31 มี.ค.68 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าการติดตามและคลี่คลายสถานการณ์ภายหลังแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า วันนี้ครบ 72 ชั่วโมงในการค้นหาผู้รอดชีวิตเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ที่เขตจตุจัตร ปัจจุบันยังเดินหน้าค้นหาต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งในและนอกประเทศ ที่ผ่านมาจากเหตุแผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้ พบว่าเวลา 1 สัปดาห์ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ เชื่อว่าไม่หมดหวัง หากมีผู้รอดชีวิต 1 คน ถือว่ามีค่าในการพยายามต่อ

ล่าสุด จากการประชุมได้ข้อสรุปว่า จะเน้นค้นหาผู้รอดชีวิตในโซน B และ C ซึ่งเป็นโซนของลิฟท์และบันไดหนีไฟ จากการสอบถามผู้รอดชีวิต ส่วนใหญ่วิ่งลงมาจากบันไดหนีไฟและมีคนอื่น ๆ ตามมาอีกมาก ซึ่งอาจมีผู้ติดค้างอยู่ เนื่องจากปล่องลิฟท์และบันไดหนีไฟมีความแข็งแรงอาจช่วยค้ำสิ่งที่ตกลงมาทับได้ ส่วนเรื่องความล่าช้าเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำด้วยความระมัดระวังและเป็นมาตรฐานสากล กำลังเร่งดำเนินการ ขณะนี้ไม่พบปัญหาอุปสรรคใด มีความพร้อมทั้งคนและอุปกรณ์ รวมถึงสภาพอากาศฝนตกก็ไม่เป็นอุปสรรค ส่วนเรื่องเวลาค้นหายังไม่มีกำหนด ต้องค้นหาผู้รอดชีวิตให้มากที่สุดก่อน

ความยากในการค้นหาผู้รอดชีวิตคือ การกำหนดจุดที่คาดว่าจะมีผู้รอดชีวิตติดอยู่ เพราะมองไม่เห็น ต้องใช้เครื่องมือสแกนค้นหา เมื่อคืนที่ผ่านมาสแกนพบ 3-4 คน ซึ่งเครื่องสแกนไม่ได้บอกว่ารอดชีวิตหรือไม่ โดยเฉพาะการค้นหาด้านบนของซากตึก ไม่สามารถใช้สุนัขได้ ต้องใช้เครนยกคนขึ้นไป ทีมละ 8 คน ทำงานครั้งละประมาณ 20 นาที เนื่องจากมีความเหนื่อยล้า และต้องระวังเรื่องซากทรุดตัวลงมา อีกเรื่องคือความยากในการเจาะเข้าไปภายในซากด้านล่าง ต้องใช้เวลาในการเจาะซึ่งอาจจะเจอผู้รอดชีวิตหรือไม่เจอก็ได้ ปัจจุบันจึงเน้นไปที่จุดที่เป็นโพรง เช่น ช่องลิฟท์บันไดหนีไฟ เพื่อสามารถเจาะเข้าไปได้มากขึ้น โดยบริเวณดังกล่าวผู้รอดชีวิตระบุว่ายังมีคนอื่น ๆ ตามหลังมาจำนวนมาก

ปัจจุบันคาดการณ์ว่าซากตึกที่ถล่มลงมามีประมาณ 20,000-50,000 ลูกบาศก์เมตร มีการปิดล้อมพื้นที่บริเวณดังกล่าวห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ และการเข้าพื้นที่ต้องมีการลงทะเบียนเข้าออกชัดเจน ห้ามนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะเข้าใจว่ายังเป็นทรัพย์สินของ สตง.อยู่ กรณีมีผู้นำเอกสารออกนอกพื้นที่ได้มีการแจ้งความไว้แล้ว สำหรับซากที่มีทั้งหมดเตรียมขนย้ายไปในพื้นที่ของการทางรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อกำจัดต่อไป

ด้านสถานการณ์ภาพรวมพื้นที่กรุงเทพฯ คลี่คลายเกือบ 100% มีการเปิดจราจรตามปกติทุกช่องทางทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วนดินแดง ยกเว้นบริเวณตลาดนัดสวนจตุจักร ถนนกำแพงเพชร 2 ที่มีเหตุตึก สตง.ถล่ม และบริเวณย่านบางโพที่มีการรื้อถอนบางส่วน

ด้านการตรวจสอบอาคาร ปัจจุบันมีผู้แจ้งผ่านทราฟฟี่ ฟองดูว์ 13,000 เรื่อง ซึ่งบางเรื่องมีผู้แจ้งซ้ำกันหลายครั้ง เป็นจำนวนเรื่องที่แจ้งไม่ใช่จำนวนตึกที่เสียหาย สั่งหยุดใช้งานไปแล้ว 2 อาคาร มีผู้ได้รับผลกระทบเกือบ 2,000 คน มีผู้ขอความช่วยเหลือ 172 คน ปัจจุบันได้จัดที่อยู่เบื้องต้นให้แล้ว ส่วนอาคารที่ได้รับความเสียหายระดับสีเหลืองเบื้องต้น 485 อาคาร อยู่ระหว่างตรวจสอบ เนื่องจากให้ความสำคัญกับกลุ่มอาคารเสียหายระดับสีแดงก่อน ส่วนอาคารของภาครัฐ กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ตรวจสอบ ล่าสุดได้รับแจ้งว่าอาคาร A ภายในศูนย์ราชการมีความเสียหาย อยู่ระหว่างตรวจสอบ ทั้งนี้ ประชาชนที่ไม่มั่นใจความเสียหายในสิ่งปลูกสร้างของตัวเองสามารถแจ้งเข้ามาที่ทราฟ ฟี่ฟองดูว์ ได้ตลอด

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กทม. ได้ออกคำสั่งให้เจ้าของอาคาร 12,000 อาคาร จัดให้มีผู้ตรวจสอบอาคารของตนเองอีกครั้ง เพื่อแจ้งความปลอดภัยเบื้องต้น ตามประวัติข้อมูลการตรวจสอบอาคารแต่ละปี เพื่อช่วยสำนักการโยธาตรวจสอบ เนื่องจากมีอาคารเป็นจำนวนมาก หากพบอาคารที่มีความเสียหายรุนแรง กทม.จะเข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณวิศวกรอาสาทั้ง 158 คนด้วย ในการร่วมตรวจสอบอาคารในครั้งนี้

ด้านการช่วยเหลือเยียวยาอยู่ระหว่างดำเนินการและกำหนดแนวทางช่วยเหลือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปัจจุบันได้ตั้งหน่วยบริการสำหรับผู้ที่มีญาติสูญหายที่บริเวณตึกถล่ม ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เป็นอย่างมากเพราะเป็นผู้สูญเสีย โดยภาพรวมในกรุงเทพมหานครสถานการณ์คลี่คลายเกือบทั้งหมดแล้ว

ด้านศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุแผ่นดินไหวตึกถล่มในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวน 51 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บ 33 ราย เสียชีวิต 18 ราย สูญหาย 78 ราย