หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2568

วันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 05:32 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2568


>> รถเก๋งเสียหลักตกข้างทางแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้วอดทั้งคัน พบร่างผู้เสียชีวิต 2 รายอยู่ในซากรถ

06.30 น. เจ้าหน้าที่สมาคมพรพระแม่ รับแจ้งมีเหตุ รถเก๋งเสียหลักชนราวสะพาน แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ ริมถนนเส้นทาบ้านกุดโจด - บ้านกุดแห่ ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า อัลติส สีทอง ป้ายทะเบียน ยโสธร รถคันดังกล่าวเกิดเพลิงไหม้ลุกท่วมท้้งคัน ทางเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถดับเพลิงจึงพยายามดับไฟ จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ตรวจสอบภายในยานพาหนะ พบร่างของผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้หญิงไทย อายุ 68 ปีและอายุ 73 ปี สภาพร่างถูกไฟคลอก ทราบต่อมาว่าเป็นชาวอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เลิงนกทา


>> รถบรรทุกชนกับรถอเนกประสงค์ กลางถนนทางหลวงหมายเลข 24 มีผู้เสียชีวิตหลายราย

07.00 น. รับแจ้งจาก อาสาสมัครสว่างเมตตาจุดหนองบุญมาก มีอุบัติเหตุ รถบรรทุกชนกับรถนั่งส่วนบุคคล มีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย บนถนนทางหลวงหมายเลข 24 บริเวณใกล้เคียง อบต.บ้านใหม่ ในพื้นที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา

ที่เกิดเหตุ รถบรรทุกน้ำมัน ป้ายทะเบียน อุบลราชธานี ลักษณะพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง ห่างออกไปพบรถเนกประสงค์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน นครราชสีมา สภาพรถมีร่องรอยการชนเสียหายทั้งคัน

ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้บาดเจ็บ 2 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ร่างยังติดค้างภายในยานพาหนะ ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ ใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถและนำร่างออกมาจากตัวรถ ก่อนช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บ เป็นผู้หญิง 2 รายนำส่ง รพ.หนองบุญมาก

ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ตรวจสอบ เป็นชายไทย 2 รายอายุ 51 ปี และอายุ 79 ปี และหญิงไทย อายุ 56 ปี และอายุ 74 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบุญมาก


>> รอง ผบ.ตร. เปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ พัฒนานวัตกรรมบริหารจัดการจราจร รับมือการเดินทางช่วงปีใหม่

08.30 น. พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนานวัตกรรมบริหารจัดการจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569” พร้อมมอบนโยบายการบริหารงานด้านความมั่นคงและการจราจรแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สำราญฯ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่มีการเดินทางของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุและปัญหาการจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงต้องยกระดับการทำงานด้วย การวางแผนและประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ประเมินโอกาสความสำเร็จ การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนด้านงบประมาณ ตลอดจนการซักซ้อมแผนและกำหนดกรอบเวลาการปฏิบัติงานให้สามารถนำไปใช้ได้จริงในทุกพื้นที่

ในด้านการแก้ไขปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุ รอง ผบ.ตร. ได้กำหนดแนวทางให้มุ่งลดอุบัติเหตุ เพิ่มความคล่องตัวในการจราจร และลดผลกระทบด้านมลภาวะ พร้อมเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุจุดเกิดเหตุซ้ำซาก และวางแผนแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์วิกฤติ และการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยควบคุมและบริหารจัดการจราจรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


>> รถตู้เสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง ผู้บาดเจ็บหลายราย อาสากู้ภัยเร่งช่วยเหลือและนำส่ง รพ.

09.20 น. ตำรวจทางหลวงปากช่อง นครราชสีมา หน่วยบริการตำรวจทางหลวง คลองไผ่ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถตู้เสียหลักชนต้นไม้ ข้างทางมีผู้บาดเจ็บหลายราย ริมถนนสายบายพาสเลี่ยงเมือง ฝั่งขาออก ช่วงหลัก กม.68 ใกล้เคียงศูนย์ฝึกยุทธวิธีฯ ในพื้นที่ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ที่เกิดเหตุ พบรถตู้ โตโยต้า สีเทา ลักษณะชนกับต้นไม้ข้าง ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย โดยที่คนขับสภาพติดค้างในยานพาหนะ ทางอาสาสมัครดำเนินการงัดรถ และนำตัวออกมา ก่อนจะดำเนินการผู้บาดเจ็บทั้งหมด นำส่ง รพ.ปากช่องนาน ในส่วนของสาเหตุอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองสาหร่าย


>> กองทัพภาคที่ 1 ประณามกัมพูชา โจมตี BM-21 ในพื้นที่พลเรือน บ.คลองแผง ชายแดนสระแก้ว

10.57 น. กองทัพภาคที่ 1 ขอประณาม ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจรวด BM-21 โจมตีเข้ามาพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทย บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว รวม 40 นัด ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ตลอดจนระบบสาธารณูปโภค พื้นที่การเกษตร ถนนในหมู่บ้าน ก็ได้รับความเสียด้วย

แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้มีเจตนาที่จะยุติความขัดแย้งนี้ อีกทั้งยังเจตนาที่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างร้ายแรง


>> จับโจรชิงทรัพย์ "สาวแม่ลูกอ่อน" พบประวัติแสบตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่ในจังหวัดปัตตานี

11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ยะหริ่ง ร่วมกับ สภ.ปะนาเระ และ สภ.โคกโพธิ์ บุกเข้าจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์สะเทือนขวัญประชาชน หลังก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นสาวแม่ลูกอ่อน บริเวณถนนสายยามู-ตะโละกาโปร์ สร้างความหวาดกลัวให้กับคนในพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์ที่คนร้ายได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงแม่ลูกอ่อนในพื้นที่ ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก ชุดสืบสวน สภ.ยะหริ่ง ได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด (CCTV) ตามเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียด จนพบเบาะแสสำคัญว่าคนร้ายได้หลบหนีข้ามเขตไปยังพื้นที่ อ.ปะนาเระ จึงประสานงานร่วมกับ สภ.ปะนาเระ เข้าควบคุมตัว นายวอ (นามสมมุติ) ภูมิลำเนามาจาก จ.ปัตตานี ไว้ได้พร้อมของกลาง

จากการตรวจสอบประวัติและขยายผลพบว่า นายวอ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ลงวันที่ 24 เมษายน 2568 ในข้อหา "ลักทรัพย์ของผู้อื่น" ในพื้นที่ สภ.โคกโพธิ์ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลที่ว่า รถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุชิงทรัพย์แม่ลูกอ่อนนั้น เป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาจากพื้นที่ สภ.หนองจิก อีกด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกจับกุมและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ก่อนส่งตัวนายวอ ให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาชิงทรัพย์ และข้อหาตามหมายจับค้างเก่า รวมถึงประสานไปยังท้องที่ที่มีการขโมยรถจักรยานยนต์เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติม จากเหตุการณ์จับกุมในครั้งนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง เป็นอย่างมาก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและบูรณาการกำลังร่วมกันจนสามารถนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษได้สำเร็จ เพื่อคืนความสงบสุขและความปลอดภัยให้กับท้องถนนในพื้นที่


>> ทลายโกดังเครื่องสำอางปลอม ยึดแชมพู-เครื่องสำอางปลอมแบรนด์ดัง มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

11.22 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปคบ. ปฏิบัติการบุกทลายโกดังเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมปลอมแบรนด์ดังที่ระบาดใน แพลตฟอร์มออนไลน์ ในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดของกลาง กว่า 118,455 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

จากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพร ยี่ห้อดังปลอม โดนมีการลักลอบนำสินค้าปลอม มาเก็บไว้ในโกดังพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เพื่อรอการกระจายสินค้า กระทั่งเจ้าหน้าที่นำกมายศาลเข้าตรวจค้น 2 จุด เป็นบ้านพักและโกดัง ในพื้นที่ ซอยเพิ่มสิน 42 เขตสายไหม กรุงเทพฯ

เจ้าหน้าที่ตรวจยึดผลิตภัณฑ์เครื่องเครื่องสำอางปลอม ทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมดูและหนังศีรษะ,ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า , ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ,ผลิตภัณฑ์แชมพู ยี่ห้อต่างๆ รวมตรวจยึดของกลาง รวม 118,455 ชิ้น มูลค่ากว่า 10,000,000 บาท

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังสินค้าดังกล่าวผู้เช่าเป็นชาวจีน ทำการโฆษณาจำหน่ายสินค้าปลอมผ่านแฟลตฟอร์มออนไลน์ โดยลักลอบนำเข้าสินค้าปลอมจากต่างประเทศ และนำมาจัดเก็บที่โกดังเก็บสินค้าในพื้นที่เขตสายไหม เพื่อรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศไทย เมื่อมีการสั่งซื้อ จะทำการบรรจุลงกล่องส่งให้ลูกค้า มียอดขายประมาณวันละ 500-1,000 ชิ้น โดยทำมาแล้วประมาณ 6 เดือน โดยกลุ่มผู้ต้องหา มักจะสับเปลี่ยนบัญชีที่รับโอนเงินค่าสินค้าโยกย้ายสถานที่จัดเก็บสินค้าอยู่ตลอด รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อร้านในแพลตฟอร์ม ออนไลน์เพื่อเป็นการอำพรางและให้ให้ตรวจสอบได้ยาก

เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม 1. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” 2. พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฐาน “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม”


>> สื่อทำเนียบฯ งดตั้ง “ฉายารัฐบาล” เหตุเป็นรัฐบาลรักษาการ

11.39 น. ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ออกแถลงการณ์คำชี้แจง เรื่องตั้งฉายารัฐบาล-นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจำปี 2568 ว่า ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล มีมติงดตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจำปี 2568 ตามธรรมเนียมปฏิบัติในช่วงปลายปีที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จะตั้งฉายาของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เพื่อสะท้อนการทำงานของคณะรัฐมนตรีในรอบปี

แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เป็นรัฐบาลรักษาการ หลังจากนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลจึงได้หารือกันและพิจารณาตามหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมเนียมยึดถือสืบต่อกันมาตั้งแต่เริ่มแรก ว่า จะงดตั้งฉายารัฐบาล ในกรณีที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ภายหลังนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาฯ ,กรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจนรัฐบาลทำงานยังไม่ครบปี ,กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร และกรณีสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ และยังมีความเห็นว่า หากมีการตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี อาจถูกนำไปขยายผลในทางการเมือง หรือนำไปเชื่อมโยงให้เกิดความขัดแย้ง ในช่วงเวลาที่กำลังเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอาจจะตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ 
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล คาดหวังว่าภายหลังการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ในปี 2569 จะได้มีการตั้งฉายาเพื่อสะท้อนการทำงานของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประจำปี ตามธรรมเนียมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เคยงดตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำปี มาแล้ว เช่น ปี 2549-2550 รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร -ปี 2551 รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช, รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ,รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล รวมถึงปี 2556 รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากประกาศยุบสภา ปี 2557 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหาร และในปี 2561 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ


>> ชายตกจากไซส์งานก่อสร้าง ความสูงประมาณ 30 เมตรเสียชีวิต

12.57 น. รับแจ้งจากศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ ขอเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมตรวจสอบ ชายตกจากไซส์งานก่อสร้าง ความสูงประมาณ 30 เมตร เหตุเกิดภายในไซส์งานก่อสร้าง ย่านบางขุนนนท์

เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ ชาย 1 ราย อาการสาหัสหมดสติ และไม่หายใจ เจ้าหน้าที่จึงให้การช่วยเหลือ CPR เพื่อฟื้นคืนชีพ เป็นเวลา 30 นาที การช่วยเหลือไม่เป็นผล ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ ทีมแพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐาน ได้ทำการชันสูตรและตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ มีคำสั่งให้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งต่อเพื่อทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช


>> สาววัย 18 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง เสียชีวิตริมถนน จ.พิษณุโลก

13.00 น. หน่วยกู้ภัยบูรพา รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ดำ ป้ายทะเบียน 5762 พิษณุโลก เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ริมถนนบ้านห้วยท่าเนื้อ ในพื้นที่ ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก

ตรวจสอบพบว่า ผู้ขับขี่ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 18 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชาติตระการ พร้อมแพทย์นิติเวช ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น แล้วมอบหมายให้หน่วยกู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถานนิติเวชโรงพยาบาลชาติตระการ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุให้แน่ชัด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


>> รายงานจากกองทัพภาคที่ 2 เหตุทหารได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ใกล้ปราสาทตาควาย

14.20 น. มีกำลังพลเหยียบทุ่นระเบิด ทราบชื่อ ส.อ.นิติธรรม ศรีคำแซง ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาซ้าย

หลังเกิดเหตุ หน่วยได้เร่งให้การช่วยเหลือและนำส่งผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาโดยทันที ขณะที่พื้นที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการควบคุมและตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตรายเพิ่มเติมแก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานในบริเวณดังกล่าว

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียดของเหตุการณ์ และประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด


>> ‘กาน เวลไฟร์’ มือยิงเก๋งบนทางด่วน สารภาพแค่ขับปาดหน้ากัน อารมณ์ชั่ววูบ อ้างไม่เจตนาให้ถึงตาย

14.46 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และทีมฝ่ายสืบสวนนครบาล แถลงผลจับกุม "กาน เวลไฟร์" ผู้ต้องหายิงบนทางด่วน โดยผู้ต้องหามีการไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ ก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนอีก 4 คน ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี จากนั้นถูกภรรยาโทรตามให้กลับ จนกระทั่งเวลา 02.00 น. ผู้ต้องหาขับรถตระเวนส่งเพื่อนในย่านบางใหญ่และงามวงศ์วาน ก่อนขึ้นท่างด่วนจากถนนงามวงศ์วาน กระทั่งก่อนเข้าด่านเก็บเงินประชาชื่น ได้พบกับรถผู้ตาย ก่อนมีการขับปาดกัน โดยผู้ต้องหารับว่าตนไม่ชำนาญเส้นทางและมีการเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน มีการเปิดกระจกด่าทอกันกับคู่กรณี ก่อนที่จะเข้าช่องเก็บเงิน จากนั้นได้หยิบอาวุธปืนที่อยู่ในรถขึ้นมาด้วยมือขวา โดยใช้มือซ้ายจับพวงมาลัย แล้วโน้มตัวไปยิงผ่านช่องกระจกของรถตัวเอง ไปยังรถเก๋งคู่กรณี โดยทำการยิง 3 นัด กระสุนเข้าที่ร่างผู้ตาย 2 นัด ส่วนอีก 1 นัดนั้น กระสุนไปโดนรถที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย

จากนั้น ผู้ต้องหาได้ขับรถหนี โดยจุดแรกได้ขับลงทางด่วนพหลโยธิน และเข้าซอยเพื่อทำการเปลี่ยนทะเบียนรถ ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม จากนั้นได้ทำการเรียกรถแท็กซี่เพื่อหลบหนีไปลงที่ อ.เชียงราก จ.ปทุมธานี แล้วเรียกแท็กซี่อีกคันไป จ.ระยอง ก่อนที่จะเปลี่ยนใจให้ไปส่งที่ จ.ตราด เพื่อไปยังเกาะช้าง พร้อมประสานลูกและภรรยาให้ไปรอเจอกันที่ท่าขึ้นเรือเกาะช้าง ก่อนที่จะข้ามไปยังเกาะช้าง หลังจากที่ตัวผู้ต้องหาข้ามไปยังเกาะช้างแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เข้าติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่สะพานคึกฤทธิ์

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เผยว่าภายหลังการจับกุมได้มีการสอบปากคำ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ยิงผู้ตาย แต่ไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากไม่ได้มีการรูัจักกันมาก่อน เพียงแค่บันดาลโทสะจากการขับรถปาดหน้า แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีเจตนาบ่งบอกว่าได้เข้าข่ายเอาชีวิต ส่วนอาวุธปืนนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นพบว่าปืนมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้จดทะเบียนนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว


>> รถพ่วงเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ แล้วทับร่างหนุ่ม 29 ปีเสียชีวิต

16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งอุบัติเหตูรถบรรทุกพ่วงเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต ถนนเลียบคลองรังสิต - นครนายก บริเวณสี่แยกคอสะพาน คลอง 12 ในพื้นที่ ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ป้ายทะเบียน สระบุรี จอดอยู่กลางถนน บริเวณล้อฝั่งซ้ายพบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาชาว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ใกล้กันมีรถจักรยายนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ป้ายทะเบียน กทม. ล้มคว่ำอยู่สภาพช่วงหน้ารถมีร่องรอยการเฉี่ยวชนพังเสียหาย

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถบรรทุกดินขับมาจากถนนรังสิต-นครนายก โดยข้ามสะพานข้ามคลอง 12 มุ่งหน้าไปถนนลำลูกกาพอลงมาจากสะพานข้ามคลองมาแล้วเกิดเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มถูกล้อทับเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งรพ. พร้อมสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนให้ครอบครัวรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป


>> กทม. ปูพรมตรวจเข้ม ลงพื้นที่ RCA - พญาไท คุมมาตรการความปลอดภัยสถานประกอบการ รับเทศกาลปีใหม่ 2569

18.00 น. นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร นำทีมคณะผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยสถานประกอบการย่าน RCA เพื่อเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569

ปลัด กทม. ได้เข้าตรวจสถานประกอบการเป้าหมาย 7 แห่ง โดยเน้นย้ำ 3 หัวใจหลัก คือ ตรวจสอบให้การดำเนินกิจการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด, สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ และ บูรณาการการทำงานร่วมกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอย่างใกล้ชิด

พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ทุกสำนักงานเขตรายงานผลการตรวจความปลอดภัยสถานประกอบการในพื้นที่ ให้เสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน


>> ส.ต.ท.หนุ่ม ตำรวจสายสืบกระชากฟูกที่นอนบนระเบียงชั้น 3 อาคารพาณิชย์หลุดมือ พลัดตกหัวกระแทกพื้นเสียชีวิต

20.30 น. สน.พลับพลาไชย 1 รับแจ้งเหตุชายพลัดตกที่สูงเสียชีวิต บริเวณอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น ซอยแม้นศรี 2 แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. 
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น บริเวณหน้าบ้านพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ. สิบตำรวจโท อายุ 31 ปี ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.5 สภาพหงายจมกองเลือด ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขายาวสีดำ นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้น มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ จากการพลัดตกจากบนชั้น 3 ของอาคาร

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ทำงานบ้านอยู่บนชั้น 3 โดยออกมายืนอยู่นอกกันสาดและพยายามจะดึงฟูกที่นอนออกจากระเบียงเพื่อโยนลงชั้นล่าง ขณะใช้มือกระชากฟูกที่นอนแต่พลั้งหลุดมือพลัดตกจากระเบียงชั้น 3 ลงมาศีรษะกระแทกพื้นเสียชีวิต

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนให้ญาติมารับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป


>> รวบแล้ว มือยิงตำรวจบาดเจ็บ ถูกจับภายในโรงแรมย่านสมุทรปราการ จนท.คุมตัวเค้นสอบ

21.37 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีเกิดเหตุยิงกันภายในชุมชนล็อค 6 คลองเตย เมื่อคืนวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมาขณะตำรวจนอกเครื่องแบบ สน.ท่าเรือ แสดงตัวเข้าตรวจค้น ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีพยายามฆ่า ทราบชื่อคือ "ต๊อก" อายุ 46 ปี ก่อนจะเกิดการยิงกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และมีชาวบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งในภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับ ใน 5 ข้อหาหนัก ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อหน้านั้น

ล่าสุดวันที่ 25 ธันวาคม 2568 มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกับชุดสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และชุดสืบสวน สน.ท่าเรือ ระดมกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ

กระทั่งสามารถจับกุม "นายต๊อก" ได้ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  
 

ข่าวยอดนิยม