24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 8 เมษายน 2568
>> เพลิงไหม้ทาวน์โฮม ซอยกาญจนาภิเษก 52 ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ไม่ลุกลาม
08.03 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือน สถานที่เกิดเหตุ ซอยกาญจนาภิเษก 52 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ประกอบกิจการขายของชำและเป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดที่บริเวณส่วนต่อเติมชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้เสียหายคอมเพรสเซอร์แอร์ลุกลามฝ้าเพดาน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 5 ตารางเมตร ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยเฉลิมพระเกียรติ
>> นายกฯ ติดตามความคืบหน้าการสอบสวนตึก สตง. ถล่ม กำชับสืบสวนใกล้ชิด ใช้กฎหมายดำเนินการเด็ดขาด
08.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับฟังรายงานผลการตรวจสอบอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ พร้อมเน้นย้ำถึงการทำงานภาครัฐ กระบวนการทางกฎหมายต้องเข้มงวด หากพบการกระทำผิด จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ในที่ประชุม ได้มอบหมาย คณะวิศวกรรมศาสตร์จาก 4 สถาบัน และกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดทำแบบจำลองเหตุการณ์ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้อาคารถล่มลงมา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน นอกจากนี้ จะทบทวนกระบวนการตรวจสอบตึกทั้งเอกชนและราชการ รวมถึงขั้นตอนการอนุมัติ ว่าปลอดภัยและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งต่อผู้ใช้อาคารและพี่น้องประชาชน
ภายหลังการประชุม นายกฯ แถลงผลการดำเนินการของคณะกรรมการฯ พร้อม ยืนยันว่า ตึกสูงในปัจจุบัน มีความปลอดภัย แข็งแรง และผ่านมาตรฐานอาคารที่รองรับภัยพิบัติ โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน แต่หมายถึงบรรทัดฐานและมาตรฐานการควบคุมการก่อสร้างอาคารในประเทศ
>> นายกฯ แจ้งความแล้ว ปมไฮโซเก๊ แอบอ้างแชทไลน์ปลอมหลอกดาราสาว
10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายฮอต ไฮโซเก๊ แอบอ้างว่ามีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีผ่านทางแชทไลน์ ว่า ในเรื่องนี้คณะทำงานตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าไลน์ที่นายกฯ ใช้กับไลน์ปลอมของไฮโซเก๊ ไม่เกี่ยวข้อง และไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือการเจรจาหรือการพูดคุยกันในไลน์ไม่ใช่นายกฯ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ คณะทำงานได้ตรวจสอบไปที่พรรคเพื่อไทย และสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีบุคคลดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ มีทั้งหมด 3 คน คือตน นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส่วนที่ปรึกษานายกฯ มีเพียง 5 คน และขณะนี้ นายกฯ และคณะทำงานได้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐานว่าการแอบอ้างนายกฯ หรือการมีบทสนทนาที่ก๊อปหน้าจอไปแอบอ้างผู้เสียหายไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขอยืนยันอีกครั้งว่านายกฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการพิมพ์นามบัตรใช้โลโก้ตราสัญลักษณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีในระบบ
>> โจรบุกเดี่ยวชิงทอง กลางเมืองหาดใหญ่ ได้ทองหนัก 184 บาท
11.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเหตุคนร้ายเป็นชายใช้อาวุธปืนก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านทองแห่งหนึ่ง ถนนมนตรี 1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังก่อเหตุคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ สีแดง ทะเบียนจังหวัดยะลา หลบหนีไปทางถนนรัถการ หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ พร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 9 และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 รุดไปที่เกิดเหตุ
จากภาพกล้องวงจรปิด คนร้ายเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อสีน้ำเงินตัดดำ กางเกงขายาวสีขาว หมวกแก๊ปสีดำ และสวมหน้ากากสีดำปกปิดใบหน้า ขณะก่อเหตุมีพนักงานหญิง 4 คนอยู่ในร้าน ซึ่งต่างวิ่งหนีไปทางหลังร้านและกดสัญญาณเตือนภัยทันที แม้พนักงานรายหนึ่งจะพยายามยกมือไหว้เพื่อขอให้คนร้ายหยุด แต่ไม่เป็นผล
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สร้อยคอทองคำที่ถูกคนร้ายชิงไปทั้งหมดน้ำหนัก 184 บาท ประกอบด้วยสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท 21 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท 30 เส้น รวม 60 บาท สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท 20 เส้น รวม 40 บาท สร้อยข้อมือทองคำ หนัก 3 บาท 21 เส้น รวม 63 บาท มูลค่ากว่า 9 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนโดยรอบที่เกิดเหตุเนื่องจากอยู่ใจกลางเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และเริ่มได้เบาะแสของผู้ก่อเหตุที่ชิงทองในครั้งนี้แล้ว อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
>> 191 รวบหนุ่มเหนือ ซุกยาบิ๊กล็อต 10 ล้านเม็ด เตรียมเข้าเมืองกรุง
11.40 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผู้บังคับการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวจับกุมชาย อายุ 41 ปี โดยยึดของกลางยาบ้ากว่า 10,000,000 เม็ด(10ล้านเม็ด) ,รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อจีโน่ 1 คัน ,รถกระบะ1คัน,โทรศัพท์มือถือ1 เครื่อง และเงินสด จำนวน 11,500 บาท
โดยตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดลักลอบบริเวณ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้รถ6ล้อ ในการลักลอบไปรับยาเสพติดจากบริเวณพื้นที่ จ.น่าน แล้วบรรทุกยาเสพติดกลับมาส่งให้กับลูกค้าของตนบริเวณพื้นที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
ต่อมา ตำรวจพบกลุ่มเป้าหมาย ออกจากพื้นที่บริเวณลานจอดรถ ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าพื้นที่ จ.น่าน และมีรถกระบะขับนำ
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสะกดรอยติดตามบนถนนปทุมธานี - บางปะหัน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเรียกตรวจค้นจากการตรวจค้นภายในรถบรรทุก พบยาบ้าของกลาง ประมาณ10,000,000 เม็ด บรรจุอยู่ภายในกระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในท้ายกระบะ โดยใช้ขิงจำนวนมาวางทับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ และควบคุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> ดีเอสไอ ลงพื้นที่ ตึก สตง.ถล่ม เรียกประชุม 3 หน่วยงาน เตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน
12.55 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นวันนี้ได้มีการเชิญ 3 หน่วยงานมาประชุมร่วมกันประกอบด้วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, กรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับพิจารณาในประเด็น บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร สตง. ว่าเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และกฎหมายเกี่ยวกับการเสนอราคา ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะรับไว้พิจารณาควบคู่กันไป วันนี้ที่ต้องนัดประชุมกับ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะจะได้มาดูหลักฐานในคราวเดียวกัน ว่ามีประเด็นอะไรที่ต้องรวบรวมบ้าง จากนั้นก็จะประสานกับทาง กทม.ว่าประสงค์อะไร และต้องการความร่วมมืออะไร จะใช้เวลาให้น้อยที่สุดและทำงานให้ตรงประเด็นที่สุด
เบื้องต้นจะดูหลัก ๆ ใน 3 ประเด็นหลัก ๆ คือ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนอมินี, การแข่งขันราคาที่ไม่เป็นธรรม และการใช้วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างอาคาร ว่าเป็นไปตามคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือไม่.
>> นายกฯ เตรียมส่ง "พิชัย" เจรจาภาษีทรัมป์ หลัง USTR ตอบรับนัดแล้ว
13.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการการค้าสหรัฐอเมริกา โดยบางช่วงนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมตั้งแต่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในการประชุมในวันนี้ เป็นการเตรียมการสถานการณ์ที่จะกำหนดก้าวต่อไปว่าจะเดินทางอย่างไรต่อไป เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและการเจรจาตรงนี้ต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลเน้นย้ำ รวมทั้งการวางยุทธศาสตร์ต่างๆ ต้องวางแผน รู้เขารู้เรา เราอาจจะเป็นประเทศที่เล็กกว่าก็จริงแต่เราจะทำเจรจาอย่างดีที่สุด
ซึ่งยุทธศาสตร์รวดเร็วไม่ได้เราต้องแม่นยำด้วย รีบไปมันไม่เกิดประโยชน์อะไร การที่เราไม่ได้รีบส่งจดหมายกลายเป็นว่าเราได้รับการตอบกลับมา จากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา USTR ในการรับนัดในการร่วมพูดคุยแล้ว ไม่แน่ใจว่าเราเป็นชาติแรกๆ หรือไม่ ที่มีการติดต่อกับทางสหรัฐอเมริกาแล้วว่าสามารถเข้าไปคุยได้ เหลือแค่กำหนดวันคุย ซึ่งจะมีการส่ง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปเจรจา ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยกระทรวงพาณิชย์จะรับผิดชอบต่อไป ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเราดำเนินการมาอย่างดี อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนผลกระทบและการเยียวยา ระยะยาวเราจะมองในเรื่องของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ พร้อมกับหาตลาดใหม่เข้ามา เพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
>> ตร.ไซเบอร์ บุกช่วย นศ.สาว จากกรุงเทพ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน ลวงพาตัวไปไกลถึงหาดใหญ่
14.00 น. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ บุกช่วยช่วยนักศึกษาสาวจาก กทม.เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดนหลอกโอนเงินกว่า 3 แสน ก่อนลวงควบคุมตัวไกลถึงหาดใหญ่
โดยเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 68 หลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครองของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาพยาบาลในกรุงเทพมหานคร กรณีบุตรสาวขอเงินหลายครั้งรวมเป็นเงิน 325,000 บาท โดยอ้างเหตุผลเรื่องอุปกรณ์การเรียนเสียหาย และต้องการใช้เงินเพื่อทำเอกสารทางการเงิน (สเตทเม้นต์) เพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสิงคโปร์
ต่อมาผู้ปกครองเริ่มมีความสงสัย จึงพยายามติดต่อบุตรสาวแต่ไม่สามารถติดต่อได้ และยังได้รับโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อ ข่มขู่ให้โอนเงินเพิ่มเติม พร้อมขู่ว่าจะทำอันตรายต่อบุตรสาวหากไม่ทำตาม จึงเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงเทคนิค และพบว่าเหยื่อถูกล่อลวงให้เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีพฤติกรรมเหมือนถูกควบคุม เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าตรวจสอบโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จนเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันเดียวกัน สามารถช่วยเหลือ น.ส.เอ ได้อย่างปลอดภัย
จากการสอบปากคำเบื้องต้น น.ส.เอ ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 เวลาประมาณ 11.00 น. ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทอินเทอร์เน็ต และต่อมามีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเอกสารปลอมให้ดูว่าตนมีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมหลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ และลวงให้เดินทางไปยัง จ.สงขลา โดยอ้างว่าเป็น กระบวนการรักษาความลับทางคดีและในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา น.ส.เอ ขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีผู้ปกครองมารอรับ
>> โจรแสบ ออกอุบายทำทีสั่งอาหาร ก่อนฉกกระเป๋าแม่ค้าหลบหนี ย่านติวานนท์
14.00 น. ร.ต.ท.กฤษณะ สุภาปัญญา รอง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายวิ่งราวกระเป๋า แม่ค้าร้านขายอาหารตามสั่ง เหตุเกิดปากซอยติวานนท์ 17 ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี หลังรับแจ้งไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและสายตรวจ
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียหาย เป็นผู้หญิง อายุ 57 ปี แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง ยืนรอให้ปากคำตำรวจ ว่า ขณะกำลังเตรียมของเพื่อขายอาหารกับสามี ได้มีคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกกันน๊อกสีดำแบบครึ่งใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน มาจอดข้างร้าน ลงมาซื้อน้ำอัดลม 3 ถุง หลังซื้อเสร็จคนร้ายได้ขับออกไป และไม่ถึง 1-2 นาที ได้ย้อนกลับมาจอดรถที่หน้าร้าน แล้วบอกว่าจะสั่งอาหาร ตอนเย็นจะมารับ ระหว่างนั้นคนร้ายได้ฉวยโอกาส เข้าไปคว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนโต๊ะ ภายในกระเป๋ามีเงินสดประมาณ 5,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และเอกสาร วิ่งไปขึ้นรถ แล้วขับหลบหนีไปทางแยกสนามบินน้ำ พอตั้งสติจึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
หลังเกิดเหตุตำรวจสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุพบว่า เวลา 12.40 น.คนร้ายเป็นชาย ขับรถจักรยานยนต์มาทำทีขอซื้อน้ำอัดลมแล้วขับออกไป ก่อนจะวนรถกลับมาก่อเหตุและหลบหนีไป ตำรวจสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางก่อนที่คนร้ายมาก่อเหตุและเส้นทางหลบหนี
>> “กัน จอมพลัง” พา “คะน้า” ดาราสาว เข้าแจ้งความเอาผิดไฮโซเก๊
16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" พา "คะน้า" หรือ นางสาวริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ นักแสดงชื่อดัง พร้อมมารดา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความเอาผิดกับ "นายฮอต" ไฮโซกำมะลอ
โดย “กัน จอมพลัง” บอกว่า วันนี้ได้เตรียมพยานหลักฐาน และพาคุณคะน้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายฮอตในทุกข้อกล่าวหาที่ตำรวจจะเป็นผู้พิจารณา จากพยานหลักฐานว่ามันจะเข้าข้อหาไหนบ้าง
ส่วน คะน้า ดาราสาว เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจจะมาแจ้งความเอาผิดกับนายฮอต ซึ่งหลังเกิดเหตุนายฮอต ไม่ได้ติดต่อมาหาเลย
ด้านพนักงานสอบสวน ระบุว่า หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงสอบปากคำผู้กล่าวหา และจะพิจารณาหลักฐานทั้งหมด ว่ามีความผิดฐานใดบ้าง
>> กทม.สรุปภาพรวม เร่งเคลียร์ยอดเศษปูน ส่งเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่ ค้นหาผู้ติดค้างต่อเนื่อง
19.24 น. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง สรุปรวมและความคืบหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เขตจตุจักร ว่า เป้าหมายภารกิจวันนี้คือนำรถแบคโฮขึ้นไปอยู่ฝั่งโซน D บริเวณพื้นที่ D2 โดยใช้การบีบปูนแตกและตัดเหล็กเส้น เพื่อจัดเก็บเศษปูนด้านบนประมาณ 5 เมตร เพื่อเปิดพื้นที่ในการค้นหาผู้ติดค้าง โดยนำเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่ทํางานต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ค้นหาผู้ประสบภัย เคลื่อนย้ายออกและนำส่งเต็มกำลัง สำหรับยอดผู้ประสบภัย 103 ราย เสียชีวิต 21 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ติดค้าง 73 ราย
ส่วนการแจ้งเหตุอาคารมีรอยร้าวจากประชาชนใน Traffy Fondue รวมทั้งสิ้น 18,857 เคส แบ่งเป็น ปลอดภัยต่อการใช้งาน (เขียว)17,210 เคส เหลือง 387 เคส สีแดง 34 เคส (2 อาคาร) อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 1,590 เคส ทั้งนี้ มีหนังสือแจ้งเข้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร ให้ดำเนินการประสานผู้ตรวจสอบอาคารเข้าตรวจสอบ โดยแจ้งเจ้าของอาคารแล้วกว่า 5,000 โครงการ แจ้งว่าปลอดภัยต่อการใช้งานสะสม 2,330 โครงการ รายงานซ่อมแซมเฉพาะจุด 140 โครงการ และมีหนังสือแจ้งเข้าของอาคาร ผู้รับเหมาให้ระงับการใช้เครน จนกว่าจะมีการตรวจสอบ ซึ่งเครนมีจำนวน 201 โครงการ รายงานว่าปลอดภัยแล้ว 123 โครงการ
>> รถจักรยานยนต์ถูกเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี ทำให้มีผู้เสียชีวิต เป็นผู้หญิงวัย 20 ปี จ.อุดรธานี
19.30 น. ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี มีอุบัติเหตุรถกระบะชนรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส ริมถนนช่วง แยกหนองไผ่ - หนองหว้า ในพื้นที่ ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ สีชมพู ป้ายทะเบียน อุดรธานี ล้มคว่ำสภาพรถพังเสียหาย ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 20 ปี ตรวจสอบพบว่า บริเวณจุดเกิดเหตุ พบชิ้นส่วนรถกระบะ ตกอยู่ 1 ชิ้นเป็นกันชนหน้า ยี่ห้ออีซูซุ
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือนรถชนกันและมีรถกระบะ 4 ประตูพยายามกลับรถและขับหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างเร็ว โดยมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมนิติเวชโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ และจะได้เก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะสอบสวนหาผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
>> ไฟไหม้ห้องครัว ภายในบ้านเรือนประชาชน ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ บาดเจ็บ 1 รายอาสานำส่ง รพ.
19.48 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานที่เกิดเหตุ ซอยวัดเวฬุวนาราม 16 แยก 11 ถนนวัดเวฬุวนาราม แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดภายในห้องครัว เพลิงลุกลามผนัง และฝ้าเพดาน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 5 ตารางเมตร ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายความร้อนในที่เกิดเหตุ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากการอุ่นอาหารทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุประมาณ 57 ปี มีอาการแน่นหน้าอก อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์สายไหม พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยดอนเมือง
>> รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ กลางถนนติวานนท์ - ปากเกร็ด ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย
23.55 น. รับแจ้งจาก อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ว่ามีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถเทรลเลอร์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนติวานนท์ - ปากเกร็ด ฝั่งขาออกมุ่งหน้าแยกสวนสมเด็จ เลยทางขึ้นอุโมงค์ลอดแยกปากเกร็ด ประมาณ 1 กม. ในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีดำ ป้ายทะเบียน นครราชสีมา ล้มคว่ำอยู่กลางถนน ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย ลักษณะถูกล้อรถทับ และห่างออกไป พบรถเทรเลอร์ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. จอดอยู่ข้างทาง ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด
>>แผ่นดินไหว ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
04.25 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.4 ความลึก 2 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.เมืองแปง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ไม่มีรายงานผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
05.21 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.6 ความลึก 10 กม. ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 284 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ