24 ชั่วโมงขาว 91 ประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2568
>> รถ 6 ล้อโดยสารชนกับรถบรรทุก ก่อนพลิกคว่ำลงข้างทาง บาดเจ็บหลายราย และมีผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
06.46 น. รับแจ้งจาก ศูนย์สั่งการมหาสารคาม มีอุบัติเหตุรถบรรทุกสิบล้อ ชนกับรถโดยสาร 6 ล้อ และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บนถนนสายพยัคฆภูมิพิสัย - เมืองเตา บริเวณปากทางบ้านเก่าน้อย ในพื้นที่ ต.หนองบัวแก้ว อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. จอดอยู่บนถนนสภาพหน้ารถฝั่งซ้ายมีร่องรอยการชนได้รับความเสียหาย และห่างออกไปที่ข้างทาง พบรถ 6 ล้อ สีฟ้า ป้ายทะเบียน มหาสารคาม ดัดแปลงเป็นรถโดยสาร สายพยัคฆ์ - เมืองเตา สภาพหลังคายุบ ตัวรถพังเสียหาย ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 6 รายทั้งคนขับและผู้โดยสาร เป็นผู้ชาย 3 และผู้หญิง 3 ราย ทางอาสาสมัครทั้งกู้ชีพ - กู้ภัย เร่งให้การช่วยเหลืองัดหลังคาเพื่อนำผู้บาดเจ็บออกมา ก่อนช่วยเหลือและนำส่ง รพ.พยัคฆภูมิพิสัย และ รพ.มหาสารคาม
และรับแจ้งว่า ผู้บาดเจ็บ 1 รายที่มีอาการสาหัสถูกนำส่ง รพ.พยัคฆภูมิพิสัย ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เป็นผู้หญิงไทย อายุ 67 ปี ในส่วนของสาเหตุแท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย
>> เฮลิคอปเตอร์ทหารลงจอดฉุกเฉิน ที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน จ.ร้อยเอ็ด เด็กๆ ตื่นเต้น ผู้เฒ่าผู้แก่ผูกแขนเรียกขวัญ
07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เกิดเหตุการณ์น่าประทับใจที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก "กรมบิน ศูนย์การบินทหารบก จังหวัดลพบุรี" ลงจอดฉุกเฉินที่สนามฟุตบอลของโรงเรียนบ้านคำพอุงประชาราษฎร์บำรุง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนเป็นอย่างมาก เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ใกล้ ๆ ขนาดนี้ คุณครูจึงพานักเรียนมาถ่ายรูปเก็บความประทับใจกับเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้ผู้ใหญ่ในพื้นที่ที่ทราบข่าวก็พากันมาชมและถ่ายรูปกับเฮลิคอปเตอร์ด้วยเช่นกัน
ความน่ารักของคนในพื้นที่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อกลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ทราบข่าวก็พากันนำด้ายผูกแขนมาผูกข้อมือให้กับนักบินทั้ง 4 นาย เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นภาพแห่งความอบอุ่นและความห่วงใย สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น และยังสะท้อนถึงความผูกพันและน้ำใจอันดีงามของชาวร้อยเอ็ดที่มีต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง
>> ชายปริศนา ตกอาคารเรียนเสียชีวิต ผอ.โรงเรียน ต้องสั่งหยุดเรียน 1 วัน
07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุชายพลัดตกจากอาคารเรียน เสียชีวิตที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมสหศึกษาขนาดใหญ่ ในจังหวัดนครราชสีมา มีนักเรียนกว่า 3,800 คน
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร 4 ซึ่งเป็นอาคารเรียนสูง 9 ชั้น พบร่างชาย อายุ 29 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น นอนเสียชีวิตอยู่หน้าลิฟต์โดยสารของนักเรียน สภาพศพมีกระดูกหัก และบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิต ได้ลักลอบปีนกำแพงเข้ามาในพื้นที่โรงเรียน และขึ้นไปบนชั้น 6 ก่อนจะกระโดดลงมาด้านล่างเสียชีวิต หลังเกิดเหตุ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ออกประกาศสั่งหยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษ 1 วัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องกันพื้นที่เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์
>> ไฟไหม้บนอาคารพาณิชย์ ซอยเจริญราษฎร์ 7 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบก่อนจะลุกลาม
08.43 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 7-6-4 ( ซอยอยู่ดี 4 ) ถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 3 ภายในห้องพักอาศัย เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมดจำนวน 1 ห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 30 ตารางเมตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยยานนาวา
>> "สุริยะ" นำ รมต. ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนประชุม ครม.นัดพิเศษ
11.11 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นำ คณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
>> รวบนางนกต่อ ชวนแฟนใหม่ ยกพวกอุ้มแฟนเก่า กรรโชกทรัพย์ หลังรู้ทำธุรกิจสีเทา
12.07 น. ตำรวจทางหลวง ร่วมกับ ตำรวจกองปราบปราม นำกำลังจับกุม น.ส. กอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ลงวันที่ 26 เม.ย.2554 ข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” ได้จับได้บริเวณริมถนน ซอยร่วมใจพัฒนา อ.เมือง จ.ปทุมธานี
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2553 ผู้ต้องหาซึ่งเคยคบหากับ นายเอ (นามสมมติ) แฟนหนุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา ภายหลังเลิกรากัน น.ส.กอ ได้ไปคบกับชายคนใหม่ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหาได้เล่าเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายของแฟนเก่าให้ฟัง จากนั้นก็ร่วมวางแผนกับพวกอีก 3 คน ก่อเหตุบุกอุ้มนายเอ มาข่มขู่กรรโชกทรัพย์ เพื่อเรียกเงินจากเหยื่อ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถตามจับสมาชิกในแก๊งได้เกือบทั้งหมดยกเว้น น.ส.กอ ที่สามารถหลบหนีมาได้นานกว่า 14 ปี กระทั่งสืบทราบว่า ปัจจุบันได้มากบดานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จึงเข้าจับกุมดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่งศาลอาญาธนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> "บิ๊กเต่า" ลั่น อยากคุยกับเจ้าอาวาสวัดม่วง เคลียร์ที่มา "เงิน 10 ล้าน"
13.14 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี ตำรวจ ปปป. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ไปที่มาของเงิน 10 ล้านบาท พร้อมทองคำน้ำหนักรวม 250 บาท ของเจ้าอาวาสวัดม่วง ว่า ตอนนี้สำนักพุทธ กับ ตำรวจ บก.ปปป. กำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เพราะต้องทราบข้อเท็จจริง ปล่อยผ่านไปไม่ได้ โดยขณะนี้กำลังไล่ตรวจสอบอยู่ แต่อยากพูดคุยเจ้าอาวาสโดยตรง เพราะต้องการข้อเท็จจริง จะเป็นเงินสะสม เงินที่เก็บออมตั้งแต่สมัยเริ่มบวช หรือ จะเป็นเงินที่ไหลมาจากไหนก็ต้องอธิบายให้ชัดเจน และ การเก็บเงินสดไว้ไม่เข้าธนาคาร มันมีเหตุและผล แต่ก็ต้องอธิบายให้กระจ่างชัดเช่นกัน ยืนยันตำรวจเราทำคดีอย่างตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หากตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติก็ไม่มีอะไร แต่หากตรวจพบข้อสงสัย หรืออะไรที่ไม่ถูกกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
ยืนยันเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่สิ่งที่ต้องสงสัยคือเงินก้อนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร การที่เจ้าอาวาสบอกว่าเป็นเงินส่วนตัว ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่เราก็ต้องมาตรวจสอบให้แน่ชัด ว่าเป็นเงินส่วนตัว หรือเงินของวัด
>> DSI เปิดโปง ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่าน จนท.กัมพูชา
13.30 น. พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางมาตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยมี ร้อยตำรวจเอก ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พันตำรวจโท ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ นายจินกร แก้วศรี รองผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจค้นพยานหลักฐาน ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา
กรณีนี้ สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มนายจ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อน” ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทยได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว โดยแรงงานต่างด้าวแต่ละคน จะจ่ายเงินเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายปกติตามที่ทางราชการกำหนด อีกรายละ 2,500 บาท โดยการบอกกล่าวจาก นายหน้าคนไทย เป็นคนแจ้งไปยังนายจ้างและแรงงานต่างด้าวให้โอนเงินส่วนนี้ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีของคนต่างด้าวด้วยกัน หากไม่จ่ายเงินส่วนนี้ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาตทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงยอมทำตาม สร้างความเสียหายให้กับแรงงานต่างด้าว นายจ้าง และบริษัทผู้รับจ้างฯ
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินจำนวนดังกล่าว บางส่วนได้ถูกโอนไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าทำการตรวจค้นพยานหลักฐานในคดี จำนวน 4 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ผลการตวจค้นพบพยานหลักฐานอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนและจะทำการขยายผลต่อไป
>> คนร้ายยิงผู้หญิงวัย 24 ปีได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
15.45 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ก่อเหตุยิงราษฎรได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นหญิงสาว อายุ 24 ปี เป็นราษฏร หมู่ 1 ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด เข้าที่บริเวณน่องข้างซ้าย 1 จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลระแงะ
ต่อมา สภ.ระแงะ ได้รับแจ้งจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลระแงะ หลังได้รับแจ้ง พนักงานสอบสวนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ระแงะ ได้เร่งรัดเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบข้อมูลและสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บในเบื้องต้น
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุและตรวจสอบทรัพย์สินที่อาจถูกประทุษร้าย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ต้องหาและรายละเอียดของทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้าย
พันตำรวจเอกศุภชัช ณ พัทลุง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรระแงะ และพันตำรวจโทนิมะอามิง วาเต๊ะ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ระแงะ กำลังควบคุมดูแลการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิด และจะมีการรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
>> ตำรวจไซเบอร์ รวบหนุ่ม 19 ปี สะสมปืนเถื่อน อ้างเอาไว้ป้องกันตัวจากคู่อริ
16.03 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ โดยจากการเข้าตรวจค้น พบนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบของกลาง เป็นอาวุธปืน 4 กระบอก, กระสุนปืน และซองอาวุธปืน จำนวนรวม 7 รายการ ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน
สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ตำรวจไซเบอร์ - บช.สอท.” ว่าพบบัญชีโซลเชียลบัญชีหนึ่ง ได้มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายลำกล้องอาวุธปืน โดยมักโพสต์ข้อความและรูปภาพให้คนทั่วไปเห็น และใช้ช่องทางติดต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวเพื่อติดต่อขอซื้อลำกล้องปืน จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 2,050 บาท โดยให้ส่งสินค้ามาทางพัสดุ ปรากฏว่าเมื่อได้รับพัสดุดังกล่าว พบว่าเป็นลำกล้องปืนตรงตามที่สั่งจริง จึงได้สืบสวนไปยังที่มาของพัสดุดังกล่าว กระทั่งสามารถเข้าจับกุมเจ้าของช่องดังกล่าวได้สำเร็จ และจากการสืบสวนขยายผลจากข้อมูลการส่งพัสดุ จนพบว่ามีผู้สั่งซื้อรายหนึ่งได้สั่งซื้อสินค้าจากช่องดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าเป็นพัสดุที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนผิดกฎหมาย
จากการสอบถาม เบื้องต้นนายเอ (นามสมมุติ) ให้ข้อมูลว่า ของกลางตามรายการดังกล่าวตนเองได้สั่งซื้อทางออนไลน์มาจริงโดยมีไว้เพื่อสะสม และเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเองจากคู่อริ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ผัวกระโดดถีบเมียหน้าห้องพัก ก่อนโดนแทงสวนเจ็บ หลังเกิดเหตุเมียจูงลูกหนีขึ้นรถโดยสาร
17.00 น. สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทvได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าห้องแถว ตรงข้ามซอยกอไผ่ 10 พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ
ที่เกิดเหตุ พบคราบเลือดจำนวนมากหน้าห้องพัก ส่วนผู้บาดเจ็บคือ นายธีรวัฒน์ ถูกแทงที่แผ่นหลังด้านซ้าย 1 แผล และหน้าแข้งซ้ายอีก 1 แผล เลือดไหลอาบร่าง ทีมกู้ภัยต้องรีบปฐมพยาบาลก่อนนำส่ง รพ.พัทยาปัทมคุณ
เพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงทะเลาะกันระหว่างนายธีรวัฒน์กับภรรยา โดยทั้งคู่โต้เถียงเสียงดัง ก่อนมีการลงไม้ลงมือกัน และต่อมาเห็นฝ่ายชายเลือดท่วมตัว ส่วนฝ่ายหญิงจูงลูกสาววัยประมาณ 3-4 ขวบ หนีออกจากห้องไป
ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าทั้งสองยืนทะเลาะกันหน้าห้อง ก่อนที่ฝ่ายชายจะกระโดดถีบใส่ภรรยา และถูกภรรยาชักอาวุธมีดแทงสวนหลายครั้ง จากนั้นฝ่ายหญิงพาลูกสาวหลบหนีไป ทราบภายหลังว่าได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ราชบุรี โดยสารรถประจำทาง
อย่างไรก็ตาม ได้แนะนำให้ฝ่ายชายหากต้องการดำเนินคดีกับภรรยา ให้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> คุณป้าผวา โจรควงบุกยกเค้า กลางวันแสกๆ กวาดทรัยพ์เกลี้ยง ทิ้งหลักฐานรอยล้อรถวิบาก
17.36 น. นางอ้อ (นามสมมติ) อายุ 67 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.มินทราทิตย์ ทองใส รอง สว.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ หลังถูกคนร้ายบุกเข้าบ้านช่วงเวลา 10.00–11.00 น. ก่อเหตุลักทรัพย์หลายรายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 130,000 บาท โดยมีทั้งสร้อยคอทองคำ แหวนทอง แหวนเพชร พระเลี่ยมทอง สร้อยคอนาค เข็มขัดเงิน ขันเงิน โทรศัพท์มือถือ และเงินในกระปุกออมสิน
โดยลูกสาวและลูกเขย ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมารดาวัย 67 ปี เดินออกไปซื้อของซึ่งห่างจากบ้านไม่ไกล และไปเพียงไม่นาน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ต้องตกใจหลังพบว่า ข้าวของถูกรื้นค้นกระจัดกระจาย มีทรัพย์สินมีค่าหายไปหลายรายการ จึงรีบโทรหาลูกๆ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ก็ทำได้เพียงแนะนำให้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานี แล้วได้มาเพียงบันทึกประจำวัน ก่อนจะเดินพาชี้ร่องรอยเข้ามาของคนร้าย มีรอยล้อรถจักรยานยนต์วิบาก เข้ามาจากทางด้านหลังซึ่งเป็นไร่มันสำปะหลัง และรั้วลวดหนามถูกตัด
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนร้ายได้บางส่วน พบว่าเป็นชายรูปร่างสันทัด สูงประมาณ 165–170 ซม. แต่งกายมิดชิด สวมหมวกปีก ผ้าปิดหน้า ใส่ถุงมือ คล้ายกลุ่มขับรถวิบาก มือถือมีดยาวประมาณ 1 ฟุต เดินเข้ามาภายในห้องนอน ก่อนหันกล้องหลบเข้ามุมแล้วลงมือรื้อค้นทรัพย์สินอย่างใจเย็น อีกมุมยังเห็นภาพสุนัขเห่า แล้วกระดิกหาง ซึ่งอาจสื่อว่าคนร้ายอาจเป็นผู้คุ้นเคย
หลังขโมยทรัพย์ คนร้ายหลบหนีไปทางเดิม ทิ้งไว้เพียงรอยล้อรถ ร่องรอยรื้อค้น และภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นเบาะแส ครอบครัวยังรู้สึกหวาดผวา เกรงว่า คนร้ายจะย้อนกลับมาก่อเหตุอีก เพราะภายในบ้านมีเพียงเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ วอนตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
>> 2 หนุ่มขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เสียหลักชนราวกั้นทางโค้ง บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย
20.40 น. รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนขอบทาง และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ริมถนนหมายเลข 3240 บริเวณทางโค้ง ใกล้เคียงปากทางเข้าถนนห้วยยายมุข ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ในที่เกิดเหตุพบจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ สีชมพู - ดำ ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะเสียหลักชนกาดกั้นทางโค้ง ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย บาดเจ็บสาหัสและทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตของคนทั้งคู่ ต่อมาผู้บาดเจ็บ 1 รายดำเนินการนำส่งโรงพยาบาลพัทยาปัทมาคุณ ส่วนอีก 1 รายนั้นเป็นผู้ชาย ทางกู้ชีพยืนยันว่าได้เสียชีวิตแล้ว ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถเทรลเลอร์ มีผู้เสียชีวิต 2 รายกลางถนนเทพรัตน จ.สมุทรปราการ
00.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถเทรลเลอร์ มีผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 2 ราย บนถนนเทพรัตน (บางนาตราด) ฝั่งขาเข้า ก่อนถึงทางเบี่ยงเข้าด่านบางแก้ว ถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งตะวันออก ประมาณ 1 กม. ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ
ทีเกิดเหตุ พบรถเทรลเลอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนแล้วทับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. พบผู้บาดเจ็บ 2 ราย มีอาการสาหัส ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 33 ปี และหญิงไทย อายุ 45 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
04.38 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.2 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 134 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
26 กรกฎาคม 2568
26 กรกฎาคม 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ