24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2568
>> ไฟไหม้กุฏิพระ วัดมหาพฤฒารามวรวิหาร เสียหายวอดทั้งห้อง
08.04 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ วัดมหาพฤฒารามวรวิหาร ถนนมหาพฤฒาราม แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ประกอบกิจการศาสนสถาน
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นกุฏิครึ่งตึกครึ่งไม้ 3 ชั้น ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 1 (ภายในห้องโถง) เพลิงลุกไหม้โถงห้องพระเสียหายหมดทั้งห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 200 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ห้องโถงเสียหายทั้งหมด ขณะที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 2 รูป รูปที่ 1 อายุประมาณ 48 ปี มีอาการไฟลวกบริเวณหัวไหล่และบริเวณเท้าขวา รถกู้ชีพโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ นำส่งโรงพยาบาลสงฆ์ และ รูปที่ 2 อายุประมาณ 85 ปี มีอาการสำลักควัน รถกู้ชีพโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ นำส่งโรงพยาบาลสงฆ์
>> รมว.ศึกษาฯ สั่งปิดโรงเรียน 641 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำความปลอดภัยเด็ก–ครูต้องมาก่อน
10.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา ส่งผลให้หน่วยงานด้านความมั่นคงสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัย รวมถึงสถานศึกษาที่อยู่ในจุดที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ และสระแก้ว
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ให้ประสานไปยัง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในสังกัดทั้ง 5 จังหวัด เพื่อให้ทำการปิดการเรียนการสอนชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยขณะนี้ สถานศึกษาที่จำเป็นต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราวรวมทั้งสิ้น 641 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา
“กระทรวง ศธ.ได้ติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมแผนรองรับหากต้องยืดระยะเวลาปิดเรียน หรือปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ในบางพื้นที่ แต่ต้องเน้นย้ำว่า ความปลอดภัยของผู้เรียนและบุคลากรสถานศึกษาคือ สิ่งสำคัญที่สุด โดยขอให้ทุกสถานศึกษาดำเนินมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ยึดความปลอดภัยของเด็ก ครู และประชาชนเป็นหลัก หากสถานการณ์คลี่คลายแล้วจะเร่งคืนสู่ระบบการเรียนการสอนโดยเร็ว“ศ.ดร.นฤมล กล่าว
>> กองทัพอากาศ แจง ส่ง F-16 โจมตีเป้าหมาย ทหารกัมพูชา เหตุเคลื่อนอาวุธหนัก-กำลังรบ ส่อขยายวงกว้าง-ภัยคุกคาม
11.03 น. พล.อ.ท. จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการร่วมกับกองกำลังสุรนารี ในการตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นภัยคกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทย รวมทั้งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ชายแดน และกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ จากข้อมูลการตรวจสอบทางยุทธการพบว่า มีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัด กำลังรบ และการเตรียมการสนับสนุนด้านการยิงของกัมพูชา ซึ่งอาจนำไปสู่การขยายวงของการปฏิบัติการทางทหารในลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย จึงนำไปสู่การใช้กำลังทางอากาศ เพื่อยับยั้งและลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ปฏิบัติภารกิจอย่างรอบคอบ โดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการ และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ซึ่งถูกประเมินว่า เป็นภัยต่อความมั่นคง พร้อมทั้งยังตรวจสอบผลการโจมตี เพื่อยืนยันว่าการปฏิบัติการเป็นไปตามหลักสากลของการป้องกันตนเอง ตามกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน อย่างเคร่งครัด
กองทัพอากาศตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นพื้นที่ และยังคงยึดมั่นในการดำเนินมาตรการทุกขั้นตอนเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงและลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
กองทัพอากาศ ยืนยันว่า จะปฏิบัติการทางอากาศบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ และจะตอบสนองต่อภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อเอกราชอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้เป้าหมายสูงสุด คือการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
>> ผบ.ตร. พร้อมหนุน ทหาร ส่ง ตำรวจตระเวนชายแดน สนับสนุนพื้นที่ส่วนหน้า ตามแผนพิทักษ์ ชุดควบคุมฝูงชน ดูแล ปชช.
12.13 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมหน่วยงานความมั่นคงกับนายกรัฐมนตรี ในการดูแลประชาชนตามแนวชายแดน ว่า ให้ดำเนินการตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง และดูแลด้านการจราจร รวมถึงการนำประชาชนเข้าสู่พื้นที่พักพิงที่ปลอดภัย โดยมีประชาชนที่จะอพยพยังเหลืออีกส่วนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการรอรายงาน ด้านตำรวจตระเวนชายแดนสนับสนุนพื้นที่ส่วนหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตชด. ยังช่วยเสริมบริเวณชายแดนอยู่หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า อยู่ตามปกติอยู่แล้ว ส่วนพื้นที่ฝั่ง จ.สระแก้ว ได้เตรียมความพร้อมมานานแล้ว โดยมีชุดควบคุมฝูงชน ที่เป็นหน่วยสนับสนุนรอฟังคำสั่งทั้งในพื้นที่ฝั่งอีสานและภาคตะวันออก
>> รองเลขาฯ OECD เข้าพบ นายกฯ ชื่นชมไทยเดินหน้าสู่สมาชิก OECD ช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของไทยให้ทันสมัย
12.30 น. นายฟรานติเช็ก รูซิกกา รองเลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ในนามของนายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการ OECD เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนกระบวนการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ของไทย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นายกฯ กล่าวต้อนรับรองเลขาธิการ OECD พร้อมขอบคุณคำแนะนำและการสนับสนุนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในกระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ด้านรองเลขาธิการฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ยืนยันพร้อมสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ โดยการยกระดับมาตรฐานต่าง ๆ จะเปิดโอกาสและบทบาทของไทยในความร่วมมือระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น
นายกฯ เน้นว่า การเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของไทย ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของประเทศในการรับมือความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รัฐบาลพร้อมขับเคลื่อนกระบวนการด้วยความมุ่งมั่น และขอรับคำแนะนำจาก OECD อย่างใกล้ชิด
>> ปกครอง - ตำรวจ สนธิกำลังบุกจับบ่อนไก่ชน นักพนันวงแตกหนีอลหม่าน ยึดไก่นักสู้ 4 ตัว พร้อมเซียนไก่ 22 ราย
13.36 น. นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง สั่งการให้ ปลัดอำเภอบางละมุง สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ฯ บุกไปจับบ่อนลักลอบเล่นพนัน ตีไก่ชน เดิมพัน ที่สนามคัตไก่แห่งหนึ่ง ภายในชุมชน พื้นที่ ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถควบคุมตัวผู้กระทำผิดลักลอบเล่นการพนันตีไก่ชนได้ทั้งหมด 22 ราย พร้อมของการเป็นสังเวียนตีไก่ อุปกรณ์สำหรับดูแลไก่ชน และไก่ชนจำนวน 4 ตัว สมุดจดคู่ตี
สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่า บริเวณดังกล่าวมีกลุ่มเซียนพนันตีไก่ชน ลักลอบเข้าไปรวมตัวกันล้อมวงตีไก่เดิมพัน คู่ดังถึง 3 คู่ ในราคาคู่ละ 11,000 บาท เมื่อเจ้าหน้าที่วางแผนจึงส่งสายลับเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์ ก่อนส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่นำกำลังบุกเข้าไปจับกุม เมื่อไปถึงเป็นเพลิงสังกะสีขนาดใหญ่ ล้อมด้วยตาข่ายลวด
เมื่อเจ้าหน้าที่ลงจากรถบุกเข้าจู่โจม เหล่าเซียนพนันไก่ชน สวมวิญญาณนักวิ่ง พากันวิ่งเตลิดไปคนละทิศหลายทาง บางรายถึงขั้นยอมเจ็บตัว พุ่งทะลุตาข่ายลวด แล้วพากันวิ่งหนีอย่างอลหม่าน เข้าป่า ลงน้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม และสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เป็นผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 22 ราย พร้อมไก่ชนจำนวนสองคู่ (4 ตัว) ที่กำลังตีอยู่ในสังเวียน และอุปกรณ์ในการตีไก่จำนวนมาก ภายหลังได้ตรวจค้นภายในยานพาหนะของเซียนพนันไก่ชน ซึ่งไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
เบื้องต้น ได้ควบคุมตัวนักพนัน และผู้จัดให้มีการพนันตีไก่ชน พร้อมของกลาง ไก่ชนนักสู้ 4 ตัว สังเวียนตีไก่ และอุปกรณ์ต่างๆ ทำบันทึกจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์กลางถนน มีผู้บาดเจ็บ 1 และเสียชีวิต 1 ราย จ.นครศรีธรรมราช
13.39 น. รับแจ้งจากกู้ภัยมูลนิธิหัวไทร มีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะกับจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนในพื้นที่ ม.4 ต.ควนชะลิก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีเทา ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเป็นผู้ชายไทย อายุ 41 ปี และใกล้กันพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 60 ปี มีแผลแตกที่ศีรษะและรอยถลอกตามร่างการ ทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจ ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหัวไทร ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวไทร
>> CIB ผนึกกำลังทางการเกาหลีใต้ ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ รวบ 17 ผู้ต้องหา ยึดของกลางเพียบ
14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย แถลงผลปฏิบัติการ “Thailand–Korea Breaking Chains” บุกทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ชาวเกาหลีใต้และชาวจีน รวม 17 ราย หลังสืบทราบว่ากลุ่มดังกล่าวหลบหนีจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาซ่อนตัวในเมืองไทย เปิดคอนโดฯ ย่านพระราม 3 และลุมพินีเป็นฐานหลอกลวงชาวเกาหลีใต้ ทั้งปลอมเป็นอัยการ–เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงแอบอ้างแบรนด์ หลอกลงทุนแชร์ลูกโซ่ ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 20,160,000,000 วอน (ราว 500 ล้านบาท) โดยผู้ต้องหา 4 รายมีหมายจับสากล Interpol Red Notice
จากการตรวจค้นพบห้องปฏิบัติการกว่า 20 ห้อง พร้อมคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ VoIP บทสคริปต์หลอกลวง บัตรอัยการปลอม และรายชื่อเหยื่อจำนวนมาก ตำรวจรวบผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 17 ราย แบ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ 14 ราย และชาวจีน 3 ราย ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด พร้อมส่งตัวให้สน.บางโพงพางและลุมพินีดำเนินคดีต่อไป
>> "อัจฉริยะ" ตำหนิการทำงานสื่อมวลชน เก็บหลักฐานบ้าน "นัทปง" แต่ไม่ให้ตำรวจ
14.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมา สภ.บางกรวย ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้เดินทางมาพบ ผบช.ภ.1 ปรึกษาเรื่องคดีบุหรี่ไฟฟ้า และมาหารือเรื่องการทำงานของพนักงานสอบสวนของ จ.นนทบุรี ออกมาเคลื่อนไหวตำหนิการทำงานของทีมข่าวที่เข้าพบหลักฐาน ทั้งภาพวงจรปิดและสารไซยาไนด์ ที่พบภายในบ้านของผู้เสียชีวิต
รวมถึงพยานบุคคลที่ปรากฏในภาพวงจรปิดในวันเกิดเหตุ แต่กลับไม่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน ทั้งที่เป็นหลักฐานสำคัญที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต แต่กลับนำไปเผยแพร่และนำเสนอข่าว บอกว่าเป็นการเจตนาเรียกยอดคนดู และเรตติ้งโดยใช่เหตุ มองว่าการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต และครอบครัว
นายอัจฉริยะ ยังพูดถึงการทำงานของพนักงานสอบสวนที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เป็นการทำงานที่ไม่รอบคอบ ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยหรือเก็บพยานในที่เกิดเหตุอย่างครบถ้วน และไม่ประสานพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ส่วนการเดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรบางกรวยในวันนี้ เพื่อขอเข้าพบรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เกี่ยวกับข้อมูลในคดีอื่นๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ นายณัฐวุฒิ
ส่วนการสอบปากคำ นาย ก. ที่เดินทางกับพวก มาพบพนักงานสอบสวนตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว เจ้าหน้าที่ยังสอบปากคำให้แล้วเสร็จ แต่ได้ประสานทางกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เข้าเก็บดีเอ็นเอ รวมถึงพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อไปตรวจสอบ พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะสารไซยาไนด์ ที่พบว่านาย ก. มีความเชื่อมโยง ว่าเป็นผู้ส่งมอบให้
>> กบง. เห็นชอบตรึงราคาก๊าซหุงต้มถัง 15 กิโลกรัม 423 บาท ถึงสิ้นเดือน มี.ค. 69
14.55 น. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม อยู่ที่ประมาณ 423 บาท
โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569 ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารจัดการเงินกองทุนให้สอดคล้องกับแนวทางการดูแลราคาก๊าซ LPG ต่อไป
>> นายกฯ ระบุ “ไม่มีการเจรจาแล้ว" หากจะหยุดสู้รบ "กัมพูชา" ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด
16.18 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชามุ่งเป้าโจมตีมาที่พลเรือนมากกว่าพื้นที่ทางการทหาร ว่า เรารักษาอธิปไตยของเรา แต่ในแนวทางปฏิบัติการทางทหารไม่สามารถที่จะนำมาเปิดเผยได้ ย้ำกองทัพมีแนวทางในการดำเนินการแล้ว
ผู้สื่อข่าวมีการถามถึงการว่า จะยังการเปิดช่องให้เจรจาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า คงไม่มีการเจรจาแล้ว เพราะเขาดำเนินการกับเราขนาดนี้ และเราก็ได้ตอบโต้ให้เขาเห็น ซึ่งในครั้งนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่า การตอบโต้ของเรา ไม่ใช่การตอบโต้เพื่อส่งสัญญาณใดๆ แต่ตอบโต้เพื่อให้เขาเห็นว่า เขาไม่ควรจะเข้ามาคุกคามอธิปไตยของประเทศไทยแล้ว “การเจรจาก็คงไม่มีแล้ว จากนี้ไปหากจะหยุดสู้รบกัน ประเทศกัมพูชาก็ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนเรื่องการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนได้มีการกำชับและเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนทุกจังหวัด ในการดูแลพี่น้องประชาชนด้วยมาตรฐานสูงสุดเท่าที่เขาจะทำได้ โดยให้ใช้งบประมาณที่ประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ในการดูแลประชาชนอย่างอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่มีสื่อต่างประเทศบางสำนักรายงานว่า ไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาต้องเชื่อข้อมูลของประเทศไทย เพราะประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นในทุกเวที ว่าเรารักสงบอยู่ตลอดเวลา เราเป็นฝ่ายที่ถูกคุกคาม ถูกกระทำ ถูกรุกราน และถูกยั่วยุในทุกๆ กรณี ซึ่งได้มีการแสดงหลักฐานให้เห็น รวมถึงการยื่นหนังสือไปยังองค์กรนานาชาติ โดยเรามีความมั่นใจว่าเราได้พิสูจน์ยืนยันแล้วว่า เราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานใคร และเราก็ไม่ยอมให้ใครรุกรานแน่นอน
>> กทม. ยกระดับ 10 มาตรการสู้ PM2.5 มุ่งสู่เมืองอากาศสะอาด ชี้ 3 แหล่งกำเนิดหลัก
17.14 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงยกระดับมาตรการรับมือฝุ่น PM2.5 หลังกรุงเทพฯ ถูกกำหนดเป็นเขตควบคุมมลพิษช่วง พ.ย.–มี.ค. โดยชี้สาเหตุหลักมาจาก สภาพอากาศปิด เครื่องยนต์เผาไหม้ และการเผาชีวมวล พร้อมเดินหน้าใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ผ่านภารกิจ “นักสืบฝุ่น” เพื่อวิเคราะห์แหล่งกำเนิดแบบเรียลไทม์ และแก้ไขให้ตรงจุด เชื่อโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพอากาศปีหน้าจะช่วยให้ประชาชน “หายใจได้เต็มปอดทุกวัน”
กทม. ประกาศยกระดับ 10 มาตรการเข้มช่วงฤดูฝุ่น อาทิ ขยายเขต Low Emission Zone ครอบคลุม 50 เขต ตรวจควันดำเข้มงวดไม่เกิน 20% ดำเนินโครงการ Green List และ Green List Plus เพิ่มมาตรการควบคุมโรงงาน–ไซต์ก่อสร้าง จัดทำห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กให้ครบภายใน มี.ค. 69 ส่งเสริม Work From Home และเพิ่มระบบแจ้งเตือนฝุ่นล่วงหน้า 7 วัน พร้อมจับมือ 5 จังหวัดต้นลมภาคกลางเพื่อลดการเผาชีวมวลจากต้นทาง เดินหน้าสู่ “กรุงเทพฯ อากาศสะอาด” อย่างยั่งยืน
>> คนร้ายรัวยิง ตำรวจปัตตานีบาดเจ็บ ขณะขับรถยนต์เพื่อกลับที่พัก
17.45 น. ฉก.ทพ.42 ได้รับแจ้งจาก ชุดคุ้มครองตำบล ต.สะกำ อ.มายอ จ.ปัตตานี ว่าเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.อดุลย์ ผบ.หมู่ (นปพ.) กก.ปพ.ภ.จ.ปัตตานี ขณะขับรถยนต์ส่วนตัว สีดำ เดินทางกลับจากบ้านพัก
เหตุเกิดที่ บ้านกูบังบาเดาะ ม.4 ต.สะกำ อ.มายอ จ.ปัตตานี ขณะนี้ ผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มายอ
>> รถกระบะชนกับ รถอเนกประสงค์ อาสากู้ภัยเร่งงัดรถเพื่อช่วยเหลือและนำคนเจ็บออกจากยานพาหนะและนำส่ง รพ.
19.34 น. รับจากหน่วยกู้ภัย“เต็กก่า”จีแชเกาะ มีอุบัติเหตุ รถกระบะชนกับรถอเนกประสงค์ และมีผู้บาดเจ็บหลายราย ถนนหมายเลข 2361 บริเวณใกล้เคียงโรงเรียนบ้านป่ากล้วย ตำบลโนนคอม อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีขาว สภาพด้านหน้าพังเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้หญิง และติดค้างภายในรถที่นั่งคนขับ ทางอาสาสมัครใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถและนำตัวออกมาก และใกล้กัน พบรถอเนกประสงค์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว สภาพหน้ารถพังเช่นกัน และมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายใน ทางอาสาฯ ดำเนินการนำตัวออกมา พร้อมกับผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย ดำเนินการนำตัวส่งรักษายังโรงพยาบาลภูผาม่าน ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูผาม่าน
>> แผ่นดินไหว ขนาด 7.4 บริเวณนอกชายฝั่งตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น
21.15 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 7.4 ลึก 46 กม. บริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ สาเหตุเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
9 ธันวาคม 2568
9 ธันวาคม 2568