หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2568

วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เวลา 05:32 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2568


>> จ่าเอกทหารเรือ เหยียบทุ่นระเบิด ที่บ้านสามหลัง จ.ตราด บาดเจ็บขาขวาขาด เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.

09.30 น. มีรายงานว่า จ่าเอก เทอดพงษ์ ผมนะรา สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ของกองทัพเรือ เหยียบทุ่นระเบิดที่ทหารกัมพูชาฝั่งไว้ ในพื้นที่บ้าน 3 หลัง บ.หนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด

จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขวาขาด ขณะปฏิบัติภารกิจ เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันได้ควบคุมพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบ–เก็บกู้วัตถุระเบิดเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน

ด้าน สภ.เมืองจันทบุรี จัดกำลังเคลียร์เส้นทางอำนวยความสะดวก ส่ง "จ่าเอก เทอดพงษ์" ทหารช่างนาวิกโยธินของทหารเรือ เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.พระปกเกล้า หลังเหยียบทุ่นระเบิดและสูญเสียขาขวาในพื้นที่บ้าน 3 หลัง บ.หนองรี ต.ชำราก จ.ตราด


>> รัฐบาลขอบคุณทัพนักกีฬาไทย คว้า 233 เหรียญ ครองเจ้าเหรียญทอง สมัยที่ 14

09.47 น. นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรึ เปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณทัพนักกีฬาไทยทุกคน รวมทั้งครูผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดกำลังความสามารถ เต็มศักยภาพ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568

โดยประเทศไทย สามารถคว้าเหรียญรวม ได้ 499 เหรียญ แบ่งเป็น 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน และ 112 เหรียญทองแดง ทำให้ประเทศไทยครองเจ้าเหรียญทอง สมัยที่ 14 และทำลายสถิติของกีฬาซีเกมส์ ที่เวียดนามทำไว้เมื่อปี 2021 จำนวน 205 เหรียญ 
พร้อมกันนี้ มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คาดว่า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 12,000 ล้านบาท ทั้งมูลค่าที่เกิดจากการแข่งขันโดยตรง และมูลค่าด้านอื่น ๆ ประกอบกัน ถือเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงมาก หากเทียบจากการจัดมหกรรมกีฬาอื่น ๆ ที่ผ่านมา

“รัฐบาลชื่นชมกองเชียร์ชาวไทยทั้งในสนามและทางบ้าน ต่างร่วมกันเชียร์อย่างสนุกสนาน สร้างความประทับใจต่อนักกีฬาและกองเชียร์ชาวต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม และพลัง soft power ของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งมากกว่าชัยชนะ คือความมีน้ำใจ แสดงออกถึงมิตรภาพและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน“ นางสาวอัยรินทร์ กล่าว


>> กองทัพภาคที่ 2 ตรวจยึดวัตถุระเบิดดัดแปลงจากทุ่น TM-57 ถือเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของกำลังพลไทย

11.54 น. กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยรายละเอียดการตรวจยึดวัตถุระเบิดแสวงเครื่องจากพื้นที่ทางทหารซึ่งอยู่ในความควบคุมของฝ่ายกัมพูชา หลังพบการรุกล้ำเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารและใช้เป็นพื้นที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ ระบุว่า

จากการตรวจสอบ พบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเอง โดยใช้ทุ่นระเบิดต่อสู้รถถังแบบ TM-57 ร่วมกับดินระเบิดคอมโพซิชัน C-4 หรือสารระเบิดแรงสูง เชื้อปะทุไฟฟ้า สายไฟ เศษโลหะ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุ่น TM-57 ถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นอาวุธแสวงเครื่อง เพื่อใช้เป็นระเบิดบังคับทิศทาง หรืออาจเป็นระบบสั่งระเบิดจากระยะไกล จากการวิเคราะห์พบข้อสังเกตสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

การใช้อุปกรณ์ทางทหารมาตรฐานและนำมาดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง, มีองค์ประกอบที่บ่งชี้ถึงความตั้งใจให้เกิดแรงระเบิดรุนแรง และ ระบบจุดระเบิดอาจเป็นแบบควบคุมได้ หรือถูกจัดวางเป็นกับดัก

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของกำลังพลไทย และอาจก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ผู้ที่เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว


>> รถตู้ชนกับรถบรรทุกพ่วง กลางถนนสาเอเชีย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย จ.ชัยนาท

13.20 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ชัยนาท มีอุบัติเหตุ รถตู้ชนกับรถบรรทุก และมีผู้เสียชีวิต ถนนทางหลวงหมายเลข 32 ช่วงหลัก กม 144+800 ในพื้นที่ ม.10 ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท

ที่เกิดเหตุ พบรถตู้ โตโยต้า สีเหลือง ป้ายทะเบียน อ่างทอง ลักษณะชนกับ รถบรรทุกพ่วง ฮีโน่ ป้ายทะเบียน อุตรดิตถ์ ตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย ตรวจสอบเอกสาร ทราบเป็นชายไทย อายุ 65 ปี และ อายุ 82 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย ทางอาสาสมัครฯ นำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มโนรมย์


>> เพลิงไหม้อาคารห้องนิติบุคคลของหมู่บ้าน ย่านลาดพร้าวซอย 87 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

13.27 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยลาดพร้าว 87 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น ประกอบกิจการนิติบุคคลอาคารชุด ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้เสียหายตู้เก็บของ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 2 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟติดผนัง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมาก


>> ตำรวจ สน.บางนา จับหญิงสาว ลอบขายน้ำกระท่อม กลางซอยแบริ่ง

15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ผู้ถูกจับกุม เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี พร้อมด้วยของกลาง น้ำพืชกระท่อมบรรจุขวด ขนาด 1,500 ซีซี จำนวน 30 ขวด โดยกล่าวว่า "จำหน่ายอาหารที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนผสมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ" สถานที่จับกุมบริเวณ เพิงไม้ไม่มีชื่อ บริเวณกลางซอยแบริ่ง 9 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ

บริเวณสถานที่ร้องเรียนดังกล่าว มีการจำหน่ายน้ำพืชกระท่อง จึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้นพบหญิงไทย ผู้ต้องหา แสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบน้ำพืชกระท่อมแช่ในถังพลาสติก จำนวน 30 ขวด สอบถามรับว่าเป็นของตนเองและรับว่าเป็นน้ำพืชกระท่อมนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป ในราคาขวดละ 70 บาท

ขอตรวจสอบใบอนุญาตการตรวจอนุมัติและผ่านการประเมินความปลอดภัยของอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของน้ำพืชกระท่อม ผู้ต้องหาแจ้งว่าไม่ไม่ได้ขออนุญาตแต่อย่างใด จึงแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งสิทธิ์ ยึดน้ำพืชกระท่อมเป็นของกลาง จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมาย


>> รถนั่งส่วนบุคคลชนประสานงา กลางถนนสายธัญบุรี - วังน้อย มีผู้เสียชีวิตในยานพาหนะ จ.ปทุมธานี

15.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดปทุมธานี มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคล 2 คันชนกัน และมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในยานพาหนะ บนถนนสายธัญบุรี - วังน้อย ใกล้เคียงด่านชั่งน้ำหนัก ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ในที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับ รถนั่งส่วนบุคคล ไดฮัทสุ มิรา สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน นครปฐม ตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย สภาพติดค้างในยานพาหนะ ทางอาสาใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำออกมา และตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุประมาณ 29 ปี ทราบต่อมาว่า ผู้เสียชีวิตเป็นปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอลำลูกกา ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองห้า


>> อธิบดี กสร. แสดงความห่วงใยเหตุระเบิดบ่อดักไขมัน สาขาศรีราชา สั่งเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง คุ้มครองสิทธิแรงงานอย่างเต็มที่

15.41 น. เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุจากการทำงานกรณีเกิดเหตุระเบิดขณะลูกจ้างทำการเชื่อมโลหะภายในบ่อดักไขมันของสถานประกอบกิจการแห่งหนึ่ง สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี ส่งผลให้มีลูกจ้างเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย และมีลูกค้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 ราย ว่า

กรมฯ มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยได้มอบหมายให้พนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี (สสค.ชลบุรี) และศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 2 (ศปข.2) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและพิจารณาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า งานดังกล่าวเป็นการจ้างเหมาช่วงหลายทอด และคาดว่าเหตุระเบิดอาจเกิดจากสะเก็ดไฟจากการเชื่อมตกลงไปภายในบ่อดักไขมันซึ่งมีของเสียสะสมอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้ กรมฯ ได้มอบสค.ชลบุรี เป็นตัวแทนเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้รับบาดเจ็บ และได้ประสานให้ สำนักงานประกันสังคมติดตามการช่วยเหลือในด้านค่ารักษาพยาบาลและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทต้นสังกัดได้แสดงความรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นแล้ว

อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ ได้เชิญนายจ้างที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัทต้นทาง บริษัทผู้รับเหมา และผู้รับเหมาช่วง เข้าพบเพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี หากตรวจพบการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 รวมถึงกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่เกี่ยวข้อง กรมฯ จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมย้ำให้นายจ้างทุกแห่งตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกจ้างเป็นสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคต


>> นายกรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยมและให้กำลังใจ จ่าเอก เทอดพงษ์ ผมนะรา หลังเหยียบทุ่นระเบิดของกัมพูชา ต้องสูญเสียขา ย้ำรัฐบาลและกองทัพ พร้อมดูแลและเยียวยาอย่างเต็มที่

16.28 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจ จ่าเอก เทอดพงษ์ ผมนะรา สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ของกองทัพเรือ ที่ได้รับบาดเจ็บ

หลังเหยียบทุ่นระเบิดที่ทหารกัมพูชาฝังไว้บริเวณพื้นที่บ้านสามหลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จากนั้นได้ถูกนำส่งเข้ารักษาตัวที่ รพ.พระปกเกล้าจันทบุรี

สำหรับอาการของจ่าเอก เทอดพงษ์ ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว และรู้สึกตัว โดยทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัด และสามารถห้ามเลือดบริเวณแผลได้แล้ว แต่ยังต้องให้ยาฆ่าเชื้ออีก 1 สัปดาห์ 
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าว ว่าทหารของไทยเหยียบทุ่นระเบิดของกัมพูชา จึงรีบเดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์ เพื่อมาเยี่ยมและกำลังใจจ่าเอก เทอดพงษ์ และครอบครัว ซึ่งทางรัฐบาลและกองทัพ จะไม่ทอดทิ้งวีรบุรษเหล่านี้ พร้อมดูแลและเยียวยาอย่างเต็มที่


>> รวบหนุ่มค้ายา ยึดทั้งอาวุธปืนและยาบ้า 1,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

17.22 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม จับกุม นายนายกอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนสั้น จำนวน 1 กระบอก , กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 6 นัด , กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 2 นัด , แม็กกาซีนบรรจุกระสุนขนาด 9 มม. , ซองปืน จำนวน 1 อัน , ยาบ้า จำนวน 1,088 เม็ด พร้อมยึดทรัพย์หลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยจับกุมบริเวณบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง

สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ในพื้นที่ ตำบลแห่งหนึ่ง ใน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ว่านายกอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด (ยาบ้า) ให้แก่กลุ่มลูกค้าในพื้นที่รวมทั้งมีพฤติกรรมยิงปืนใส่บ้านเพื่อทวงค่ายาเสพติด โดยในเวลากลางคืนจะมีการซ้อมยิงปืนทุกค่ำคืน ทำให้ประชาชนใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนรำคาญ และหวาดกลัวจะได้รับอันตราย

หลังเข้าจับกุม เจ้าพนักงานตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามกฎหมาย ให้ผู้ถูกจับทราบและเข้าใจ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บ้านในควน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาจำหน่ายหรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน) อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า (1)โดยก่อให้เกิดการแพร่กระจ่ายในกลุ่มประชาชนชน (2)โดยกระทำการโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ (6), มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครอบ โดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมแฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”


>> รวบเจ้าของบัญชีม้า อำพรางเส้นเงิน ขบวนการลำเลียงยาไอซ์ จากภาคเหนือสู่ชายแดนใต้

17.39 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาหญิง อายุ 38 ปี ฐาน “สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันนั้น และการกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม” 

โดยจับกุมหน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผูเต้องหาชายรายหนึ่ง พร้อมของกลางยาบ้า 27,955 เม็ด แล้วขยายผลไปจับกุมผู้ต้องหาชายอีกสองราย พร้อมด้วยยาไอซ์อีก 10 กิโลกรัม ได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ใน อ.ยี่งอ

และจากการสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดรายดังกล่าว พบว่ามีการลักลอบลำเลียงยาไอซ์น้ำหนัก 50 กิโลกรัม มาจากพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ และกระจายยาเสพติดไปแล้วบางส่วน โดยใช้รถยนต์เก๋งเป็นพาหนะบรรทุกยาไอซ์ มีการติดต่อประสานงานกันผ่านแอปพลิเคชันสื่อสารออนไลน์ระหว่างทางการลำเลียง ในลักษณะที่เป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ตั้งแต่ผู้สั่งการ ผู้จัดหายาเสพติด ผู้ลำเลียง ผู้ขับรถนำทาง ตลอดจนผู้สนับสนุนด้านการเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีการใช้บัญชีธนาคารของบุคคลอื่น หรือที่เรียกว่า “บัญชีม้า” ในการรับ–โอนเงินค่าจ้างและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติด โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ก่อนหน้าร่วมขบวนการ

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องหาหญิงวัย 38 ปีที่ถูกจับได้ในครั้งนี้ ทำหน้าที่ในการรับ – โอนเงินค่าจ้างลำเลียงยาเสพติด ซึ่ง น.ส.วอรับจ้างเปิดบัญชี โดยได้ค่าตอบแทน 800-1,200 บาท


>> ไฟไหม้บ้านเรือน เสียหายเกือบทั้งหลัง เคราะห์ดีไร้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

19.20 น. ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้าน จุดเกิดเหตุภายในหมู่บ้านขอนแดง ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เพลิงลุกไหม้บริเวณด้านในตัวบ้าน ทางเจ้าหน้าที่พร้อมดัวยรถดับเพลิง ระดมฉีดน้ำเข้าสกัดเพลิง จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ตรวจสอบไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุอยูาระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเลย  

 

>> ไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน ย่านเทศบาลรังรักษ์เหนือซอย 14 หลังเพลิงสงบพบผู้เสียชีวิต 

23.56 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยเทศบาลรังรักษ์เหนือ 14 ถนนเทศบาลรังรักษ์เหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง ภายในห้องครัว เพลิงลุกไหม้ห้องครัวเสียหายทั้งหมด พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 18 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่เครื่องซักผ้า ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย เป็นเพศชาย ไม่ทราบอายุ ถูกไฟคลอกเสียชีวิตชั้นล่างของตัวบ้านบริเวณห้องครัว พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดยาว 

 

ข่าวยอดนิยม