หน้าแรก > สังคม

4 สมาคมตำรวจ ยื่นหนังสือถึง "ผบ.ตร." จี้ฟัน “บิ๊กโจ๊ก-อัจริยะ” หลังใส่ร้ายองค์กรตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมใหญ่สุด​

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14:32 น.


4 สมาคมตำรวจ ปัดเป็นกระบอกเสียงให้ "บิ๊กต่าย" ตอบโต้ "สุรเชษฐ์-อัจฉริยะ" หลังพ่นไฟใส่ร้ายองค์กรตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมใหญ่สุด​ ลั่นต้องการกอบกู้ศรัทธาจากประชาชน- ด้าน​ โฆษก​ ตร.แจงปม​ ผบ. ตร.ไม่ออกมาตอบโต้ด้วยตนเอง​ ยันเอาผลงานเข้าแลก

วันที่​ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา​ 10.00น. ที่​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4 สมาคมตำรวจประกอบด้วยสมาคมตำรวจ, สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, ชมรมพนักงานสอบสวนและชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญนำโดย​ พล.ต.อ.วินัย​ ทองสอง และพล.ต.อ.เอก​ อังสนานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ รวมตัวเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ​ พันธุ์เพ็ชร์​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ เรียกร้องให้ดำเนินการทางวินัยและอาญา กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์​ หักพาล​ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายอัจฉริยะ​ เรืองรัตนพงศ์​ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม​ กรณีออกมาเคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย​ และมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหลายร้อยนายซึ่งสร้างความเสียหายกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างร้ายแรง

โดย  พล.ต.อ.วินัย กล่าวย้ำว่า การเรียกร้องในวันนี้เนื่องจากมองว่าการออกมาใส่ร้ายองค์กรตำรวจของ 2 คนเป็นการบั่นทอนและทำลายชื่อเสียงรวมทั้งทำลายความเชื่อมั่นประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจเนื่องจากองค์กรตำรวจก่อตั้งมานานเป็น 100 ปี จึงต้องการกอบกู้ศรัทธา​ โดยย้ำว่าหากทั้ง 2 คนมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนก็ขอให้นำมามอบให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเอาผิดและจัดการกับตำรวจไม่ดี​

อีกทั้ง​ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ​ ที่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่แต่กลับมีพฤติกรรมพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น​ เป็นเพียงเพราะผิดหวังจากตำแหน่งและถูกให้ออกจากราชการ พร้อมเรียกร้องให้​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกพาดพิงว่ามีการกระทำความผิด  โดยทั้ง 4 ประชาคม จะเฝ้าติดตามความคืบหน้า​

ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ พล ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯให้ออกมาตอบโต้และไม่ควรนิ่งเฉยในฐานะผู้นำองค์กรตำรวจด้วยตนเองนั้น​ มองว่าบุคคลิกของผู้นำแต่ละคนไม่เหมือนกัน​ ตนเองจึงต้องออกมาเรียกร้องและตอบโต้ยืนยันว่าการเรียกร้องของ 4 ประชาคมไม่ใช่เป็นกระบอกเสียงหรือเป็นการเป็นหนังหน้าไฟของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมระบุว่า ตนเองไม่เคยยกหูคุยทางโทรศัพท์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ​ หลังจากที่ออกมากล่าวหาเนื่องจากมองว่าโตๆกันแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองจะเคยเป็น 1 ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นแต่งตั้งเพื่อตรวจสอบ การกระทำของ​ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์​ สุวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีปัญหากันซึ่งคณะกรรมการฯ​ ได้มีมติชี้มูลว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯมีความผิดแต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ​ ยังมียังไม่มีมติออกมาต่อสาธารณชนนั้นทำให้เกิดข้อสงสัย พล.ต.อ.วินัยฯ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการ และยืนยันว่าเรื่องนี้มีพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย แต่ไม่ขอให้รายละเอียดมากไปกว่านี้แม้ว่าปัจจุบันทาง ก.ร.ตร.จะมีมติชี้มูล พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯกับพวกไปแล้วก็ตาม

ด้าน​ พล.ต.ต.ไอยศูนย์ สิงหนาท หัวหน้าสมาคมตำรวจสาขานครราชสีมา กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับข้าราชการตำรวจระดับชั้นผู้น้อยเป็นจำนวนมากที่รู้สึกไม่สบายใจและขอให้ตนเองออกมาดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดเพราะทำให้บั่นทอนกำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยอมรับว่าเสียดาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯที่ตนเองรู้จักและติดตามการทำงานมาโดยตลอดทั้งๆที่เป็นตำรวจหนุ่มไฟแรงและมีอนาคตที่สดใสแต่กลับมากล่าวหาใส่ร้ายองค์กรตำรวจที่ตนเองเติบโตมา

ขณะที่​ พล.ต.ท.ยิ่งยศ​ เทพจำนงค์​ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวชี้แจงกรณีเรียกร้องให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ​ฯ​ ออกมาชี้แจงและตอบโต้ในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเองในฐานะผู้นำหน่วยว่าการออกมาตอบโต้มีหลายวิธีแต่วิธีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทำคือการตอบโต้ด้วยการทำงานมีผลการจับกุมสร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์เป็นวิธีที่ทำให้ประชาชนเห็นผลงานมากกว่า ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีการรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทุกคนที่กล่าวหาใส่ร้ายองค์กรตำรวจโดยปราศจากหลักฐานอย่างเด็ดขาด เพราะการกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนมีกระบวนการทำงานอยู่แล้ว

ข่าวยอดนิยม