หน้าแรก > อาชญากรรม

จับหัวหน้าพนักงานคนไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหนีกลับมาซ่อนตัวในประเทศ

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 เวลา 15:50 น.


จับหัวหน้าพนักงานคนไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังหนีกลับมาซ่อนตัวในประเทศ

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมนายพร (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และอั้งยี่” โดยจับกุมได้หน้า หอพักครูแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.น่าน

พฤติการณ์ เมื่อประมาณปลายปี 2566 กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์จากต่างประเทศ โทรติดต่อผู้เสียหาย แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หลอกลวงว่าผู้เสียหายมีบัญชีธนาคารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ โดยมีการวิดีโอคอลแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจนผู้เสียหายหลงเชื่อ ผู้เสียหายได้โอนเงินรวม 19 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 927,982 บาท

จากการสืบสวนพบว่า คดีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ต่อมา บก.ป. ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องรวม 14 ราย นำมาสู่ปฏิบัติการ “ทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวบพนักงานและบัญชีม้า หยุดวงจรคอลเซ็นเตอร์จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการ” ในวันที่ 24 ก.ย.2567 เข้าตรวจค้นและจับกุม 9 จุดทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 12 ราย พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและบัญชีธนาคารจำนวนมาก

จากปฏิบัติการได้ข้อมูลจากหนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ว่า การทำงานเป็นไปโดยสมัครใจ ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ โดยทำงานในอาคารหลายชั้นในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ละชั้นแบ่งเป็นหลายห้อง ซึ่งล้วนเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในรูปแบบการหลอกลวงที่แตกต่างกัน มีชายชาวจีนเป็นผู้ควบคุมสั่งการ โดยสั่งการผ่านหัวหน้าพนักงานคนไทย ซึ่งทำหน้าที่ควบคุม ดูแล มอบหมายงาน และออกแบบบทสนทนาในการหลอกลวงเหยื่อ โดยยืนยันว่า นายพร เป็นหัวหน้าพนักงานคนไทยของขบวนการดังกล่าว นำไปสู่การออกหมายจับ นายพร ตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น

จากการสืบสวนทราบว่า นายพร มักใช้ช่องทางธรรมชาติในการข้ามแดนไทย–กัมพูชา ทำให้ยากต่อการติดตามตัวจับกุม กระทั่ง เจ้าพนักงานตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้สืบสวนทราบว่า นายพร ได้หลบหนีกลับมายังภูมิลำเนาที่ จ.น่าน เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา จึงได้เข้าตรวจสอบจนสามารถติดตามจับกุมได้ตามหมายจับทั้งหมดข้างต้นส่ง กก.6 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม