ผับทั่วกรุง ยึดกว่า 500 หัว

14.32 น. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ตร.ปส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สั่งการให้กองกำกับการ 1 กองบังคับการ ปส.2 ขยายผลจับกุมเครือข่ายชาวจีน ลักลอบผลิตและจำหน่ายหัวบุหรี่ไฟฟ้าผสมสารอิโทมิเดต หรือ “พอตเค” ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังสืบสวนต่อเนื่องจากการจับกุมเครือข่ายจีนเทาเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนกระทั่งพบตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีนในคอนโดย่านสุขุมวิท 13 ก่อนบุกเข้าตรวจค้นห้องพัก 2 ห้อง พบแหล่งผลิตหัวพอตเคภายในคอนโด

จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดหัวพอตเคพร้อมจำหน่ายจำนวน 552 หัว หัวพอตเปล่า อุปกรณ์และเครื่องมือผลิต รวมถึงบรรจุภัณฑ์จำนวนมาก โดยผู้ต้องหาทราบชื่อ นายหลี่ อายุ 32 ปี สัญชาติจีน รับสารภาพเป็นผู้จำหน่ายให้กลุ่มชาวจีนย่านห้วยขวาง หัวละประมาณ 1,200 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (อิโทมิเดต) เพื่อการค้า ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน พร้อมเดินหน้าขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ขณะที่ ผบช.ปส.เตือนว่า “พอตเค” หรือ “พอตซอมบี้” มีสารออกฤทธิ์กดประสาท ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย อาจก่อให้เกิดภาวะกดการหายใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะ และผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง


>> ครูสาว ร่ำไห้ขอโทษ ปม "จับเด็ก ป.4 ตีเข่า" จนกระดูกซี่โครงอักเสบ

15.24 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้า ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่ง ลงโทษนักเรียนด้วยการใช้เข่าแทงเข้าที่ท้องของเด็ก ป.4 รวมถึงเพื่อนอีก 2 คน ฐานเอากระเป๋าของเพื่อนไปซ่อน จนเด็กมีเจ็บช่องท้อง-กระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ ทำให้ผู้ปกครองไม่ยอมและแจ้งความดำเนินคดี

ล่าสุด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 นักจิตวิทยา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี เพื่อสอบถามและพูดคุยข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น

นางเอ (นามสมมุติ) ครูประจำชั้น ป.4 กล่าวว่า นักเรียนทั้ง 3 คน เอากระเป๋าน้อง ป.3 ไปซ่อน แล้วไปฟ้องยายว่าโดนรุ่นพี่แกล้ง ตนจึงสอบถามว่าใครแกล้ง สุดท้ายเด็กทั้ง 3 ยอมรับ จึงมีการลงโทษ แต่ยืนยืนว่าไม่ได้ทำรุนแรงและไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ เพราะหลังจากวันนั้น น้องบอกว่าจะลา 10 วัน ไปขายของที่ จ.หนองคาย กับแม่ ก็โทรหาน้องตลอด เพราะตนสนิทกับน้องมาก แต่หากสิ่งที่ทำไปผู้ปกครองไม่สบายใจ ก็อยากขอโทษและยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำให้น้องบาดเจ็บ โดยครูเล่าไปร้องไห้ปาดน้ำตาไป พร้อมกับยกมือไหว้ผู้ปกครอง

ด้านผู้ปกครองนักเรียน ได้ตอบกลับครูว่า ไม่น่าจะทำรุนแรงด้วยการลงโทษเด็กแบบนั้น เพราะน้องถึงขั้นกระดูกซี่โครงอักเสบ อย่างไรก็ตามตนให้อภัย และเปลี่ยนใจไม่แจ้งความดำเนินคดีกับครู แต่ขอว่าอย่าทำรุนแรงแบบนี้กับนักเรียนอีก ทั้งนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 เตรียมตั้งกรรมการสอบวินัยดำเนินการตามระเบียบ หากผิดจะดำเนินการทางวินัยคุณครูเช่นกัน


>> ผบ.ตร.สั่งตรวจเข้มการบินโดรนรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังไม่พบแรงงานกัมพูชาใช้โดรนก่อกวน

15.27 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินอยู่บริเวณปลายเส้นทางบินรันเวย์ที่ 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

หลังรับแจ้งได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผู้บังคับการสื่อสารตำรวจภูธรภาค 1 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่รอบสนามบิน เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและตั้งจุดตรวจโดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่ จากการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยและกองทัพอากาศ พบว่าแสงที่ประชาชนพบเห็นนั้นเป็นแสงจากเครื่องบินที่ทำการบินตามปกติ รวมถึงแสงจากหมู่ดาว ไม่พบการบินของโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับในพื้นที่ต้องห้ามแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับเตือนประชาชนและผู้ครอบครองโดรนให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการนำโดรนขึ้นบินในพื้นที่หวงห้าม โดยเฉพาะบริเวณสนามบิน ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีโทษหนักสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกระแสข่าวความเป็นไปได้ของการแฝงตัวหรือใช้โดรนก่อกวนโดยแรงงานจากประเทศกัมพูชาในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า จากข้อมูลด้านการข่าวในขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าเป็นการกระทำของแรงงานกัมพูชา หรือกลุ่มบุคคลจากต่างประเทศแต่อย่างใด


>> ปคบ. ผนึกกำลังชุดพญาไท สกัดจับเครือข่ายเนื้อกระบือเถื่อน เกือบ 19 ตัน มูลค่าเกือบ 4 ล้าน

15.39 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดพญาไท กรมปศุสัตว์ จับกุมผู้ต้องหาชาย 2 ราย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558: ฐานนำเข้าและเคลื่อนย้ายซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560: ฐานครอบครองของที่นำเข้ามาโดยยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร

พร้อมตรวจยึดของกลาง เนื้อกระบือ ลักลอบนำเข้า น้ำหนักรวมกว่า 18,980 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 3,796,000 บาท สถานที่จับกุมในพื้นที่ จ.นนทบุรี 
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาที่เป็นผู้ขับขี่รถบรรทุก ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้าง ขนเนื้อดังกล่าวมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้รับค่าจ้างคันละ 14,000 บาท เพื่อนำมาส่งยังจุดนัดพบใน จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดและนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> 'สีหศักดิ์' เผยหลังประชุม ยังไม่มีข้อตกลงหยุดยิงกับ 'กัมพูชา' ให้ทหารหารือกัน ตามกรอบ GBC

15.48 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เพื่อหารือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ตนได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า ไทยมีจุดยืนชัดเจนต่อสันติภาพ อย่างที่ไทยเคยช่วยฟื้นฟูสันติภาพให้กับประเทศเพื่อนบ้าน และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เราพยายามแก้ไขโดยกรอบทวิภาคี แต่กลายเป็นว่าฝ่ายกัมพูาพยายามนำประเด็นนี้ไปสู่กรอบสหประชาชาติ แทนที่จะแก้ปัญหาสองฝ่าย

"ความไว้เนื้อเชื่อใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องสำคัญ แม้กระทั่งการปล่อยเทป ระหว่างการหารือ เป็นการแก้ไขปัญหาหรือเพื่อบั่นทอนรัฐบาลไทยในตอนนั้นหรือไม่ เราจึงเห็นว่าความไว้เนื้อเชื่อใจ สำคัญ อย่างที่เราได้ทำข้อตกลงหยุดยิงที่ปุตราจายาเมื่อ 28 ก.ค.และข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ 26 ต.ค.68 ก็แสดงว่าเราอยาเห็นสันติภาพที่แท้จริง"

นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่าข้อตกลงที่ไทยทำร่วมกับกัมพูชาเมื่อ 26 ต.ค.เป็นเส้นทางไปสู่สันติภาพ แต่กัมพูชาต้องปฏิบัติตามทุกข้อกำหนด การลดอาวุธ ลดกำลังทหาร เก็บกู้ทุ่นระเบิด อาชญากรรมบริเวณชายแดน สแกมเมอร์ทั้งหลาย และการบริหารจัดการเรื่องการรุกล้ำ ทั้ง 4 ข้อ เป็นเรื่องสำคัญมากโดยเฉพาะการกวาดทุ่นระเบิด สำคัญสำหรับประเทศไทย เพราะเกิดหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ขาขาด 6 ครั้ง และพอลงนามไปแล้ว ก็เกิดครั้งที่ 7 สำหรับคนไทยเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลงที่กัวลาลัมเปอร์ และเราต้องหาเหตุผลอธิบายคนไทยว่าทำไมเกิดเหตุนี้เรายังไม่ได้รับคำตอบจากฝ่ายกัมพูชาที่ชัดเจน

นายสีหศักดิ์ เปิดเผยว่า ไทยอยากเห็นการหยุดยิงที่ไม่ใช่แค่คำประกาศ จึงเสนอให้ทหาร 2 ฝ่ายได้คุยกัน ซึ่งกัมพูชายยอมรับที่จะประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมตามกรอบ GBC และ เห็นด้วยที่จะประชุมในวันที่ 24 ธ.ค.นี้


>> ‘กัมพูชา’ ยิงถล่มบ้านประชาชน บ้านหนองเสม็ด สระแก้ว บาดเจ็บ 6 ราย

16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกสูง ได้รับแจ้งว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ มาตกที่ บริเวณ บ้านหนองเสม็ด ม.3 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บจำนวน 6 ราย เป็นพลเรือน 5 ราย เป็นข้าราชการตำรวจ 1 ราย จึงเข้าทำการช่วยเหลือนำส่ง รพ. ต่อไป ส่วนทรัพย์สินเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้


>> รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำข้างตลิ่งริมน้ำ อาสากู้ภัยลงค้นหา พบหนุ่มใหญ่วัย 51 ปีจมอยู่ใต้น้ำ จ.นครศรีธรรมราช

16.17 น. อาสามูลนิธิประชาร่วมใจ รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุพบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ข้างคูน้ำ และคาดว่าผู้ขับขี่จะพลัดตกลงไปในน้ำ บริเวณริมถนนเลียบคูน้ำ ในพื้นที่ ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ - แดง ป้ายทะเบียน 119 นครศรีธรรมราช ล้มคว่ำอยู่ข้างตลิ่งริมน้ำ ทางอาสาสมัครจึงดำเนินการค้นหาภายในน้ำ ก่อนจะพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย จึงนำร่างขึ้นฝั่งและตรวจสอบ ทราบชื่อต่อมา นายสุธี อายุ 51 ปี จากการสอบถามญาติ ทราบว่าผู้ขับขี่ขาดการติดต่อ ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค เวลาประมาณ 21.00 น. จึงได้ประสานอาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจ เข้าดำเนินการค้นหา 
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียรใหญ่ พร้อมแพทย์เวรร่วมตรวจสอบ ก่อนมอบร่างให้อาสาสมัครนำส่ง รพ.เพื่อชันสูตรหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป


>> นายกฯ เปิดงาน OTOP City 2025 ชวนอุดหนุนสินค้าไทย สร้างรายได้ชุมชน ย้ำ OTOP เปรียบดั่งแบรนด์สินค้าไทย ที่จะแสดงศักยภาพไปทั่วโลก

17.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน OTOP City 2025 ณ เวทีกลาง อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด เนื่องจากสินค้า OTOP ในปัจจุบัน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเสมือนแบรนด์หลักแบรนด์หนึ่งของประเทศไทย สะท้อนถึงความเป็นไทย คุณภาพ ความประณีต และรายละเอียดที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต

นายกฯ ระบุว่า รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนสินค้า OTOP เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนสมาชิกในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม พร้อมขอให้กรมการพัฒนาชุมชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงศักยภาพให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์ไทย และรักษาความเป็นแชมป์ของสินค้า OTOP ไทยไว้ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดพื้นที่พิเศษให้ผู้ผลิตจากจังหวัดที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนทั้ง 7 จังหวัด จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงพลังน้ำใจ อุดหนุนสินค้าจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว


>> เฮลิคอปเตอร์ของ ทบ. เสียการควบคุม บินลงฉุกเฉิน สนามบินสุรินทร์ บาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย

17.19 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเกิดเหตุอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ ฮท.212 ของกองทัพบก เสียการควบคุมจนต้องทำการลงฉุกเฉิน ณ สนามบินสุรินทร์ภักดี จ.สุรินทร์

ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย ได้แก่ พ.ต.สุชาติ (นักบิน), ร.ท.อริญช์ (นักบินผู้ช่วย), จ.ส.อ.กิตติพงษ์ (ช่างเครื่อง) และ จ.ส.ต.เอกรินทร์ (ช่างเครื่อง)

ปัจจุบันได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธินเรียบร้อยแล้ว และอาการโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย สำหรับรายละเอียดของการเกิดเหตุนั้น จะได้มีการตรวจสอบต่อไป


>> ก.ต่างประเทศ เผยทหารไทยสูญเสียขารายที่ 8 พบหลักฐานสมุดโน้ตทหารกัมพูชาแจ้งพิกัดวางทุ่นระเบิด

17.23 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงในเรื่องของทุ่นระเบิดที่ฝ่ายไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา และเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.68) ซึ่งเป็นครั้งที่ 8 ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการเห็น ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือประท้วงไปถึงฝ่ายกัมพูชา และประธานภาคีอนุสัญญาออตตาวา รวมไปถึง เลขาธิการสหประชาชาติ ด้วยเช่นกัน และก่อนหน้านั้นได้มีการออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง

รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า เพราะเรามีหลักฐานที่ตรวจพบจากในพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ที่เป็นสมุดของทหารกัมพูชา ที่มีทั้งพิกัดแผนที่ การวางแผนวางระเบิด ซึ่งสะท้อนถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นข้อมูลหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้หยิบยกประเด็นนี้มาหารือกับผู้แทนพิเศษจีน เมื่อเย็นวานนี้ (20 ธ.ค.68) ก่อนที่จะเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ และยังเป็นประเด็นที่ปรากฏอยู่ในแถลงการณ์ของฝ่ายสหรัฐฯ โดยมี รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งขอให้สองประเทศกลับสู่เส้นทางสันติ แต่ในขณะเดียวกัน เห็นว่าควรร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อไป ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด


>> สภ.เมืองภูเก็ต ทำลายท่อไอเสียรถจักรยานยนต์กว่า 200 ชิ้น เข้มกวาดล้างแก๊งเด็กแว้น

17.26 น. ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต นำโดย พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผู้กำกับการ สภ.เมืองภูเก็ต และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำลายท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ดัดแปลงกว่า 200 ชิ้น ที่ได้ดำเนินการจับกุมกวาดล้างตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการกวาดล้างจับกุมแก๊งเด็กแว้นในพื้นที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

สำหรับการดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ทางสภ.เมืองภูเก็ต ได้รวบรวมของกลาง ได้แก่ ท่อดัดแปลงที่วัยรุ่นจับกลุ่มรวมตัวซิ่งรถและตรวจยึดตามกฎหมาย รวมทั้งร้านแต่วรถที่จำหน่ายท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน มอก. ที่ได้ดำเนินคดีไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงเทศกาลกินผัก 2568 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สภ.เมืองภูเก็ต ขอประชาสัมพันธ์ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 นี้ อย่าปล่อยปะละเลย หรือยินยอมใฟ้เยาวชนออกมารวมกลุ่ม ซิ่งรถเสียงดังรบกวนประชาชน ไม่เช่นนั้นอาจถูกจับ ปรับ ยึดรถ รวมทั้งผู้ปกครองอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ


>> กกล.บูรพา ถล่มอาคาร 2 หลังฝั่งปอยเปต หลังพบเป็นที่ตั้งเครือข่ายสแกมเมอร์ แถมเขมรใช้เป็นที่ตั้งพลซุ่มยิงเข้าใส่ไทย

18.03 น. กองทัพภาคที่ 1 เผย กกล.บูรพา ปฏิบัติการทำลายเป้าหมายอาคาร 2 หลัง บริเวณฝั่งปอยเปต ตรงข้าม ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งมีการพิสูจน์ทราบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าอาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งของเครือข่ายสแกมเมอร์ และฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นที่ตั้งพลซุ่มยิง ซึ่งได้ทำการยิงเข้าใส่ฝ่ายไทย ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ

นอกจากนี้ได้รับการพิสูจน์ทราบว่ามีการติดตั้งระบบแอนตี้โดรนภายในอาคาร ภายหลังการโจมตี สามารถสร้างความเสียหายให้กับอาคารดังกล่าว และไม่มีการยิงตอบโต้มาจากฝ่ายกัมพูชาอีก นอกจากนั้นยังทำให้เครือข่ายสแกมเมอร์หลบหนีออกจากอาคาร


>> รถจักรยานยนต์, รถกระบะ, รถนั่งส่วนบุคคลชนกัน และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย

18.30 น. รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์, รถนั่งส่วนบุคคล และรถกระบะชนกัน และมีผู้เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 1303 ใกล้เคียงโรงเรียนประชาสงเคราะห์วิทยา ในพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล มิตซูบิชิ สีเทา ป้ายทะเบียน พิษณุโลก, รถกระบะ โตโยต้า รีโว่ ป้ายทะเบียน กทม. และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน กำแพงเพชร ตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ชาย 1 และผู้หญิง 1 ราย ในส่วนของสาเหตุทีแท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมสร้างตนเอง  


>> แผ่นดินไหว ขนาด 5.2 บริเวณพรมแดนประเทศลาว - ประเทศจีนรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ที่เชียงราย

22.45 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 5.2 ความลึก 10 กม. บริเวณพรมแดนประเทศลาว - ประเทศจีน ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 166 กม.

มีรายงานว่า สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ได้ที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย  


>> แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา

23:42 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.8 ลึก 10 กม. บริเวณพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไป ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 331 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย


>> ไฟไหม้เพิงพักขายอาหาร ซอยปากน้ำกระโจมทอง 6

01.57 น.  สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ซอยปากน้ำกระโจมทอง 6 ถนนปากน้ำกระโจมทอง แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นเพิงพักไม้ชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสี ประกอบกิจการจำหน่ายอาหารตามสั่ง ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในเพิงพัก เพลิงลุกไหม้ตู้วางอาหารเสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 1 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ตู้วางอาหารเสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์


>> รถบรรทุก 6 ล้อชนกับรถเทรลเลอร์กลางถนนกิ่งแก้ว มีผู้เสียชีวิตร่างติดค้างอยู่ภายในยานพาหนะ จ.สมุทรปราการ

02.03 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุ รถบรรทุกชนกับรถเทรลเลอร์ และมีผู้เสียชีวิตติดค้างอยู่ภายในยานพาหนะ ถนนกิ่งแก้ว ขาเข้า ช่วงก่อนถึงทางขึ้นยกระดับเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ  ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ  

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 6 ล้อ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน สกลนคร ลักษณะชนเข้าท้ายรถเทรเลอร์ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน สมุทรปราการ ตรวจสอบพบว่าคนขับรถ 6 ล้อเสียชีวิตสภาพร่างติดค้างในซากรถ เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 60 - 65 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอเครื่องมือตัดถ่างมาดำเนินการ ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว  


>> พบชายถูกยิงเสียชีวิตภายในรถเก๋ง บนทางพิเศษศรีรัช ขาเข้า ก่อนเข้าด่านเก็บเงินประชาชื่น ตร.กำลังสอบสวนหาสาเหตุ

04.30 น. รับแจ้งจาก ม.ป่อเต็กตึ๊ง ตรวจสอบเหตุผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืน ภายในรถยนต์ จอดอยู่บนทางพิเศษศรีรัช ฝั่งขาเข้า ก่อนถึงหน้าด่านประชาชื่น

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีขาว ป้ายทะเบียน สระแก้ว จอดอยูที่เลนซ้าย ภายในรถที่เบาะนั่งคนขับ พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นผู้ชาย 1 ราย อายุประมาณ 30 - 35 ปีมีบาดแผลบริเวณลำคอ ลักษณะถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น  

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม