วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 23:11 น.
มท.4 เปิดงาน “พลังสตรีกับการขจัดความรุนแรงในระดับพื้นที่” พร้อมเดินหน้าสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับสตรีและเด็ก ผ่านการกลไกของผู้นำท้องถิ่นและเครือข่ายสตรี เพื่อให้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือและการคุ้มครองได้อย่างทันท่วงที
วันที่ 3 ธ.ค.68 นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน “พลังสตรีกับการขจัดความรุนแรงในระดับพื้นที่” กิจกรรมรวมพลังสตรีกับการขจัดความรุนแรงในระดับพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแก่กลไกการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จังหวัดกระบี่ โดยมี นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายสงัด พืชพันธุ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่งนจังหวัดกระบี่ นายกิตติ กิตติธรกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกระบี่ นางอจณา ณ ระนอง สมาชิกวุฒิสภา/ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการพัฒนาสตรี คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภาคเอกชน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกิ่งจัน ชั้น 3 อาคารจันอิน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่
นางสาวศศิธร กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรีและเจตนารมณ์ขององค์การสหประชาชาติชี้ชัดว่า “การยุติความรุนแรงต่อสตรี” ไม่ใช่เพียงเรื่องของความยุติธรรม แต่คือการปลดล็อกศักยภาพสำคัญของประเทศชาติ เพราะผู้หญิงคือพลังหลักทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ ที่ต้องได้รับการคุ้มครองและสนับสนุนอย่างเหมาะสม รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยจึงมุ่งหน้า “การป้องกันเชิงรุก” โดยให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงและเด็กในทุกชุมชน ผ่านการทำงานของผู้นำท้องถิ่นและเครือข่ายสตรีเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงความช่วยเหลือและการคุ้มครองได้อย่างทันท่วงที ในขณะเดียวกัน การแก้ไขปัญหาความรุนแรงต้องควบคู่ไปกับการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เพราะปัญหาทั้งสองด้านเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งการเสริมสร้างพลังทางเศรษฐกิจให้สตรีจึงเป็นสิ่งจำเป็น สตรีที่มีรายได้มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ย่อมมีตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเมื่อเผชิญสถานการณ์เสี่ยง กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยเปิดประตูสู่อาชีพ รายได้ และโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้หญิงในจังหวัดกระบี่ ต่อยอดสู่ความเข้มแข็งของทั้งครอบครัวและชุมชน โครงการนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนทุกระดับ ให้โปร่งใส เข้มแข็ง และสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่สตรีในจังหวัดกระบี่อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ในปี 1999 องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น ‘วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล’ (International Day for the Elimination of Violence against Women) สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 เห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” โดยทั่วโลกใช้ริบบิ้นสีขาวเป็นสัญลักษณ์ เพื่อแสดงออกถึงการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว

