วันที่ 29 ธันวาคม 2568 เวลา 10:39 น.
29 ธันวาคม 2568 เมื่อเวลา 06:00 น. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ บช.ปส. ได้ปล่อยแถวกำลังพลเปิดปฏิบัติการ Black Mirror TKP ตรวจค้นและทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด 22 เป้าหมาย 7 หมายจับ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.ลพบุรี และ จ.ตรัง โดยได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี รวมจำนวนกว่า 120 นาย ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดชุดใหญ่ ส่งท้ายปีเก่า 2568 ต้อนรับปีใหม่ 2569 โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นประธานให้โอวาทและปล่อยแถวกำลังพล
โดยหนึ่งในจุดที่เข้าค้น คือบริเวณบ้านหรูหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน ซึ่งจุดดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 2 ราย เป็นสามีชาวไทยและภรรยาชาวลาว พร้อมของกลางเป็นรถยนต์หรู 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท อาวุธปืนสั้น 11 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนยาว 5 กระบอก และตุ๊กตาหรู 3 ตัว
ทางด้าน พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.) ซึ่งได้เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เปิดเผยถึงปฏิบัติการดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีสามารถจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดชาวลาวได้ จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลพบว่า ขบวนการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติดอีกกว่า 7 คดี
ขณะเดียวกันยังพบว่า ขบวนการดังกล่าวได้เปิดบริษัทเครือ TKP ซึ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจขนส่ง จำนวน 4 บริษัท แต่ ละบริษัทมีกรรมการจดทะเบียนในลักษณะของไขว้กัน ซึ่งแทบไม่ได้ทำกิจกรรมธุรกิจตามที่ได้จดทะเบียนเอาไว้เลย แต่พบว่าทั้ง 4 บริษัทมีเงินสะพัดหมุนเวียนกว่า 2 หมื่นล้านบาทใน 50 บัญชีบริษัท บางบัญชีมีเงินหมุนเวียนสูงสุดถึง 20 ล้านบาท โดยเงินที่หมุนเวียนนั้น พบว่าเป็นเงินที่เชื่อมโยงมาจากขบวนการค้ายาเสพติดและนำมาฟอกเงินอีกที
นั่นจึงเป็นเหตุทำให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดดำเนินการสืบสวนสอบสวนและเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการยาเสพติดเครือข่ายดังกล่าว 22 จุดใน 5 จังหวัด โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 7 หมายจับในข้อหาเกี่ยวกับฟอกเงินและยาเสพติด ซึ่งในจุดบ้านพักย่านแขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชันนี้ พบว่าผู้ต้องหาสามีภรรยาคู่นี้เป็นกรรมการบริษัท ให้การยอมรับว่ารับจดทะเบียนเปิดบริษัท แต่ไม่สามารถให้การเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทได้ เพราะไม่ได้ดำเนินธุรกิจเลย
"ขณะเดียวกันยังพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตในย่านฝั่งธนบุรี (เขต 33 เขตบางพลัดและบางกอกน้อย ยกเว้นแขวงศิริราช) สังกัดพรรคการเมืองชื่อดังพรรคหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกจนพบว่า มีพยานหลักฐานทั้งเรื่องของเส้นทางการเงินที่รับเงินจากเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายเดือนและผู้ต้องหาสามีภรรยายอมรับว่า ให้เงินกับนักการเมืองรายนี้ จึงนำมาสู่การเสนอหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ โดยตอนนี้ทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดสามารถจับกุม ผู้สมัคร สส. รายดังกล่าวได้แล้วและกำลังนำตัวเข้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด"
พล.ต.อ.สำราญ ยังระบุอีกว่า ตอนนี้ทั้ง 22 จุดนั้น บางจุดอยู่ในระหว่างการเข้าตรวจค้นและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดครบวงจรทุกมิติตามนโยบายของรัฐบาลและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องดำเนินการตั้งแต่จับกุมตัดตอนการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในพื้นที่เมือง ไปจนถึงสกัดกั้นขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายยาเสพติด โดยในคดีนี้จะดำเนินการประสาน ปปง. เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินและดำเนินคดีในเรื่องฟอกเงินต่อไป