24 ชั่วโมงข่าว ประจำวันที่ 24 พฤษภาคม 2568
>> ราชทัณฑ์แจง คลิปผู้ต้องขังถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย ยันอยู่ระหว่างสอบ
10.24 น. กรณีผู้ต้องขังถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายตามที่เพจเฟซบุ๊ก ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้เผยแพร่คลิปผู้ต้องขังถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย นั้น กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 โดยผู้ต้องขังกลุ่มภาคใต้และกลุ่มภาคกลาง ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันภายในแดน 3 เรือนจำกลางเขาบิน ซึ่งมีภารกิจคุมขังผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ดื้อด้านยากต่อการควบคุม และกรมราชทัณฑ์ได้เคยชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ปัจจุบันคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างดำเนินการสรุปข้อเท็จจริงเพื่อรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงไปยังผู้บริหาร
>> จับพระนักพัฒนา วัดดังย่านดอนเมือง บวชมา 30 พรรษา มั่วสุมเสพยา
11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ร่วมกันจับกุมนายชัยฤกษ์ อายุ 54 ปี และนายพิชัยบัญชา อายุ 47 ปี พร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพ โดยจับกุมได้ที่หน้ากุฏิ 3 วัดแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า ที่กุฏิ 3 หลังเมรุ ของวัดแห่งนี้ มีพระรูปหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มักจะชอบชวนบุคคลอื่น รวมถึงเด็กวัดมาเสพยาในกุฏิ จนกลายเป็นแหล่งมั่วสุม
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบ จากการเข้าตรวจสอบในกุฏิ พบอุปกรณ์การเสพ และถุงซิปมีคราบยาเสพติดติดอยู่ จากการสอบถามพระชัยฤกษ์ ให้การยอมรับว่าตนได้เสพยาไอซ์ไปตั้งแต่เมื่อคืน ตำรวจจึงเชิญพระชัยฤกษ์ และนายพิชัยบัญชา มาที่ สน.ดอนเมือง เพื่อขอตรวจสารเสพติด เบื้องต้นพบทั้ง 2 คนมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย จากนั้นได้ส่งปัสสาวะไปตรวจยืนยันผลพบว่ามีสารเสพติดในร่างกายจริง เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวพระสึกจากการเป็นพระ ก่อนจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีต่อไป
มีรายงานว่า อดีตพระชัยฤกษ์ บวชเป็นพระมาประมาณ 30 พรรษา มีหน้าที่คอยดูแลเรื่องต่างๆ ภายในวัด เป็นโฆษกวัดและหัวเรือใหญ่ในการจัดงานต่างๆ ในวัด หรือแม้แต่การร่วมกิจกรรมต่างๆ กับวัดข้างเคียง นับว่าอดีตพระชัยฤกษ์เป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่ นับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก
>> เฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจ ตกที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นพบเสียชีวิต 3 นาย
13.00 น.ได้รับการยืนยันจาก พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกในพื้นที่ใกล้วัดหนองพังพวย จ.ประจวบคีรีขันธ์
เบื้องต้นพบผู้โดยสารและนักบินทั้งหมด 4 ท่าน สำหรับภารกิจขึ้นบินในครั้งนี้ทางกองบินตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ขึ้นจากท่าแร้งไปต่างจังหวัด หรือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการในพื้นที่แล้วปฏิบัติภารกิจ มีผู้เสียชีวิต 3 นาย และมี 1 นาย โดดร่มลงจากเฮลิคอปเตอร์ได้ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบ
>> พบทรัพย์สิน "สีกาเก็น" ถูกนำไปจำนองหลายรายการ ตร.เร่งสืบทรัพย์ อายัดกลับคืนวัด
14.30 น. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ว่า ขณะนี้ได้มีการประสานส่งข้อมูลเส้นทางการเงิน และข้อมูลการถือครองทรัพย์สินต่างๆ ของ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ หรือ สีกาเก็น สองผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีไปให้กับทางสำนักงาน ปปง. บ้างแล้ว เพื่อเร่งติดตามดำเนินการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินต่างๆ กลับคืนวัด เนื่องจากคดีของผู้ต้องหาทั้งสองรายเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นความผิดมูลฐาน
แม้ขณะนี้จะพอสืบทราบข้อมูลทรัพย์สินต่างๆ ของ นายแย้ม และ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเก็น ได้พอสมควรแล้ว แต่การสืบสวนก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพราะเชื่อว่าน่าจะยังมีทรัพย์สินของผู้ต้องหาอีกหลายรายการ ที่ถูกอำพรางโดยการถือครองโดยบุคคลอื่นที่เป็นคนใกล้ตัวหรือคนใกล้ชิด ซึ่งในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร เพื่อความละเอียดรอบคอบ และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ทั้งนี้ แม้จากการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินต่างๆ ของ น.ส.อรัญญาวรรณ จะพบว่า มีชื่อเป็นผู้ถือครองทรัพย์สิน บ้าน คอนโดหรู หรือที่ดินทำเลทองต่างๆ มูลค่ารวมกว่า 40 ล้านบาท นั้น แต่เมื่อตรวจสอบลงไปในรายละเอียดเชิงลึก กลับพบว่า ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายรายการ ถูกนำไปจำนอง หรือขายต่อให้กับบุคคลอื่น
>> จับเวียดนามแสบ ร่วมแก๊งโกงมโหฬาร เกือบ 1 หมื่นล้าน หนีหมายจับสากลเข้าไทย
16.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติเวียดนาม 3 ราย เป็นหญิง 1 ราย และชาย 2 ราย ที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับตำรวจสากล (INTERPOL) แนบท้ายหมายจับตำรวจนครบาลฮานอย ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2567
โดยก่อนหน้านี้ ประเทศเวียดนาม ได้ประสานมายังทางการไทย เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้น ซึ่งเป็นคนร้ายแก๊งใหญ่ก่อเหตุหลอกชาวเวียดนามร่วมลงทุน มีผู้หลงเชื่อและลงทุนเป็นเงินจำนวนที่มาก ซึ่งเหตุครั้งนี้มีผู้เสียหายมากกว่า 2,600 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.7 พันล้านบาท) จนสืบทราบว่าทั้ง 3 ราย หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย จึงประสานทางตำรวจไทยช่วยติดตามจับกุมดังกล่าว
>> กรมอุตุฯ ออกประกาศฉบับ 8 เตือน 66 จังหวัดหนัก กทม.ก็ไม่รอด อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 พ.ค.2568 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2568) ฉบับที่ 8
โดยกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ในช่วงวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2568 ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ประกอบกับจะมีร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน
>> ปูนบำเหน็จ 3 ตำรวจ ฮ.ตกที่ประจวบฯ เลื่อนยศ พล.ต.ต. มอบเงินช่วยเกือบ 2 ล้าน ผบ.ตร. แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียกำลังพลครั้งนี้
18.30 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาลัย 3 ตำรวจกล้า “กองบินตำรวจ” สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของตำรวจกล้าทั้ง 3 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ รุ่น เบลล์ 212 ตก ในพื้นที่ จว.ประจวบคีรีขันธ์
ขณะปฏิบัติภารกิจทางอากาศยานร่วมภารกิจที่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยก่อนเกิดเหตุนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินจาก จ.ชุมพร เพื่อกลับหน่วยบินตำรวจ จ.กาญจนบุรี ระหว่างทางจะแวะเติมน้ำมันที่หน่วยบินฯ แต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ พร้อมดูแลครอบครัวตำรวจกล้า ดูแลด้านสิทธิประโยชน์ สวัสดิการต่าง ๆ อย่างเต็มที่
1.พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ อายุ 33 ปี ตำแหน่ง นักบิน (สบ 2) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 1.4 ล้านบาท ปูนบำเหน็จเลื่อนยศเป็น พล.ต.ต.
2.ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย อายุ 34 ปี ตำแหน่ง นักบิน (สบ 1) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 1.4 ล้านบาท ปูนบำเหน็จเลื่อนยศเป็น พ.ต.อ.
3.ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย อายุ 55 ปี ตำแหน่ง ช่างอากาศยาน (สบ1) รอง สว.(อก.) กลุ่มงานช่างอากาศยาน กองบินตำรวจ มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 1.9 ล้านบาท ปูนบำเหน็จเลื่อนยศเป็น พ.ต.ท.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียกำลังพลครั้งนี้ สั่งการดูแลเยียวยา และเร่งหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้
>> สารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกก น่าห่วง! กรมคุมโรคแนะเลี่ยงพร้อมติดตามอาการผิดปกติใกล้ชิด
19.50 น. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมควบคุมโรคยังคงติดตามสถานการณ์การปนเปื้อนของสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง และวางแผนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการวางระบบการดูแลสุขภาพของประชาชนในระยะยาว ทั้งนี้ สารหนูเป็นธาตุกึ่งโลหะที่พบได้ตามธรรมชาติและจากกิจกรรมของมนุษย์ สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการดื่มน้ำหรือบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือแม้แต่การสัมผัสน้ำทางผิวหนังในระยะเวลานาน แต่การดูดซึมผ่านผิวหนังจะน้อยกว่าทางการบริโภค หากได้รับสารหนูในปริมาณมากในระยะเวลาสั้น อาจก่อให้เกิดอาการพิษเฉียบพลัน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ชาปลายมือปลายเท้า กล้ามเนื้อเป็นตะคริว และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะที่การรับสารหนูสะสมในระยะยาวก่อให้เกิดพิษเรื้อรัง เช่น ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นหย่อมๆ ตุ่มแข็งที่ฝ่ามือฝ่าเท้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง เลือดจาง เส้นขาวบนเล็บ รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
“จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมควบคุมโรคแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกก เพื่อการอุปโภคบริโภคโดยตรง และควรใช้น้ำที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพตามมาตรฐาน หากพบอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคืองผิวหนัง ระคายเคืองตา ท้องเสีย หรืออาการชาตามปลายมือปลายเท้า ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
>> เซลส์สาวผวา! ถูก 3 โจ๋พัทยา ขี่จยย.สะกดรอยตาม ก่อนใช้อาวุธจี้เอว ปล้นเงินกว่า 3 หมื่น-แหวนเพชร 1 วง
22.01 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์ชาวบ้านได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ซอยสยามคันทรี่คลับ มุ่งหน้าแยกวัดหนองใหญ่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุพบ น.ส.นา (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี เล่าเหตุการณ์หลังจากเลิกงานเธอได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พักตามปกติ ระหว่างทางรู้สึกว่ามีวัยรุ่นจำนวน 3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คัน ขับสะกดรอยตามมาจากด้านหลังแบบห่างๆ จนถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายคันที่มาด้วยกัน 2 คน ขับเข้ามาประกบด้านข้าง
จากนั้นคนซ้อนได้หยิบอาวุธขึ้นมาซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเป็นมีด เข้ามาจี้ที่บริเวณเอวของเธอ พร้อมกับสั่งให้เธอจอดรถ ก่อนปล้นทรัพย์ไป เป็นเงินสด จำนวน 32,000 บาท พร้อมแหวนเพชรที่สวมใส่อยู่ ให้กับคนร้ายก่อนจะพากันเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวคนร้ายต่อไป
9 มิถุนายน 2568
9 มิถุนายน 2568
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ