วันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลา 00:43
รวบสาวจีนกรรมการบริษัทฯ คาสนามบินขณะเตรียมบินหนี หลังลักลอบนำเศษขยะพลาสติกเข้าไทย สวมใบอนุญาตบริษัทฯอื่น
กองบังคับการการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ECD) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.สส.ปป.บก.ตม.2
ผู้ต้องหา น.ส.วู ยูเฟน (Wu Yufen) อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดพัทยา ลงวันที่ 4 กันยายน 2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันนำของผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามใน ราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้น” ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ จับได้บริเวณ ฝ่าย ตม.ขาออก ชั้น 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
พฤติการณ์ กล่าวคือ น.ส.วู ยูเฟน (Wu Yufen) ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท ไทย เอส.เอ. อินเตอร์ - โปรดัคท์ จำกัด ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตภัณฑ์พลาสติกต่างๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ศุลกากรพบความผิดปกติหลังการตรวจปล่อย จึงเข้าตรวจสอบ ณ สถานประกอบกิจการพร้อมตรวจยึดเอกสาร พบว่า บริษัทฯมีการนำเข้าสินค้าประเภทเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร ตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 19 ฉบับ โดยแบ่งเป็น สำแดงเลขที่ใบอนุญาตการนำเข้าเป็นใบอนุญาตของบริษัทอื่น จำนวน 16 ฉบับ และ นำเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าในราชอาณาจักร จำนวน 3 ฉบับ ถือเป็นกรณีที่บริษัทฯนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งส่งผลทำให้ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เกิดมลพิษทางอากาศและเพิ่มปริมาณขยะภายในประเทศ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.วู ยูเฟน (Wu Yufen) ผู้ต้องหา กำลังจะเดินทางกลับประเทศของตนโดยเครื่องบินโดยสาร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้เดินทางไปเฝ้า สังเกตการณ์บริเวณสนามบินฯที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าแสดงตัว ขอตรวจสอบดูและพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง จึงดำเนินการจับกุมบริเวณดังกล่าว และนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ว่าตนเองประกอบกิจการชิปปิ้ง และเคยร่วมทำธุรกิจกับบริษัท ไทย เอส.เอ. อินเตอร์ - โปรดัคท์ จำกัด ซี่งต่อมาไม่ทราบว่าเหตุใด ตนจึงมากรรมการบริษัทฯดังกล่าวได้ และหลังจากที่ได้ดูเอกสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทฯ ก็พบว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของตนแต่อย่างใด จึงเชื่อได้ว่าตนถูกแอบอ้างใช้ชื่อเป็นกรรมการบริษัทฯดังกล่าว และ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯแห่งนี้แต่อย่างใด