วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 09:44 น.
ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ระงับความเสียหายทันท่วงที เข้าช่วยเหลือเหยื่อวัย76 ปีหวิดเสียทรัพย์ หลังถูกมิจฉาชีพลวงขายสร้อยทอง-แหวนเพชร อ้างโอนตรวจสอบคดีฟอกเงิน
ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดข้อมูลการเข้าช่วยเหลือเหยื่อ ในวันที่ 11-12 ธ.ค.68 โดยพบว่ามีเคสรับแจ้งผ่านทางศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เกี่ยวกับแผนประทุษกรรมของคนร้ายโดยพบว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นเรื่องของการโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมข่มขู่ว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องการกระทำความผิด ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว ยอมแอดไลน์เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอม พร้อมทั้งยอมโอนเงินและทรัพย์สินไปให้ตรวจสอบ ก่อนจะมารู้ภายหลังว่าเป็นกลลวงมิจฉาชีพ
ซึ่งศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) สามารถประสานงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน ประกอบกับประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบพร้อมช่วยเหลือเหยื่ออย่างทันท่วงที โดยเป็นการเข้าตรวจสอบทั้งหมด 4 เคส และเราสามารถช่วยเหลือรวมทั้งระงับการโอนเงินของผู้เสียหายก่อนจะโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพได้ทั้งหมด 4 รายเช่นกัน คิดเป็นจำนวนเงิน 510,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมได้ 1 คดี ผลงานของศปอส.ภ.4 ที่เข้าทลายฟาร์มบัญชีม้าในพื้นที่จ.สกลนคร จับกุม 17 ผู้ต้องหา
สำหรับเคสที่น่าสนใจ เจ้าหน้าที่ warroom ศูนย์ ACSC ประสานเจ้าหน้าที่ ศปอส.ภ.5 เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย เป็นชาย อายุ 76 ปี หลังรับสายมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทแห่งหนึ่ง แจ้งว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และให้แอดไลน์ ชื่อไลน์ “สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง”(ของปลอม) ก่อนจะแจ้งว่า ผู้เสียหายมีหมายจับให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดไปให้เพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงเตรียมสร้อยพระเลี่ยมทอง จำนวน 1 เส้น, ตุ้มหูเพชร 1 คู่ และแหวนทองเพชร จำนวน 2 วง มูลค่ารวม 165,500 บาท พร้อมเดินทางไปร้านทอง ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เพื่อที่จะนำไปขายและโอนเงินให้แก่คนร้าย ซึ่งระหว่างเดินทางคนร้ายได้วิดีโอคอลติดตามความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายโดยตลอด ซึ่งทันที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่อง รีบติดตามตัวผู้เสียหายก่อนจะไปพบที่ชั้น 3 ภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว จึงเข้าแสดงตัว พร้อมแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอก ให้หยุดการกระทำดังกล่าว เป็นการระงับ ยับยั้งความเสียหายได้อย่างทันท่วงที ซึ่งในระหว่างนั้นคนร้ายก็ยังมีการโทรและวิดีโอคอลเข้ามาหาผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้บันทึกหลักฐาน ก่อนพาผู้เสียหายไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมและรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดเพื่อใช้ในการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพต่อไป
เคสที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย เป็นหญิง อายุ 18 ปี ถูกมิจฉาชีพวิดีโอคอลผ่านไลน์ข่มขู่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. แจ้งว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ต้องโอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย มูลค่าความเสียหายรวม 1,459,126 บาท
เคสที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย เป็นชาย อายุ 64 ปี ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาลวงเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต แจ้งว่ามีหนังสือตรวจสอบผู้รับประโยชน์แล้วจะคุ้มครองเงินฝาก โดยให้แอดไลน์พร้อมแจ้งให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมสรรพสามิต จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนจนสิ้นเสร็จแล้วทำการสแกนใบหน้า ก่อนเงินจะถูกโอนออกจากบัญชีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายรวม 201,910 บาท
ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ขอเตือนภัยและยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วย จะไม่โทรศัพท์หาประชาชน เพื่อแจ้งข้อหาหรือการกระทำความผิด ,ไม่ส่งหมายเรียก หมายจับ หรือเอกสารทางราชการใดๆทางไลน์ , ไม่วิดีโอคอลสอบปากคำทางไลน์ และสำคัญที่สุดจะไม่ให้โอนเงินหรือทรัพย์สินมาให้ตรวจสอบเป็นอันขาด ดังนั้นหากประชาชนพบพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว นั่นคือเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ประชาชนตั้งสติ อย่าหลงเชื่อ และอย่าโอนเงินหรือทำธุรกรรมใดๆเด็ดขาด
.jpg)



13 ธันวาคม 2568
13 ธันวาคม 2568