24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 28 มกราคม 2568
>> รถเก๋งพุ่งตกคลองพระอุดม คนขับเสียชีวิต จ.ปทุมธานี
07.30 น. สภ.คูบางหลวง รับแจ้งว่ามีรถยนต์ตกไปในคลองพระอุดม หมู่ที่ 5 ต.คูขวาง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า ยาริส สีแดง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ลักษณะหงายท้องอยู่ในคลอง ทางเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการลากจูงรถขึ้นจากน้ำ และตรวจสอบภายใน พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 48 ปี เป็นผู้ขับขี่
สอบผู้แจ้ง กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.00 น วัวหลุดออกมาจากคอก จึงขี่รถจักรยานยนต์ ตามหา และมาพบวัวยืนอยู่ริมคลอง จึงเดินไปเพื่อจะไล่วัวกลับคอก สายตาเหลือบไปเจอล้อรถยนต์หงายท้อง จึงแจ้งและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเข้าตรวจสอบว่ามีผู้ติดอยู่ภายในรถหรือไม่
ด้านเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.คูบางหลวง เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมสอบถาม ผู้เห็นเหตุการณ์ พร้อมบันทึกภาพ ไว้เป็นหลักฐานและให้อาส
>> ไฟไหม้บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ เมืองลพบุรี เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 100 ล้านบาท
09.30 น. สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ ม.3 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมรถน้ำดับเพลิงทุกพื้นที่ และใกล้เคียงกว่า 30 คัน เพื่อสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามเนื่องจากบริเวณเพลิงไหม้เป็นยานเศรษฐกิจ
ที่เกิดเหตุริมถนนพหลโยธิน พบควันไฟดำลอยขึ้นท้องฟ้าทะมึน ต้นเพลิงมาจากบ้านไม้สักหลังใหญ่บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ พบเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่บ้านเรือนไทยหลังสุดท้าย ซึ่งเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับมีลมกระโชกมาอยางรุนแรง เปลวเพลิงได้ไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว และลามติดข้างเคียงที่เป็นโรงไม้ ร้านอาหาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งฉีดน้ำสกัดไฟไม่ให้ลุกลามได้ในเวลาต่อมา
ขณะที่บ้านต้นเพลิงเป็นบ้านของ นางเพ็ญ (นามสมมุติ) นักธุรกิจรายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี ยังมีไฟไหม้ลุกลามอยู่เนื่องจากเป็นบ้านไม้ เรือนไม้อีกหลายหลังติดกัน รวมถึงห้องพักคนงาน ต้องขอสนับสนุนรถน้ำดับเพลิงเพิ่มเติมเข้าสกัดเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ก็ส่งผลให้บ้านเรือนไทย เรือนไม้ไหม้วอดไปทั้งหลัง
สอบสวนเบื้องต้นบ้านทราบว่า ขณะเจ้าของบ้านกำลังมีการไหว้ตรุษจีนอยู่ด้านนอกบ้านซึ่งมีหลายหลัง จู่ ๆ ได้เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนไทยหลังสุดท้าย ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้
เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนประเด็นสาเหตุต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้งส่วนค่าเสียหายคาดเกินร้อยล้านบาท
>> นายกฯ เผย ครม. อนุมัติงบ 620 ล้านบาท แก้ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง
12.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมครม. ได้อนุมัติงบกลางในปี 2568 ภายใต้มาตรการรับบริการไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง พ.ศ. 2568 วงเงินรวมทั้งสิ้น 620 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งจากมาตรการดังกล่าวได้มีข้อสั่งการและกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าในการเร่งแก้ไขปัญหาและรับมือในการป้องกันสถานการณ์ของไฟป่า รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองและควันตามที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมครม. ได้มีการนำเสนอแผนมาตรการการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการมาตรการตามภารกิจของแต่ละกระทรวง โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีการสั่งให้หน่วยภาครัฐ ผู้ว่าราชการจัดหวัดทั่วประเทศ รับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้ โดยให้ดำเนินการออกประกาศห้ามเผา รวมถึงให้มีการดำเนินการจัดการบริหารซังข้าวโพด ต้นอ้อยแห้งเป็นการฝังกลบแทนการเผา การจัดการโดยวิธีการทำปุ๋ยอินทรีย์และการจัดการโดยวิธีการใช้เครื่องแพ็กฟาง ตลอดจนดำเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเตรียมการจัดการรับมือการดับไฟป่า
>> หญิงวัย 70 ปี จุดธูปเทียนไหว้เจ้าวันตรุษจีน ไฟไหม้บ้านวอดเกือบทั้งหลัง
12.30 น. ศูนย์วิทยุสีครามเมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยทัพพระยาซอย 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเมืองพัทยาและจอมเทียน นำรถน้ำดับเพลิงจำนวน 6 คัน เข้าระงับเหตุ
ที่เกิดเหตุเข้าไปประมาณ 300 เมตร เป็นบ้านหลังใหญ่ชั้นเดียว พบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินสายดับเพลิงระบายควันและความร้อนกว่า 30 นาที โดยพบว่า ต้นเพลิงเกิดจากการจุดธูปเทียนไหว้พระและไหว้ตรุษจีน จนลุกลามไหม้เป็นวงกว้าง
จากการสอบถาม นางจุไรรัตน์ อายุ 70 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า ได้จุดธูปเทียนไหว้พระและไหว้ตรุษจีน ซึ่งภายในบ้านจะพักอาศัยกันอยู่ 2 คน กับสุนัขอีกหนึ่งตัว เมื่อไหว้พระแล้วตนก็ออกไปทำธุระข้างนอก มีเพียงคนและสุนัขอีกตัวที่อยู่ในบ้าน โดยเทียนที่ยังไม่ดับเกิดลุกลามไหม้อย่างรวดเร็ว ไฟลุกลามเร็วมากจนไม่สามารถเข้าไปดับได้ จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนความเสียหายคาดว่าประมาณ 5 แสนบาท
>> ตม. บุกจับกุมหนุ่มเวียดนาม ดูแลสวนกัญชาลอบปลูกผิดกฎหมาย ในอาคารพาณิชย์ ย่านเขตหลักสี่
13.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม. 1 พร้อมกำลังฝ่ายงานเกี่ยวข้องนำหมายค้น ศาลอาญา เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ภายในซอยงามวงศ์วาน 32 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ก่อนจับกุม นายเหงียน สัญชาติเวียดนาม อายุ 49 ปี โดยแจ้งข้อหา ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.ก.บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ และจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (กัญชา) โดยไม่ได้รับใบอนุญาต พรบ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งว่า มีการลักลอบปลูกกัญชาในอาคารพาณิชย์ 3 คูหา สูง 4 ชั้น โดยมีชาวต่างชาติเป็นผู้ดูแล ภายหลังพบว่ามีการลักลอบปลูกกัญชานับร้อยต้น ทั้งที่เป็นแบบโตเต็มวัย และกำลังเพาะชำในถุง รวมไปถึงต้นกัญชาเพิ่งแตกยอดอ่อนและเมล็ดสำหรับเตรียมงอก รวมกันทั้งหมดกว่า 900 ต้น โดยสถานที่ดังกล่าวมีการทำระบบให้น้ำ ระบบแอร์-พัดลม และระบบการให้แสงเพื่อให้ต้นกัญชาเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการปลูกกัญชาดังกล่าว ไม่มีใบขออนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข แต่อย่างใด
จากการสอบปากคำผู้ดูแลชาวเวียดนาม ให้การอ้างว่า ถูกจ้างมาดูแลต้นกัญชาได้ 3 เดือนร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน แต่เพื่อกลับบ้านไปก่อนเนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ต้องดูแลต้นกัญชาเพียงคนเดียว ทั้งนี้ ในส่วนของการเก็บเกี่ยวและนำไปขายนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าของ พวกตนไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตำรวจพบว่า เจ้าของผู้ครอบครองอาคารหลังนี้ เป็นชื่อนิติบุคคล จดทะเบียนใบอนุญาตจัดจำหน่ายแปรรูปกัญชาที่ จ.กาญจนบุรี แต่ไม่ได้จดทะเบียนจัดจำหน่ายแปรรูปกัญชาในพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด
>> อดีตทหารเกณฑ์คลั่งยา คว้าเหล็กฆาตกรรมอา ดับคาบ้านต่อหน้าครอบครัว
15.00 น. สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุชายวัยกลางคนอาการหลอนยาเสพติด ทำร้ายร่างกายญาติเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 233 หมู่ 19 บ้านดงบ่อ ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
ที่เกิดเหตุ พบศพนายเทอดเกียรติ อายุ 67 ปี นอนเสียชีวิต มีบาดแผลถูกทำร้ายด้วยของแข็งที่บริเวณหน้าผากซ้าย ลำตัว และแขนซ้าย ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายโอ อายุ 44 ปี อดีตทหารเกณฑ์ หลานชายของผู้ตาย หลบหนีขึ้นไปซ่อนตัวบนชั้นสองของบ้าน นายนิคม อายุ 80 ปี บิดาผู้ก่อเหตุ เผยว่า เหตุเกิดช่วงบ่าย 2 โมง นายโอมีอาการหลอนยา ได้เตะและกระทืบผู้ตายหลายครั้ง ก่อนคว้าเหล็กรองถังน้ำดื่มฟาดซ้ำที่ศีรษะและลำตัวจนเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจและมารดาของผู้ก่อเหตุพยายามเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวนานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล จนกระทั่ง ร.ต.อ.พัชรพงษ์ มุลวิไล พี่ชายคนโตของผู้ก่อเหตุ นำกำลังตำรวจเข้าควบคุมตัวได้ขณะนอนอยู่บนบ้าน โดยผู้ก่อเหตุแสดงอาการงุนงง ไม่รู้ว่าตนเองก่อเหตุอะไร
ล่าสุด ผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวที่ สภ.ยางตลาด แต่ยังไม่สามารถสอบปากคำได้เนื่องจากยังมีอาการหลอนยาเสพติด คาดต้องรอให้อาการดีขึ้นอีกหลายชั่วโมง
>> “วราวุธ” ยัน พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ช่วยกลุ่มเปราะบางมีงานทำ
15.27 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีที่ขณะนี้มีเสียงคัดค้านต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มากขึ้นเรื่อยๆ มีความเป็นห่วงอย่างไรบ้าง ว่า เรื่องนี้ตนเคยให้แนวทางไปแล้ว ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ทางกระทรวง พม.ได้นำเสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า มีทั้งแง่ดี และแง่ด้อย ในแง่ดี ตนเชื่อว่าทุกคนคงทราบดี แต่ประเด็นที่เป็นห่วง คือเรื่องการค้ามนุษย์ รวมถึงการค้าประเวณี และการสร้างลักษณะนิสัยที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ซึ่งคงต้องมีมาตรการ ทั้งการประชาสัมพันธ์ การดูแลอย่างใกล้ชิด การบังคับใช้กฎระเบียบอย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน เป็นช่องทางที่จะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มคนที่กระทรวง พม.ดูแลอยู่ได้ ทั้งผู้สูงอายุ และคนพิการ การมีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในลักษณะนี้ หรือการจ้างงานผู้สูงอายุ พี่น้องคนพิการสามารถทำได้ โดยไม่เป็นอุปสรรคกับอาชีพ ซึ่งตนคิดว่าจะเป็นการสร้างเศรษฐกิจในชุมชน ให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งที่ผ่านมา อาจจะยังไม่ได้รับการจ้างงานเท่าที่ควร จึงประเด็นที่พรรค และกระทรวง พม.ได้นำเสนอ
>> ตำรวจสอบสวนกลาง รวบสาวใหญ่เจ้าของบัญชีหลอกเหยื่อโอนเงินทางออนไลน์
16.55 น. ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาหญิง 1 ราย ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือโดยหลอกหลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และ“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” โดยจับกุมได้ บริเวณริมถนน หน้าหอพักแห่งหนึ่ง ซอยเธียรสวน 1 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ.2562 ได้มีเฟซบุ๊กจากคนรู้จักของผู้เสียหายแจ้งว่า ตนเองได้รับเงินกินเปล่าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือแก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปยังทางข้อความและพูดคุยกับคนดำเนินการเรื่องเบิกเงิน โดยต้องตรวจสอบประวัติและเสียค่าประกันเกือบ 4 แสนบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา ต่อมาภายหลังอีก 4 วัน ได้มีการแจ้งอีกว่าต้องเสียค่าศุลกากรเป็นเงินจำนวนเกือบ 6 พันดอลล่าสหรัฐฯ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง
ต่อมาในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ.2562 ได้มีผู้เสียหายคนที่สองเเจ้งว่าได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์บัญชีหนึ่ง เป็นคนไทยมีสามีเป็นชาวต่างชาติ มีปัญหาชีวิตคู่และอยากจะกลับเมืองไทย โดยต้องการจะส่งของมีค่ากลับมาประเทศไทย ผู้เสียหายเห็นใจจึงได้ตกลงช่วยเหลือ ต่อมาได้มีผู้อ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทฯ ขนส่งพัสดุ แจ้งว่าพัสดุติดปัญหาเรื่องภาษี เงินค่าต่อประกัน ค่าปรับตามความล่าช้า โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีของผู้ต้องหาประมาณเกือบ 3 แสนบาท พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง จึงทำการสืบสวนติดตามจับกุมได้ในที่สุด
>> ตร.ท่องเที่ยว ปิดล้อมตรวจค้นต่างชาติทำงานผิดกฏหมาย "ย่านพระราม 9 - ห้วยขวาง"
18.22 น. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) โดยชุดสืบสวน บช.ทท. เฝ้าติดตามเพื่อดูพฤติกรรมชาวต่างชาติ ลักลอบทำงาน และกระทำความผิดในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยพบผู้กระทำความผิด บริเวณสถานเสริมความงาม ย่านพระราม 9 ซึ่งทราบว่ามีเจ้าของเป็นชาวจีน และหลบหนีไปแล้ว
หลังเข้าจับกุมพบแรงงานต่างชาติภายในร้าน จำนวน 6 คน เป็นชาวจีน 2 คน และเมียนมา 4 คน จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตทำงาน และประกอบอาชีพต้องห้าม (ตัดผม) และข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
>> รถกระบะเสียหลักพลิกหงายท้องลงข้างทาง บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย
18.50 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยอัมรินทร์ใต้ กระบี่ มีอุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำลงข้างทาง และมีผู้บาดเจ็บสาหั ริมถนนชายเขา ในพื้นที่ ม.1 ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จกระบี่ ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีดำ ป้ายทะเบียน 3740 กระบี่ ลักษณะพลิกหงายท้องอยู่ข้างทาง ตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บติดภายใน 2 ราย รายแรกเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 30-40 ปี บาดเจ็บสาหัส อาสาสมัครใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัดรถ และนำตัวออกมาได้ ก่อนนำส่ง รพ.ลำทับ ส่วนอีก 1 รายนั้นพบว่าได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาชาว อ.ทุ่งใหญ่ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำทับ
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถเทรลเลอร์ เสียชีวิตใต้ท้องรถ
20.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถเทรลเลอร์ ชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิตอยู่ใต้ท้องรถ บนถนนแฟลตโครงการ 3 ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ สีเหลือง - ขาว ป้ายทะเบียน กทม. ล้มคว่ำอยู่ใต้รถเทรลเลอร์ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน สมุทรปราการ ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสารทราบชื่อ นายพนัชกร อายุ 20 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง
>> รถอเนกประสงค์ ชนกับรถจักรยานยนต์กลางถนน มีผู้บาดเจ็บสาหัส และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย
22.49 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณปากซอยมาบยายเลีย 49 เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จากการตรวจสอบ พบรถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีทอง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร โดยมี ชาย อายุ 19 ปี ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นผู้ขับขี่ ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร พบรถจยย. ยามาฮ่า แกรนด์ ฟิราโน่ สีแดง สภาพพังยับและมีผู้บาดเจ็บสาหัส เป็นผู้หญิง 2 ราย โดยมีหนึ่งรายสภาพขาเกือบขาด เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยเหลือส่ง รพ.พัทยาปัทมคุณ ไปรักษาอาการอย่างเร่งด่วน
และต่อมา ได้รับแจ้งว่า น.ส.ทัศนี อายุประมาณ 20-25 ปี ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีกรายคือ น.ส.กุลธิดา อายุ 19 ปี ยังคงอยู่ในอาการโคม่าและน่าเป็นห่วง
สอบถามชาวบ้าน เล่าว่า ขณะที่กำลังขายของอยู่นั้น ได้ยินเสียงรถชนกัน เห็นรถอเนกประสงค์ชนกับรถจักรยานยนต์ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนเห็นรถจยย.ไถลไปไกล สักพักเห็นคนขับเปิดประตูลงมา อยู่ในอาการสั่นกลัว และแจ้งตำรวจและกู้ภัยในทันที
เบื้องต้น ตำรวจ สภ.หนองปรือ ได้ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ไปตรวจเช็ควัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ขับรถประมาทเป็น เหตุให้แก่ผู้อื่น ถึงแก่ ความตาย และดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป
>> ไฟไหม้อู่ซ่อมรถ ซอยรามอินทรา 117 เสียหายวอด
00.24 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ อู่ซ่อมรถยนต์ ถนนรามอินทรา เขตมีนบุรี แขวงมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นโครงสร้างเหล็กหลังคาสังกะสีชั้นเดียว ประกอบกิจการ อู่ซ่อมรถยนต์ ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในอู่ซ่อมรถ เพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ลุกไหม้รถยนต์เสียหายจำนวน 3 คัน
( คันที่ 1 ) รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ( คันที่ 2 ) รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดเก๋ง ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ไม่ทราบรุ่น ไม่ทราบสี หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ( คันที่ 3 ) รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ชนิดกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีเขียว หมายเลขทะเบียน ร้อยเอ็ด เพลิงลุกไหม้เสียหายห้องเครื่อง และคอนโซนหน้า
และเพลิงไหม้ลุกลามบ้านข้างเคียง เลขที่ 29 บริเวณชั้นที่ 2 ห้องนอนเสียหายบางส่วน ประมาณ 8 ตารางเมตร พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 50 ตารางวา รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน
>> รถจักรยานยนต์เสียหลักชนขอบทางแล้วถูกรถทับซ้ำ เสียชีวิตกลางถนนกาญจนาภิเษก จ.นนทบุรี
02.00 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เสียหลักชนป้ายบอกทาง แล้วถูกรถยนต์ไม่ทราบรายละเอียดทับซ้ำ มีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนกาญจนาภิเษก ขาเข้ามุ่งหน้าตลิ่งชัน ในช่องทางคู่ขนาน ก่อนถึงต่างระดับบางใหญ่ เล็กน้อย ในพื้นที่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ ล้มคว่ำสภาพหน้ารถพังเสียหาย ใกล้กันพบแท่งพาสติกกั้นทางและเสาปูนพังเสียหาย ห่างออกไปที่กลางถนน พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุประมาณ 30 - 35 ปี สภาพถูกรถไม่ทราบชนิดทับซ้ำ ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่
>> หนุ่มวัย 26 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักชนกำแพงปูนเสียชีวิต ภายในซอยรัชดานิเวศน์
03.55 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์เสียหลักชนขอบทาง และมีผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย ภายในซอยรัชดานิเวศน์ แยก 5 ใกล้เคียงสถานเอกอัครราชทูตภูฏาน ในพื้นที่เขตห้วยขวาง กทม.
คืบหน้าที่เกิดเหตุ ภายในซอยรัชดานิเวศน์ ตรงข้ามปากซอยแยก 5 พบรถจักรยานยนต์ สีขาว ไม่ติดป้ายทะเบียน ลักษณะชนกำแพงปูน บ้านเรือนประชาชน ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาชาว อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ