24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 27 ธ.ค.68
>> กระบะพุ่งชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บนมอเตอร์เวย์ เสียชีวิต 4 บาดเจ็บ 1
03.20 น. พ.ต.ท.สิวิชัย บุตรจันทร์ สารวัตรเวรหน่วยสอบสวน สทล.เขาเขียว รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนท้ายกัน บนถนนมอเตอร์เวย์ หลักกิโลเมตรที่ 91 ฝั่งขาเข้าพัทยา ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยเพี้ยวเยี้ยงไท้ ศรีราชา
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อนิสสัน สีส้ม ทะเบียน กทม. สภาพชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน สระบุรี พ่วงท้าย ทะเบียน ไม่ติด บรรทุกไม้ยางพาราเต็มคัน
จากการตรวจสอบภายในรถกระบะพบร่างผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย คนขับรถกระบะชื่อ นายณัฐสิทธิ์ อายุ 34 ปี , น.ส สภวาดี อายุ 48 ปี นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ และพบร่างผู้เสียชีวิตในแคบอีก 2 คน เป็นชายไม่ทราบชื่อไม่พบเอกสาร และยังพบผู้บาดเจ็บสาหัส 1 รายเป็นชายไม่ทราบชื่อ เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว
จากการสอบปากคำ คนขับรถบรรทุกพ่วง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถบรรทุกไม้ยางพารามาเต็มคันจาก กทม. ไปส่งโรงงานที่ จ.ระยอง ถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังคล้ายยางรถระเบิด จึงจอดลงไปดู พบมีรถกระบะพุ่งชนท้ายอย่างแรง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกที เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ชีวิตใหม่! ลูกกระทิงรอดพ้นวิกฤต หลังถูกบ่วงสลิงรัดขา ทีมสัตวแพทย์ 4 หน่วยงานรวมพลังช่วยชีวิต เตรียมใส่ขาเทียมให้ยืนได้อีกครั้ง
10.00 น. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ข้อความระบุ ความหวังกลับมาอีกครั้ง! สำหรับลูกกระทิงน้อยผู้โชคร้ายที่ถูกบ่วงสลิงรัดขาจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 หลังจากทีมสัตวแพทย์จาก 4 หน่วยงานร่วมมือกันอย่างเข้มข้น ล่าสุดพบว่าอาการดีขึ้นอย่างมาก แผลเริ่มหาย และกำลังเตรียมทำขาเทียมเพื่อให้น้องกระทิงสามารถเดินได้อีกครั้ง
นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) เปิดเผยว่า ภารกิจช่วยชีวิตลูกกระทิงครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายหลังที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประสานขอความช่วยเหลือ ทีมสัตวแพทย์จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ได้เข้าร่วมรักษาที่คลินิกปศุสัตว์และสัตว์ป่า อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ทันที
ทีมสัตวแพทย์ผู้ปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เปิดเผยว่า ผลการรักษาน่าประทับใจ เมื่อทีมสัตวแพทย์ได้ทำการวางยาสลบเพื่อทำแผล พบว่าแผลบริเวณขาหน้าขวามีหนองน้อยลง ไม่พบเนื้อตาย มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่มากขึ้น ส่วนแผลบริเวณขาหลังขวาที่เย็บไว้ไม่พบหนอง ปากแผลปิดสนิทดี และที่สำคัญ ทีมได้ใส่เผือกเพื่อเตรียมทำแบบสำหรับขาเทียม ซึ่งจะช่วยให้ลูกกระทิงสามารถยืนและเดินได้อีกครั้ง
>> รายงานกำลังพล “พลทหารนรินทร์” เหยียบทุ่นระเบิดรายที่10 พื้นที่สัตตะโสม ขาขวาขาด นำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งรักษา รพ.สุรินทร์ เรียบร้อยแล้ว
11.30 น. จากกรณีมีการเผยแพร่ในโลกโซเชียล พลทหารเหยียบกับระเบิดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ก่อนเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาหยุดยิง ตามแถลงการณ์ที่ได้ลงนามร่วมกันของไทยและกัมพูชานั้น
ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 27 ธ.ค. 2568 กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่2 ว่าเกิดเหตุ กำลังพลประสบอุบัติเหตุจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ระหว่างการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เขาสัตตะโสม จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้ พลทหารนรินทร์ เงาไพร ได้รับบาดเจ็บสาหัสขาข้างขวาขาด
ภายหลังเกิดเหตุ หน่วยได้เร่งให้การช่วยเหลือและนำกำลังพลผู้บาดเจ็บขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลสุรินทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน พื้นที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการควบคุมและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันอันตรายเพิ่มเติมแก่กำลังพลที่ปฏิบัติงาน
>> ปคม.รวบหนุ่มอังกฤษ หนีคดีข้ามโลกซุกไทย หวังรอด
14.20 น. กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกันจับกุม นายนิค (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2568 โดยกล่าวหาว่า “กระทําพฤติกรรมควบคุมหรือบังคับขู่เข็ญบุคคลที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดฯ ฐานการใช้สารพิษหรือวัตถุอันตรายโดยเจตนาฯ ฐานทําร้ายร่างกายที่ก่อให้เกิดอันตรายและฯ ฐานทําลายทรัพย์สินฯ และฐานได้ทําร้ายร่างกายด้วยการทุบตีฯลฯ” สถานที่จับกุม บริเวณริมถนน ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
เนื่องด้วย นายนิค (นามสมมุติ) เป็นผู้ต้องหาซึ่งทางประเทศอังกฤษต้องการตัว ซึ่งมีพฤติกรรมควบคุมหรือบังคับขู่เข็ญบุคคลที่มีความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดฯ ใช้สารพิษหรือวัตถุอันตรายโดยเจตนาฯ ทําร้ายร่างกายที่ก่อให้เกิดอันตราย และ ทําลายทรัพย์สินฯ และฐานได้ทําร้ายร่างกายด้วยการทุบตี ฯลฯ ได้หลบหนีคดีซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 8 ปี ต่อมาได้มีหลักฐานน่าเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวได้หลบหนีเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ทางหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ สหราชอาณาจักร จึงได้ดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน และได้ประสานขอความร่วมมือ ให้ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ช่วยดำเนินการสืบสวน และติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า นายนิค (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดศรีสะเกษ โดยจะอาศัยอยู่ไม่เป็นที่เป็นคนระมัดระวังตัว ปกปิดตัวตนตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ จนกระทั่งพบผู้ต้องหารายนี้กำลังปรากฏตัวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จึงได้วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ และได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
>> จังหวัดปราจีนบุรี จัดพิธีส่งศพทหารกล้า "จ.ส.อ. พงศกร นาคทองดี-พลทหาร ปฏิพัทธิ์ ศรประดิษฐ์" เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างสมเกียรติ
14.30 น. ณ อาคารสุริยะบูรพา ร.2 รอ. มณฑลทหารบกที่ 12 จัดพิธีส่งศพทหารกล้า ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กลับสู่ภูมิลำเนาอย่างสมเกียรติ โดยมีพลตรี เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายสัญญา นามี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พ.อ.ชูชีพ โพธิ์นอก รอง ผอ.รมน.ปราจีนบุรี และ พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ อยู่ไพร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี ร่วมในพิธีส่งศพเพื่อแสดงความเคารพและอาลัยต่อวีรชนผู้กล้าด้วย
ทหารกล้า 2 นาย ประกอบด้วย
จ่าสิบเอก พงศกร นาคทองดี สังกัด กรมทหารราบที่ 2 กองพันที่ 2 รักษาพระองค์ ภูมิลำเนา หมู่ที่ 5 ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เคลื่อนย้ายโดยรถยนต์ อำนวยความสะดวกโดยมณฑลทหารบกที่ 12 ออกจากค่ายจักรพงษ์
พลทหาร ปฏิพัทธิ์ ศรประดิษฐ์ ตำแหน่ง พลสูทกรรม ภูมิลำเนา หมู่ 1 ตำบลเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด เคลื่อนย้ายโดยเฮลิคอปเตอร์ จากค่ายจักรพงษ์ไปยังอำเภอเกาะช้าง มณฑลทหารบกที่ 12
จังหวัดปราจีนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอสดุดีในความกล้าหาญและเสียสละของทหารกล้าทั้ง 2 นาย พร้อมแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว และยกย่องวีรกรรมที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
>> เด็กชายวัย 16 ปี ชักมีดจ้วงชาย 53 ปี ดับคาวัด ฉุนถูกตักเตือนเรื่องพฤติกรรม
17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ร่วมกับอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งเหตุมีชายถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯเจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บทราบชื่อ นายกฤษณรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี มีบาดแผลถูกแทงบริเวณชายโครงซ้าย 1 แผล และรักแร้ซ้าย 1 แผล รวม 2 แผล อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือฉุกเฉิน ทำการปั๊มหัวใจ (CPR) ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) และห้ามเลือด ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว แต่ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุเป็น เยาวชนชาย อายุ 16 ปี นั่งรอมอบตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การว่าอาศัยอยู่ใกล้วัดบรมนิวาสฯ และถูกผู้เสียชีวิตว่ากล่าวตักเตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความไม่พอใจ ก่อนใช้อาวุธมีดก่อเหตุทำร้ายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.ปทุมวัน ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขั้นตอนคดีเยาวชนต่อไป
>>ตำรวจ สน.บางชัน บุกรวบหนุ่มเขมร เตรียมอาวุธปืน - ระเบิด นำไปถล่มคู่อริ แก้แค้นหลังถูกมีดไล่ฟันมา
18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันจับกุม นายโกเอียง โมอึน อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก วัตถุระเบิดพันด้วยเทปพันสายไฟสีดำ 1 ลูก ประทัดอีกจำนวนมาก โดยจับกุมได้ห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ ภายในซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 11 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากมีการสอบสวนพบว่า นายโกเอียง มีการพกอาวุธปืน ระเบิดเพลิงจำนวนมาก ไว้ห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ จึงลงพื้นที่ทำการตรวจสอบจนพบของกลางดังกล่าว ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่าเอาไว้ใช้กับคู่กรณีที่มีเรื่องกันก่อนหน้านี้ หลังตนเองถูกเอามีดไล่ฟัน จึงเตรียมอาวุธกลับมาแก้แค้น
เบื้องต้นแจ้งข้อหา 1. มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย 3. ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> กองปราบรวบสาวแสบ หลอกแชตร่วมหลับนอนเหยื่อ ก่อนฉวยโอกาส ฉกสร้อยคอทองคำพร้อมหลวงพ่อแพเลี่ยมทองมูลค่า 60,000 บาท หลบหนี
20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม น.ส.พิน (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ลงวันที่ 24 มี.ค.68 ข้อหา “ลักทรัพย์” ได้บริเวณหน้าบ้านพักแห่งหนึ่งภายใน ซอย 5 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
สืงเนื่องจากเมื่อปลายปี66 นายบันเทิง (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหาย ได้รู้จักกับ น.ส.พิน ผู้ต้องหาผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ เมื่อสนิทสนมกันจึงได้ชักชวนมาร่วมหลับนอนที่บ้านพักสองวัน ก่อนพาไปส่งขึ้นรถกลับบ้าน หลังจากนั้น นายบันเทิง ก็ไม่ได้พบกับผู้ต้องหาอีกเลย
จนกระทั่งต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าสร้อยคอทองคำ พร้อมกับพระหลวงพ่อแพเลี่ยมทอง ราคา 60,000 บาท ที่เก็บรักษาไว้ในกล่องเก็บเงินที่ใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานได้สูญหายไป จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า น.ส.พิน (นามสมมุติ) ได้หลบหนีมากบดานในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> เทรลเลอร์เบรกแตก พุ่งชน 5 คันรวด ทำรถติดยาว
20.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุรถชนกันจำนวน 6 คัน บนถนนมิตรภาพขาเข้าอ.เมืองนครราชสีมา จุดเกิดเหตุช่วงเนินลงเขาหน้าประปาสีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
ที่เกิดเหตุพบรถเทรลเลอร์ ชนท้ายรถกระบะสีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และมีรถแวน 7 ที่นั่ง คันที่ 3 ถูกชนท้าย คันที่4 เป็นรถกระบะ คันที่ 5 เป็นรถกระบะคอกบรรทุกสินค้าหนัก และคันที่ 6 เป็นรถ 6 ล้อตู้ทึบ ถูกเฉี่ยวชนเสียหายเล็กน้อย
คนขับรถเทรลเลอร์ กล่าวว่า ตนขับรถรับปูนซีเมนต์มาจาก จ.สระบุรี จะไปส่งที่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พอขับมาถึงที่เกิดเหตุ รถเกิดเบรกไม่อยู่จึงทำให้พุ่งชนรถกระบะคันหน้าแล้วไปชนกันอีก 4 คันรวด ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งหมด 6 คัน และมีคนเจ็บ 2 ราย
>> ยิงแฟนสาวดับหน้าห้องพักย่านบางนา ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองบาดเจ็บสาหัส
23.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับแจ้งเหตุหญิงถูกยิงเสียชีวิต บริเวณหน้าหอพัก ย่านบางนา จึงประสานแพพย์นิติเวช ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แล้วรุดไปรวจสอบพร้อมสายตรวจ ฝ่ายสืบสวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฎิบัติการพิเศษ รายงานเพิ่มเติมจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยบางนา-ตราด 16 ช่วงท้ายซอย พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด .38 มีบาดแผลที่ท้ายทอย ทราบชื่อต่อมา นางสาว สุนิสา อายุ 27 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชาย ทราบชื่อ นายพีระพล อายุ 28 ปี ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองที่ท้ายทอยได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลสิรินธร เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 2 คนเป็นแฟนกัน มีปัญหากันเรื่องหึงหวง ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวน
28 ธันวาคม 2568
28 ธันวาคม 2568