หน้าแรก > สังคม

นายกฯ แพทองธาร บินเยือนอังกฤษ - โมนาโก ปิดจบ เจรจาไทยจัด “เอฟวัน” คาดปี 2028 มีโอกาศลุ้นติดขอบสนามในกรุงเทพฯ

วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 01:08


นายกฯ แพทองธาร บินเยือนอังกฤษ - โมนาโก ปิดจบ เจรจาไทยจัด “เอฟวัน” คาดปี 2028 มีโอกาศลุ้นติดขอบสนามในกรุงเทพฯ

ด้านศิลปะ ”มวยไทย“ นายกฯ สบช่องต้องทำให้เป็นสินค้าในยุโรปที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ส่วน Soft Power อาหารไทยเร่งปั้นให้เป็นมาตรฐานครัวโลก  ขณะที่ส่งออกสินค้าจากไทยเร่งเปิดโต๊ะเจราจา FTA กับอังกฤษเพิ่ม หลังเป็นประเทศอยู่นอก EU ขณะที่ การท่องเที่ยวไทยในตลาด”ไฮเอนด์ luxury tourism จากยุโรปกำลังนิยม นายกฯสั่ง ททท. ทำตลาดเชิญรุกดึงกลุ่มนักเที่ยวกระเป๋าหนักเข้าประเทศทันที หลังยอด 4ด. มาไทยพุ่ง

วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสัมฤทธิ์ในการเดินทางครั้งนี้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เสร็จสิ้นภารกิจเยือนสหราชอาณาจักรและราชรัฐโมนาโก ระหว่างวันที่ 21–25 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นการเดินทางคณะเล็กเพียงแค่ 4 วัน แต่ถือว่านายกรัฐมนตรี  ทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจทั้งการเจรจาการค้าและพบปะกับนักธุรกิจเพื่อช่วยกันสนับสนุน และแก้ไขปัญหา  สินค้า บริการของไทย ที่มีในยุโรปได้เป็นผลสำเร็จอย่างงดงาม ถึง 4 เรื่องด้วยกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่รู้สึกกังวลใจกับบุคคลที่ไม่เห็นด้วยที่พยายามใช้โซเชียลมีเดียโจมตี เพราะเรื่องที่โจมตีก็ไม่เป็นความจริง และการเดินทางในครั้งนี้ นายกฯ มีจุดโฟกัส อยู่ที่ผลของงานมากกว่า เพราะหากไม่มีสมาธิจะทำให้การเจรจาเรื่องสำคัญใน3-4 วันที่ผ่านมา จะพลาดไปอย่างน่าเสียดายสำหรับโอกาสของประเทศไทย โดยภารกิจในครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยในการต่อยอดวาระแห่งชาติ Soft Power สร้างชาติสู่เวทีโลก และเตรียมความพร้อมประเทศไทยสู่บทบาทเจ้าภาพงานระดับนานาชาติ

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า สัมฤทธิ์ผลเรื่องที่ 1 ที่ ทำให้หลายประเทศทั่วโลก จับตาคือการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระดับโลกอย่าง F1 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่หลายประเทศในโลก พยายามจะเป็นเจ้าภาพให้ได้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง  Formula 1 มีปัจจัยหลายประการ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมมอเตอร์สปอรต์สำคัญระดับโลกที่จะทำให้ประเทศไทยมีการลงทุนมหาศาลจากนักลงทุนภาคเอกชนซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาท  ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้าประเทศในทุกมิติ โดยการจัดการแข่งขัน Formula 1 (F1) จะสร้างรายได้มหาศาล ทั้งจากการขายตั๋ว ค่าธรรมเนียมสนาม ค่าสิทธิการออกอากาศและรายได้จากสปอนเซอร์ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่น ๆ รายได้จากการจัดการแข่งขัน F1 ไม่ได้มาจากการขายตั๋วหรือสปอนเซอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนแบ่งจากการเก็บค่าธรรมเนียมจากสนาม การจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งคอนเสริต์ งานโชว์ ยานยนต์ และอื่นๆอีกกว่า 1 แสนล้านบาท
        
โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดจัดงานในแนวทาง “Sustainable F1” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดึงดูดการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวควบคู่ไปกับกีฬา มอเตอร์สปอร์ต  ซึ่งผู้บริหารระดังสูง F1 มีการตอบรับที่ดีในแนวทางที่เสนอ  ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเข้าสู่เวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์

ทั้งนี้ หลังการเจรจามีผลสัมฤทธิ์โดยรัฐบาล จะทำการศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ โดยจะขออนุมัติหลักการในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการและการศึกษาการเป็นเจ้าภาพ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 4 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ เพื่อขออนุมัติหลักการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ.2571  หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยหวังว่าประเทศไทยจะเป็น1 ใน 24 สนามระดับโลก ที่มีโอกาสจัดการแข่งขัน FORMURA ONE ในกรุงเทพ

นายจิรายุ กล่าวต่อไป สำหรับผลสัมฤทธิ์เรื่องที่ 2 คือการขยายตลาด สร้างการรับรู้ Softpower ไทย “มวยไทย -อาหารไทย -สปาไทย” โดยเฉพาะมวยไทย นายกรัฐมนตรีมีแนวทางให้มีสถาบัน/องค์กรที่เป็นยอมรับในระดับสากล มาร่วมกำหนดมาตรฐานกลางสำหรับการฝึกสอนและการแข่งขันมวยไทย เพื่อขยายโอกาสวิชาชีพสำหรับคนในวงการมวยไทย ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ “มวยไทย” ในฐานะ “มรดกวัฒนธรรมของชาติ” ที่สามารถสร้างรายได้ ส่งออกทักษะ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  โดยนายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า จะต้องมีสถาบันสากลให้การรับรองหลักสูตรฝึกสอนมาตรฐานสากล ทั้งระบบ  ครูมวย นักมวย กรรมการ พี่เลี้ยง ผู้จัดการ รวมไปถึงอุปกรณ์ สถานที่ฝึกสอน โรงยิมค่ายมวย เพื่อสร้างมาตรฐาน ขยายโอกาส วงการมวยไทยในต่างแดน  รวมถึงผลักดันการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมโยงโรงยิมมวยไทยในต่างประเทศกับประเทศไทยโดยตรง

สัมฤทธิ์ผลเรื่องที่ 3 นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ ขจัดอุปสรรคทางการค้า-การนำเข้าสินค้าไทยใน อังกฤษ โดยการเร่งรัดให้เกิดการเจรจา FTA ระหว่างไทย -อังกฤษ หรือ รูปแบบ mini-FTA เพี่อ อำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์  ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร และลดข้อจำกัดโควต้าและภาษีศุลกากร โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางแนวทางการส่งออกอย่างยั่งยืนทั้งในอังกฤษ และประเทศในสหภาพยุโรปอีกด้วย

สัมฤทธิ์ผลเรื่องที่ 4 นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป  โดยได้รับการตอบรับจาก บริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ เช่น Trailfinders, Emirates และสายการบินระหว่างประเทศ ที่จะเพิ่มเที่ยวบิน ระหว่างไทยและยุโรป ซึ่งนักท่องเที่ยวยุโรปมองไทย เป็น Hub  ที่จะเดินทางต่อไปในประเทศอี่น  ปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเข้าเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นกลุ่ม ”ไฮเอนด์ luxury tourism “ที่มีการใช้จ่ายสูง โดยนิยมการท่องเที่ยวแบบหรูหรา มีระดับ สร้างรายได้การท่องเที่ยวในระดับตลาดพรีเมี่ยม  ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการจัด แพคเกจ การท่องเที่ยวร่วมกันระหว่าง ททท. และเอกชนบริษัทท่องเที่ยวในยุโรป เพื่อขยายตลาดการท่องเที่ยวทันที

ทั้งนี้การเยือนประเทศอังกฤษและโมนาโกเพียงแค่ 4 วันทำให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำของประเทศไทยได้เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมสินค้าธุรกิจในทุกประเภทของไทยในสหภาพยุโรปให้มียอดขายที่สูงขึ้น  อีกทั้งประเทศไทยจะถูกนับเป็นประวัติศาตร์ที่ประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดการแข่งขันระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายสำคัญที่จะจัดทำกิจกรรมการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือ(Man-made Destination )อันเป็นต้นทางสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆได้ในภาวะความกดดันทางเศรษฐกิจของโลกได้ นายจิรายุกล่าว 
 

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ