หน้าแรก > อาชญากรรม

จับคาผ้าเหลือง หลังหนีคดีเสพยาเสพติด ตรวจสอบมือถือพบเล่นพนันออนไลน์แถมดูหนังลามก เป็นกิจวัตร

วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 เวลา 05:43 น.


จับคาผ้าเหลือง หลังหนีคดีเสพยาเสพติด ตรวจสอบมือถือพบเล่นพนันออนไลน์แถมดูหนังลามก เป็นกิจวัตร 

(23 พ.ค.68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุม นายมอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงนนทบุรี ที่ 703/2568 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฏหมาย

สถานที่จับกุม สถานีรถไฟ ถ.กำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก นายมอ ก่อนที่จะมาบวชเป็นพระเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งเสพและครอบครองมาแล้วจำนวนหลายครั้ง ปี 2551 เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 สน.อุดมสุข, ปี 2554 มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 สภ.เมืองปทุมธานี, ปี 2557 เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 สภ.ปากเกร็ด และล่าสุด ปี 2567 ถูกจับข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 บริเวณอู่รถเมล์ พื้นที่ สภ.ปากเกร็ด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า นายมอ ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำวัดอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำลังโดยสารรถไฟ เพื่อเดินทางมาที่ กรุงเทพมหานครและจะมาต่อรถไฟ ย้ายมาประจำวัดอยู่ที่จังหวัดระยอง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยย้ายวัดมาแล้วหนึ่งครั้งจากจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบพบบุคคลดังกล่าว บริเวณสถานีรถไฟฯจึงได้แสดงหมายจับให้ นายมอ ได้ดูหมายจับแล้ว รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่ามีการเข้าเล่นเว็บพนันออนไลน์ และเข้าดูเว็บไซต์ลามกอนาจาร จำนวนหลายเว็บ วันละหลายครั้ง เบื้องต้นจึงควบคุมตัว พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ ซึ่ง นายมอ เข้าใจในข้อกล่าวหาดีแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวมายัง บก.ปอท. เพื่อทำบันทึก และนำตัวส่งศาลแขวงนนทบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา

อ่านเพิ่มเติมยอมรับ