ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมสนธิกำลังกับ เจ้าพนักงานสรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ จับกุม นายสมบัติฯ อายุ 47 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203 (1)

โดยจับกุม บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.308 ขาเข้า อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมขบวนการ ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนโดยผิดกฎหมายในพื้นที่เขตรับผิดชอบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะเเสว่าว่าจะมีการลักลอบขนส่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี (น้ำมันเชื้อเพลิง) เดินทางจากภาคใต้ มุ่งหน้าพื้นที่ กทม. เพื่อนำมาส่งต่อปั้มน้ำมันในพื้นที่ กทม. และเขตปริมณฑล เพื่อจำหน่ายในราคาท้องตลาด โดยใช้รถบรรทุกเป็นยานพาหนะ
เมื่อทราบข้อมูลเบาะเเสดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าระวังรถยนต์และกลุ่มผู้ต้องสงสัย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 17.30 น. พบรถบรรทุกพ่วง ลักษณะและหมายเลขทะเบียนตรงตามที่สายลับแจ้ง ขับมาบนถนนหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จึงได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าว ต่อมาทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายสมบัติฯ และพบว่าใบกำกับการขนส่งน้ำมันมิได้ระบุวันเวลาที่เดินทางไว้ และไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ออกใบกำกับจากผู้ค้าที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจสอบไม่พบเอกสารการผ่านการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุก จึงได้นำรถคันดังกล่าวไปทำการตรวจสอบน้ำหนักบริเวณด่านชั่งน้ำหนัก

กรมทางหลวง ผลการตรวจสอบได้ 50,030 กิโลกรัม ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงได้เชิญตัวนายสมบัติฯ ไปที่ สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมตรวจสอบยืนยันว่าสิ่งที่บรรทุกมาเป็นน้ำมันชนิดใดประเภทใด

เมื่อเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นแล้ว จากนั้นจึงได้เชิญตัวนายสมบัติฯ พร้อมรถบรรทุกดังกล่าวไปยังสำนักงานสรรสามิตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำการเก็บตัวอย่างน้ำมันที่บรรจุอยู่ในถังบรรทุกน้ำมันดังกล่าว และตรวจพิสูจน์เบื้องต้น โดยมีนายสมบัติฯ เป็นผู้เปิดผนึกถังบรรจุด้วยตนเอง และเจ้าพนักงานสรรพสามิตร่วมตรวจสอบ จากการร่วมกันตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า น้ำมันดังกล่าวลักษณะคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารใบกำกับการขนส่งและไม่มีใบกำกับภาษีมาแสดง จึงได้เก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจพิสูจน์ โดยห้องตรวจแลปของกรมสรรพสามิต และผลยืนยันว่าเป็นน้ำมันดีเซลซึ่งไม่ตรงตามเอกสารที่ระบุไว้ในใบกำกับการขนส่งจริง จะมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป