พล.ต.ต จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้าคดี เงิน 10 ล้านบาท และทองคำน้ำหนัก 250 บาท หายไปจากกุฏิของเจ้าอาวาสวัดม่วง
จากการลงพื้นที่ของตำรวจ บก.ปปป. เพื่อตรวจสอบที่มาของเงิน และเมื่อวานนี้ (3กค.68) ที่ บก.ปปป. เข้าตรวจค้นวัดม่วง ซึ่งทีแรกเจ้าอาวาสก็ไม่ให้ความร่วมมือ จนตำรวจต้องกดดัน สุดท้ายเจ้าอาวาสจึงได้ยอมมอบบัญชีธนาคารส่วนตัว 2 บัญชีให้กับตำรวจ โดยบัญชีแรกเคยมีเงินอยู่ 13 ล้านบาท ก่อนที่เจ้าอาวาสจะถอนออกไปช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 10 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินในบัญชีคงเหลือ 3 ล้านบาท ส่วนอีกบัญชีเคยมีเงิน 10 ล้านบาท ถูกถอนออกไปหมดบัญชีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงไม่มียอดเงินคงเหลือในบัญชีนี้แล้ว ซึ่งเจ้าอาวาสอ้างว่าเป็นเงินส่วนตัวที่สะสมตั้งแต่บวชเมื่อปี 2516 แต่บัญชีธนาคารดังกล่าวเพิ่งเปิด ทำให้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ และขอรอตรวจสอบที่มาของเงินก่อน โดยต้องนำไปเปรียบเทียบกับบัญชีของวัด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบัญชีของวัด อยู่ระหว่างรอไวยาวัจกรส่งมอบ เพราะเป็นคนถือบัญชีวัดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา ตำรวจยังไม่พบตัวไวยาวัจกร แต่ตำรวจก็ต้องประสานงานเพื่อให้ได้บัญชีมาให้ได้ เพราะถือว่าสำคัญที่จะใช้ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่ามีความปกติ หรือมีเงินจากบัญชีของวัดไหลเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาสหรือไม่ หรือเงินถูกนำไปใช้ทำอะไร ส่วนกรณีพระนิทัศน์ อดีตคนสนิทของเจ้าอาวาสวัดม่วง ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ อ้างว่าทราบที่มาของเงินนั้น พระนิทัศน์ก็สามารถมาร้องทุกข์และเข้าให้กับข้อมูลกับ บก.ปปป. ได้เลย เดี๋ยวตำรวจก็จะรับเรื่องไว้ตรวจสอบ หรือจะให้ตำรวจไปสอบปากคำที่วัดก็ได้ เพียงขอให้มีข้อมูลและพยานหลักฐานที่ตำรวจจะสามารถตรวจสอบได้
ด้าน พันตำรวจเอก ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม เผยว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 6-7 ปาก ประกอบด้วย เจ้าอาวาสวัดม่วง, คนใกล้ชิด, พระลูกวัด และร้านทอง ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนเร่งคลี่คลายคดี เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องสามารถเป็นคนร้ายได้ โดยเมื่อคืนนี้ทางตำรวจได้ประชุมชุดคณะทำงานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าคดีนี้จะใช้เวลาไม่นานในการคลี่คลายคดี