หน้าแรก > สังคม

ศป.กฉ. แถลงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ยืนยันยอดเสียชีวิตสะสม 145 ราย เฉพาะจ.สงขลา 110 ราย ช่วยเหลือผู้ตกค้างในพื้นที่ได้แล้ว 1,734 เขต จากทั้งหมด 1,934 เขต คิดเป็นร้อยละ 89

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16:48 น.


วันนี้ (28 พ.ย. 68) ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) แถลงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ พร้อมด้วยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกรัฐบาล และดร.รัชดา ธนาดิเรก ร่วมรายงานผลการดำเนินงานและแนวทางฟื้นฟูภาพรวมของรัฐบาล

รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรการช่วยเหลือประชาชน แม้สถานการณ์หลายพื้นที่จะเริ่มคลี่คลาย พร้อมชี้แจงประเด็นจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ว่า ไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงการตอบคำถามสื่อมวลชน แต่ต้องการให้สาระสำคัญเรื่องมาตรการช่วยเหลือประชาชนออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ประเด็นทางการเมืองบดบังข้อมูลที่จำเป็นต่อประชาชน พร้อมขออภัยสื่อมวลชนและย้ำว่าการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาเป็นเรื่องสำคัญในช่วงภาวะวิกฤต

นายสิริพงศ์ โฆษกรัฐบาล รายงานความคืบหน้าการระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยว่า จากการปฏิบัติการของศูนย์ส่วนหน้าในช่วง 24 ช.ม.ที่ผ่านมา สามารถช่วยเหลือผู้ตกค้างในพื้นที่ได้แล้ว 1,734 เขต จากทั้งหมด 1,934 เขต คิดเป็นร้อยละ 89 โดยส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ครบถ้วน เนื่องจากบางจุดประชาชนได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ หรือเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นและเลือกที่จะพักอาศัยในบ้านของตนเอง ศูนย์พักพิงในพื้นที่ยังคงรองรับประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้พักอยู่รวม 14,160 คน และยังสามารถรองรับเพิ่มได้อีก 20,840 คน ส่วนกำลังการผลิตอาหารเพื่อแจกจ่ายทั้งในศูนย์พักพิงและผู้ที่ยังตกค้างในพื้นที่ เพิ่มขึ้นเป็น 92,320 ชุดต่อวัน ทำให้การดูแลสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น

ส่วนยอดผู้เสียชีวิต กระทรวงสาธารณสุขรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมจากเหตุอุทกภัยครั้งนี้ 145 ราย แบ่งเป็น จ.นครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 110 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 5 ราย ปัตตานี 6 ราย ยะลา 5 ราย และนราธิวาส 4 ราย

ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินร่วมกันว่า กรณีจังหวัดสงขลาไม่ควรแยกเขตรายงานอีกต่อไป และให้รายงานยอดรวมทั้งหมดของจังหวัดเพื่อความถูกต้องและป้องกันความสับสน โดยตัวเลขที่แถลงในวันนี้ถูกต้องตามข้อมูลที่บูรณาการจากตำรวจ ฝ่ายนิติเวช และกระทรวงสาธารณสุขแล้ว

สถานการณ์ระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงเริ่มนำการบริหารจัดการเข้าสู่ “โหมดฟื้นฟู” ควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ยังได้รับผลกระทบ โดยมีการลำเลียงเครื่องอุปโภค–บริโภคและสิ่งของจำเป็นผ่านทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกองทัพ หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน อาทิ สายการบินแอร์เอเชีย และบริษัทขนส่งพัสดุต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการ “ยกเว้นค่าบริการสนามบิน” ให้แก่ผู้ประกอบการที่ร่วมภารกิจช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ รัฐบาลได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำจำนวน 280 เครื่องลงพื้นที่ โดยเน้นพื้นที่ลุ่มต่ำใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายทางอากาศเพื่อวิเคราะห์จุดติดตั้งที่เหมาะสม นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้สำรวจความเสียหายของถนน พบว่าเส้นทางที่ยังไม่สามารถสัญจรได้จำนวน 60 เส้นทาง และเปิดให้สัญจรแล้ว 337 เส้นทางพร้อมเร่งซ่อมแซมในจุดที่เข้าสู่พื้นที่ได้ ส่วน บขส. เปิดเดินรถได้แล้ว 9 เส้นทาง ขณะที่รถไฟสามารถเปิดเดินรถได้ 12 จุด แต่ยังมี 27 จุดที่ต้องรอประเมินเพิ่มเติม

ด้านระบบสาธารณูปโภค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสามารถจ่ายไฟฟ้าได้แล้วจำนวนมาก เหลือเพียงบางพื้นที่ที่ยังต้องรอความปลอดภัยก่อนเปิดระบบ โดยจากบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบกว่า 700,000 ครัวเรือน ขณะนี้เหลือประมาณ 600,000 ครัวเรือน และคาดว่าจะกลับมาจ่ายไฟได้เกือบทั้งหมดภายใน 1–2 วันนี้ สำหรับน้ำประปาได้เริ่มติดตั้งเครื่องจักรผลิตน้ำประปาเพิ่มเติม พร้อมส่งรถบรรทุกน้ำรวม 16 คันเข้าเสริมการผลิตในพื้นที่ประสบภัย

ด้านโทรคมนาคม กสทช. ได้ประสานโอเปอเรเตอร์ทุกค่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยผู้ใช้ระบบเติมเงินจะได้รับการขยายวันใช้งานอัตโนมัติ 30 วัน ผู้ใช้รายเดือนขยายเวลาชำระค่าบริการ 1 เดือน และประชาชนทุกระบบในพื้นที่ประสบภัยจะได้รับสิทธิ “โทรฟรี 100 นาที + อินเทอร์เน็ตฟรี 10GB” ตั้งแต่วันนี้ เป็นเวลา 15 วัน

รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการจัดการขยะที่เริ่มสะสมหลังระดับน้ำลด โดยกรมการปกครองได้ส่งสมาชิก อส. ลงพื้นที่ทำความสะอาดแล้วหลายจุด พร้อมเสริมกำลังอาสาสมัครเพิ่มกว่า 2,000 คนในคืนนี้ เพื่อเดินหน้าการ “บิ๊กคลีนนิ่ง” ทันทีตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนกระแสข่าวเรื่องพายุโคโตะจะส่งผลกระทบต่อภาคอีสานนั้น กรมอุตุนิยมวิทยายืนยันว่า ไม่กระทบประเทศไทยและขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก

รัฐบาลได้ปรับการบริหารจัดการจาก “โหมดช่วยเหลือ” สู่ “โหมดฟื้นฟู” อย่างเต็มรูปแบบ แต่ยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง พร้อมเร่งฟื้นฟูเมืองและเยียวยาความเสียหายให้กลับสู่สภาพปกติในเวลาที่เร็วที่สุด และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนการทำงานของรัฐในภาวะวิกฤต พร้อมเปิดสายด่วน 1441 ให้ประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ติดต่อประสานงานได้ตลอดเวลา

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม