หน้าแรก > สังคม

กรมสุขภาพจิต เฝ้าระวังสถานการณ์ทางใจ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 11:01 น.


กรมสุขภาพจิต เฝ้าระวังสถานการณ์ทางใจ แนะจัด “พื้นที่ปลอดภัย” ในชุมชน พร้อมชูบริการและช่องทางรับข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพจิตแก่ประชาชน

วันนี้ (3 ธันวาคม 2568) กรมสุขภาพจิต เน้นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางใจในชุมชนสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยให้ผู้นำชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น และอาสาสมัครร่วมกันออกแบบพื้นที่เฉพาะสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ พร้อมจัดจุดฟื้นฟูจิตใจและพื้นที่พบปะพูดคุยเพื่อคลายความเครียด ควบคู่กับบริการทางการแพทย์ด้านจิตใจในพื้นที่ ทั้งนี้ ผู้นำชุมชน อสม. และทีมดูแลประชาชนในพื้นที่ควรร่วมกันเฝ้าระวังสัญญาณความเครียด และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ทันที ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพจิตได้หลายช่องทาง ทั้งการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและการประเมินสุขภาพจิตด้วยตนเอง

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่ของอำเภอหาดใหญ่ การจัดให้มี “พื้นที่ปลอดภัยทางใจ” ภายในชุมชนเป็นภารกิจสำคัญในการดูแลด้านร่างกายและจิตใจควบคู่กัน โดยชุมชนควรจัดพื้นที่ให้เป็นระบบ เช่น พื้นที่เฉพาะสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการให้เหมาะสมตามความต้องการแต่ละกลุ่ม เพิ่มพื้นที่ส่วนตัวเพื่อลดความแออัด และกำหนดจุดพักใจหรือมุมสงบ เพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด นอกจากนี้ หลักการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัยทางใจ (Psychological Safe Space)” สามารถประยุกต์ใช้ในระดับชุมชนได้ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ 1. การสื่อสารอย่างปลอดภัย โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนแลกเปลี่ยนความรู้สึกโดยไม่ถูกตัดสิน พร้อมกำหนดกติกากลุ่มเพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัว 2. การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพใจ ผ่านการจัดมุมพักใจ พื้นที่สีเขียว หรือจุดสงบพร้อมอุปกรณ์ผ่อนคลาย รวมถึงการปรับแสงและเสียงให้เหมาะสม และ 3. การสนับสนุนทางอารมณ์และการเข้าถึงความช่วยเหลือ โดยจัดให้มีผู้ประสานงานสุขภาพใจ ช่องทางติดต่อผู้เชี่ยวชาญหรือสายด่วนสุขภาพจิต และการอบรมทักษะช่วยเหลือทางใจขั้นพื้นฐานให้แก่บุคลากรและสมาชิกในชุมชน เพื่อเสริมความรู้สึกปลอดภัยและสร้างพลังใจร่วมกัน

นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า ผู้นำชุมชน อสม. และทีมดูแลประชาชนในพื้นที่ควรร่วมกันเฝ้าระวังสัญญาณเตือนด้านสุขภาพจิตของผู้ประสบภัยทุกช่วงวัย โดยผู้ใหญ่อาจมีอาการเครียดเรื้อรัง นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย แยกตัว หรือมีความคิดทำร้ายตนเอง รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น ส่วนเด็กอาจมีอาการหวาดกลัว ร้องไห้บ่อย ติดผู้ดูแล ฝันร้าย หรือพฤติกรรมถดถอย เช่น ปัสสาวะรดที่นอน หากพบสัญญาณดังกล่าวควรให้การดูแลเบื้องต้นอย่างเหมาะสม โดยรับฟังด้วยความเข้าใจ หลีกเลี่ยงการซักถามเหตุการณ์ซ้ำ และช่วยให้ผู้ประสบภัยกลับมาดำเนินชีวิตใกล้เคียงภาวะปกติ หากอาการไม่ดีขึ้นควรประสานทีมสหวิชาชีพเข้าดูแลอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การสื่อสารข้อมูลด้านบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และช่องทางขอความช่วยเหลืออย่างชัดเจน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ลดความกังวล และสนับสนุนให้ชุมชนฟื้นตัวได้อย่างปลอดภัยทั้งกายและใจ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพจิตของกรมสุขภาพจิตได้ที่โรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต หรือประเมินสุขภาพจิตด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ “วัดใจ.com” หากต้องการคำปรึกษาสามารถโทรผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือการใช้แอปพลิเคชัน DMIND เพื่อช่วยคัดกรองและดูแลอารมณ์เบื้องต้น พร้อมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.สุขภาพจิต.com ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตพร้อมดูแลใจผู้ประสบภัยทุกคนให้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติอย่างปลอดภัย

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม