วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 12:07 น.
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุม นายหม่า อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น
โดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย
แก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ใน บริเวณห้องพัก ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยสุดประเสริฐ 2 ถนน สุทธิสารวินิจฉัย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งหนึ่ง ว่ามีคนร้ายส่ง SMS แนบลิงก์ไปยังผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายกรอกข้อมูลบัตรเครดิต และ otp จากนั้น พบว่ามีคนร้ายนำบัตรเครดิตดังกล่าวไปใช้ชำระเงินค่าสินค้า ผ่าน Google Pay ที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานคร
จึงได้ทำการสืบสวนและพิสูจน์ทราบบุคคล พบว่าผู้ที่ทำรายการคือ นายหม่า และพักอาศัยอยู่ที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ และเข้าจับกุมตัวได้ที่ห้องพักในโรงแรมดังกล่าว พร้อมของกลาง ได้แก่ เครื่อง EDC หรือเครื่องสำหรับรับชำระเงินด้วยบัตร จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องอ่านบัตร จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง, บัตร ATM ธนาคารต่างชาติ จำนวน 17 ใบ, บัตร PVC เปล่า จำนวน 11 ใบ และ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหามีการติดต่อกับแฮกเกอร์ ผ่านช่องทาง Telegram โดยมีการส่งข้อมูลบัตรเครดิตต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ จำนวนมาก และนายหม่า จะทำหน้าที่ในการนำข้อมูลบัตรเครดิต ที่ได้ ไปรูดซื้อสินค้าต่างๆ จากร้านค้าตามห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานคร และนำสินค้าไปจำหน่ายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด จากนั้นจะแลกเงินที่ได้เป็นคริปโทเคอเรนซี่ สกุล USDT และโอนส่วนแบ่งค่าข้อมูลในกับแฮกเกอร์ ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลสอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ