หน้าแรก > อาชญากรรม

ทลายเครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักนาน 6 ปี ตุ๋นเหยื่อโอนเงินกว่า 60 ล้านบาท

วันที่ 25 มีนาคม. 2024 เวลา 14:27 น.


25 มีนาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 ราย ทั้งหมดตำรวจแจ้งข้อหาฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปี 2559 ผู้เสียหายได้ใช้บริการเว็บไซต์หาคู่ และพบกับโพสต์หาคู่ของ “น.ส.ไอซ์” ซึ่งเป็นบุคคลรูปร่างหน้าตาดี ผู้เสียหายจึงได้เพิ่มไอดีไลน์ไปพูดคุย ซึ่งบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็น น.ส.ไอซ์ นั้นเป็นบัญชีไลน์ของคนร้ายได้ปลอมขึ้นมาเพื่อไว้ใช้หลอกลวงเหยื่อ โดยผู้เสียหายได้พูดคุยกับ น.ส.ไอซ์ เรื่อยมาจนเกิดความสนิทสนมชอบพอจนไปถึงจะแต่งงานด้วยกัน 

ต่อมา น.ส.ไอซ์ ได้บอกกับผู้เสียหายว่าตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงต้องใช้เงินมาเป็นค่ารักษาจำนวนมาก ผู้เสียหายเกิดความเห็นใจประกอบกับชอบพอในตัว “น.ส.ไอซ์” จึงได้โอนเงินให้กับคนร้ายเรื่อยมา

โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ กลุ่มผู้ต้องหา ที่ทำเป็นขบวนการได้แวะเวียนกันมาบ้านผู้เสียหายโดยอ้างว่า น.ส.ไอซ์ ส่งให้มาดูแลผู้เสียหาย ประกอบกับ น.ส.ไอซ์ ได้อ้างว่าเมื่ออาการป่วยดีขึ้นจะย้ายมาอยู่บ้านของผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า น.ส.ไอซ์ มีตัวตนอยู่จริง จึงได้โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านและเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายได้มีการส่งมอบทรัพย์สินให้กับคนร้าย ไปจำนวนมากกว่า 960 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 63,088,953 บาท

จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายจริง และและตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย พบว่าคนร้ายได้ใช้บัญชีของกลุ่มคนร้ายเองมารับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดกับ น.ส.ไอซ์ เมื่อได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว จะมีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายรายอื่น และได้ทำการแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินอื่นและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งรถยนต์และของแบรนด์เนมต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับศาล

ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับทั่งหทด และลงพื้นที่จับกุม โดยแบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 จุด, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3 จุด และจังหวัดสระแก้ว 1 จุด  สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร/บัตรกดเงินสด/บัตรเครดิต รวม 13 รายการ และตรวจยึดพระเครื่อง, เครื่องรางของขลัง, กระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ

สอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้นำภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใช้สร้างตัวตนปลอมหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยจะนำรูปและไอดีไลน์ไปโพสต์ในเว็บไซต์หาคู่หาคนคุยต่างๆ เมื่อมีเหยื่อลงเชื่อแอดไลน์มาก็จะพูดคุยสร้างความสนิทสนมเชิงชู้สาว โดยผู้เสียหายในคดีนี้แอดไลน์มา เมื่อพูดคุยจนสนิทสนมแล้วจึงได้สร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้ ส่วนเงินที่ได้รับโอนมานั้นก็จะนำมาแบ่งสันปันส่วนมากน้อยต่างกันในกลุ่มคนร้ายเอง และนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินมีค่าต่างๆ จำนวนมาก

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม