วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 10:48 น.
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม นางสาว เอ(นามสมมุติ) อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน” โดยจับกุม บริเวณลานจอดรถ หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ด้วยเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนิติบุคคล8 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์จัดตั้งและจดทะเบียนที่ตั้งนิติบุคคลในสถานที่เดี่ยวกัน เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ใน ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในความผิดเกี่ยวกับ เจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดยไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้า ไม่มีการทำเอกสารหลักฐานการจ่ายเงิน และทางบริษัทฯไม่ยื่นยอดขาย หรือยื่นยอดขายไว้น้อยกว่าข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบ เข้าลักษณะเป็นการปกปิดข้อมูลการมีเงินได้เพื่อจะไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งมูลค่าความเสียหายต่อรัฐ ซึ่งเกิดจากการกระทำของนิติบุคคลทั้ง 8 ราย เสียหายกว่า 800 ล้านบาท
ต่อมา ตำรวจ ปอศ. ได้มีการสืบสวนสอบสวนนิติบุคคลแต่ละราย เพื่อหาตัวผู้บงการและผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง จนกระทั่งพบว่านิติบุคคลทั้ง 8 ราย มีการดำเนินการจดทะเบียน โดยมีความสัมพันธ์กันปรากฏจากสถานที่จัดตั้งเดียวกัน รวมทั้งกรรมการแต่ละนิติบุคคล พบว่าเป็นเพียงลูกจ้าง, แม่บ้าน และคนรู้จักคุ้นเคย และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา กก.2 บก.ปอศ.
ได้ทำการจับกุมตัว นางสม ซึ่งเป็นกรรมการ บริษัทฯ (หนึ่งใน นิติบุคคล 8 ราย) ตรวจสอบเบื้องลึกยังเป็นกรรมการฯ อีก 2 แห่ง ที่มีพฤติการณ์คล้ายคลึงกัน จากการสอบถามนางสม รับว่าเป็นเพียงพนักงานทำความสะอาด (แม่บ้าน) ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอแหลมฉบัง ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ได้มีการร่วมกันสืบสวนมาก่อนหน้านี้
จากนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนร่วมกับกรมสรรพากร ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน จนเชื่อว่านิติบุคคล 8 ราย น่าจะมีคนคอยให้ความช่วยเหลือและเป็นตัวการที่แท้จริงในการบงการ สั่งการและได้รับผลประโยชน์
จากการรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถนำไปสู่การออกหมายจับ นางสาวเอ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า เป็นผู้รับผลประโยชน์ และคนคอยบงการ สั่งการ
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา โดยให้รายละเอียดเพียงว่า ตนเป็นเพียงโบรกเกอร์ในการดำเนินการ ได้รับการว่าจ้าง เมื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับในการว่าจ้างต่างๆ ผู้ต้องหาขอให้การและยื่นพยานหลักฐานในชั้นศาล และผู้ต้องหาไม่ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่จดจัดตั้งนิติบุคคล ทั้ง 8 ราย ซึ่งเป็นบ้านของสามี (ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) และเป็นบ้านที่ตนเคยพักอาศัยอยู่เท่านั้น
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ