วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 17:47 น.
วันที่ 10 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รองผู้บังคับการฯ รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการประสานข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งหัวขโมยมือไวชาวมองโกเลีย ซึ่งมีพฤติกรรมในการลักเล็กขโมยน้อยและตระเวนไปตามห้างสรรพสินค้า สถานประกอบการ คลินิก หรือโรงแรมต่างๆ แล้วอาศัยจังหวะที่เหยื่อเผลอหยิบฉวยเอาทรัพย์สินไปโดยส่วนมากจะเน้นไปที่โทรศัพท์มือถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก แล็ปท็อป และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีราคาแพงและหยิบฉวยได้ง่าย
โดยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณหัวค่ำ คนร้าย ชาวมองโกเลีย รายนี้ ได้ไปก่อเหตุในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านแยกราชประสงค์ โดยได้อาศัยจังหวะ ที่พนักงานของห้างสรรพสินค้าเผลอ ลักเอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก และหลบหนีไป
ทาง ตม.ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว จึงจับใบหน้าของไบโอเมตริกซ์ มาใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ในการปรับปรุงความละเอียดของภาพ จนสามารถจำกัดวงการค้นหา เปรียบเทียบอัตลักษณ์บุคคลเป้าหมาย ให้แคบลงได้เป็นจำนวนมาก หลังจากนำภาพของบุคคลต้องสงสัย ที่ตรวจสอบได้ ไปให้กับผู้เสียหายชี้ยืนยัน ทราบว่าเป็นชายชาวมองโกเลีย อายุ 36 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี ปัจจุบันอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติ หมายจับบุคคลตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวนหาข่าวเรื่อยมา
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ โทรศัพท์มือถือ โดยคนร้ายทำทีเข้าไปติดต่อใช้บริการคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในย่าน พระราม 9 และอาศัยจังหวะที่พนักงานเผลอหยิบฉวยเอาโทรศัพท์มือถือไป
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการตรวจเปรียบเทียบจากระบบไบโอเมตริกซ์ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ก่อเหตุที่ ห้างสรรพสินค้าดังย่านราชประสงค์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม
ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จึงร่วมกับฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ติดตามจับกุมได้ขณะผู้ต้องหาตระเวนขายโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ที่ย่านห้วยขวาง
เบื้องต้นในชั้นจับกุม ชายชาวมองโกเลีย ยังไม่ยอมรับ แต่เมื่อเห็นพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะตำหนิรูปพรรณที่เด่นชัดเช่นรอยสักและภาพถ่ายเปรียบเทียบจากระบบไบโอเมตริกซ์ จึงจำนนต่อหลักฐานและยอมรับว่าตนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อตระเวนลักทรัพย์ เมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วจะนำไปขาย
จากการขยายผลเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายก่อคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง และเชื่อว่าไม่ได้กระทำความผิดเพียงคนเดียว เนื่องจากที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจพบลักษณะแผลประทุษกรรมของกลุ่มแก๊งชาวมองโกเลียซึ่ง มักเข้ามาก่อเหตุ เกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นการล้วงกระเป๋า การฉกชิงวิ่งราว ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งดังกล่าวอยู่พอสมควร อยู่ในระหว่างการสืบสวนเชิงรุกต่อไป

