หน้าแรก > อาชญากรรม

"พิมพ์ กรกนก" เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ เอาผิดผู้ไม่หวังดีปล่อยคลิปลับ-คนแชร์ต่อ

วันที่ 13 พฤษภาคม 2024 เวลา 13:39 น.


13 พฤษภาคม 2567 เมื่อเวลา 10.00 น  ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนฌลยี 1 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พา น้องพิมพ์ กรกนก นางแบบและเน็ตไอดอลสาวชื่อดัง เข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับปล่อยคลิปลับส่วนตัว จนทำให้ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้แฟนคนดังกล่าวของน้องพิมพ์ ได้มีการเลิกรากันไป ตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนสิงหาคมหรือกันยายนปีที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุ น้องพิมพ์เปิดเผยว่า ฝ่ายชายที่เป็นแฟนเก่า ได้มีการทักมาพูดคุยเพื่อยืนยันว่า เขาไม่ได้เป็นคนปล่อย แต่เขายอมรับว่ายังไม่ได้ลบคลิป ซึ่งตนก็เชื่อคำพูดของฝ่ายชายเพียงแค่ 50:50 เท่านั้น เพราะยังไม่ชี้ชัดได้ว่าฝ่ายชายเป็นคนปล่อยหรือไม่ อีกทั้งฝ่ายชายก็อ้างว่า ไม่ได้นำมือถือไปส่งซ่อมแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม หลังเลิกรากันก็ได้ตกลงกันแล้วว่าจะต้องลบคลิปส่วนตัวเหล่านั้นทิ้ง ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมฝ่ายชายถึงไม่ยอมลงคลิป

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงสภาพจิตใจหลังเกิดเหตุ น้องพิมพ์ได้หยุดชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตอนนี้เริ่มมีสภาพจิตใจที่โอเคขึ้น เพราะมีหลายคนที่ส่งกำลังใจให้ รวมทั้งหลายคนก็ให้เกียรติด้วยการไม่แชร์ต่อและช่วยกันกด Report คลิป อีกทั้งยังมีผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่ายเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยน้องพิมพ์เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนไม่เข้าใจว่าคนที่ปล่อยคลิปมีวัตถุประสงค์อะไร ทำไมต้องใจร้ายกับตนด้วย ซึ่งขอความเห็นใจแก่โซเชียลมีเดียว่า โปรดให้เกียรติตน หากเห็นคลิปดังกล่าว ก็ขอไม่แชร์ต่อ อย่าดู หรือช่วยกันกด Report จะดีที่สุด ตอนนี้รู้สึกสบายใจที่ได้มาแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพราะตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทางกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝีมือใครก็ตาม ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่าหลังจากนี้ นอกจากจะต้องให้ทางพนักงานสอบสวนหญิงสอบปากคำน้องพิมพ์แล้ว จะใช้เครื่องมือพิเศษของตำรวจไซเบอร์ในการตรวจวิเคราะห์บรรดา Social Media ต่าง ๆ ที่มีการแชร์คลิป รวมทั้งจะออกหมายเรียกแฟนเก่า ของน้องพิมพ์ ซึ่งถือเป็นต้นตอหลักมาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยจะดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่และแชร์ต่อ ไปจนถึงผู้ที่อยู่ในกลุ่มแชร์คลิป ซึ่งจะเอาผิดทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ม.328 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปี และเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า ม.287 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 3 ปี อีกทั้งจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(4) และ (5) ทั้งนำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลลามกดังกล่าว ซึ่งต่างมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี  เน้นย้ำว่า นอกจากจะเอาผิดถึงผู้ที่นำคลิปมาลงในโซเชียลมีเดียแล้ว จะเอาผิดถึงคนที่แชร์ต่อตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ใครเป็นคนแชร์ คนนั้นก็มีความผิดด้วย ซึ่งถ้าหากตรวจสอบแล้วสามารถพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้แชร์บ้าง ก็จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น

ขณะที่นายเอกภพเปิดเผยว่า คดีนี้นั้น แฟนเก่าคู่กรณีไม่ใช่คนที่เป็นคนสัญชาติเกาหลีที่มีชื่อเสียงตามที่มีหลายคนตั้งข้อสงสัย แต่เป็นคนที่คบหากันหลังจากเลิกรากับคนเกาหลี ซึ่งตนได้ย้อนถามไปยังคนที่นำคลิปมาปล่อยว่า เป็นเรื่องที่น่าอายและทำไปเพื่ออะไร ส่วนแฟนเก่าซึ่งออกมาตอบโต้ว่าไม่ได้เป็นคนทำ ตนตั้งข้อสงสัยว่า แล้วคลิปหลุดไปได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ยอมลบคลิปดังกล่าวตามที่ตกลงกัน มองว่าต่อให้อ้างว่านำโทรศัพท์มือถือไปส่งซ่อมแล้วคลิปหลุดจากช่างซ่อมมือถือนั้น ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ซึ่งหวังว่าทางตำรวจไซเบอร์จะสามารถนำคนผิด โดยเฉพาะผู้แชร์คลิปและผู้ลงคลิปกระจายสู่โซเชียลมีเดียมาดำเนินคดีให้ได้


 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม