หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 05:33 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568


>> “นายภราดร” เผย จ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมเร็วแน่ ครม.เตรียมอนุมัติงบกลางช่วย 1.2 แสนครัวเรือน น้ำท่วมขังนาน

08.37 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาแล้วกว่า 6 แสนหลังคาเรือน จำนวน 6 พันกว่าล้านบาท และกำลังจะพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติม กรณีน้ำท่วมขังบ้านเรือน เป็นเวลานาน 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน รวม 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลก สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุดรธานี อุทัยธานี และจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 124,430 ครัวเรือน วงเงิน 463,870,000 บาท โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารต่อไป

นายภราดร กล่าวด้วยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ได้รายงานให้ตนทราบถึงภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ซึ่งต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องกัน พร้อมมีการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบทุกด้าน ส่วนมวลน้ำที่มีการระบายจากเขื่อนภูมิพลนั้น จะไม่ทำให้ระดับน้ำสูงสุดในเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น สำหรับเขื่อนสิริกิติ ขณะนี้ยังมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำหลากจากพื้นที่ด้านเหนือเขื่อนได้อีก


>> ไฟไหม้บ้านเสียหายวอด หลังเพลิงสงบพบร่างคุณตาวัย 73 ปีเสียีวิตในกองเพลิง ตร.คาด จุดเผาบ้านตัวเอง หลานชายเศร้า ไม่คิดจะทำจริง

10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ม.2 บ้านหนองหล่ม ต.โพธิ์ทอง อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร จึงประสานเจ้าหน้าดับเพลิงนำรถน้ำ 3 คันไปฉีดน้ำสกัดเพลิง พร้อมกู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จุดปางศิลาทอง

ที่เกิดเหตุพบเพลิงลุกไหม้บ้านเรือน 2 หลังอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่รีบฉีดน้ำสกัดเปลวไฟที่โหมลุกไหม้อย่างหนัก ใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่บ้านทั้งหลังถูกไฟไหม้หนักเหลือแต่โครงเสาและหลังคา ทรัพย์สินทั้งหมดถูกไฟไหม้เสียหาย ส่วนบ้านปูนหลังติดกันมีข้าวของเสียหายจำนวนมากแต่ไม่ได้ลุกลามทั้งหลัง

จากการตรวจสอบ พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 73 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพไหม้ดำเกรียมหมดทั้งตัว ตำรวจประสานแพทย์รพ.ปางศิลาทอง เข้าร่วมชันสูตรพลิกศพ ก่อนส่งพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.ปางศิลาทอง

หลานชาย เล่าว่า ลุงพูดสั่งเสียไว้นานกว่า 2 เดือนแล้วจะเผาบ้านไปพร้อมเผาตัวเอง ไม่คิดว่าจะทำจริง สาเหตุน่าจะเป็นปัญหาทางครอบครัวและอาการป่วยทางจิตเวช ขณะเกิดเหตุมีเพียงลุงอยู่บ้านเพียงคนเดียว ลูกและภรรยา กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ


>> เพลิงไหม้บ้านทาวเฮ้าส์ พื้นที่เขตหนองจอก ประชาชนช่วยกันใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ

10.53 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยสุวินทวงศ์ 23 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้เสียหายเฉพาะตู้เย็น พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 1 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้พัดลมทำการระบายควัน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ตู้เย็น ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหนองจอก


>> วันแรก พสกนิกรเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทจำนวนมาก

12.00 น. กรุงเทพมหานคร เปิดภาพบรรยากาศบริเวณจุดพักคอยสนามหลวงและบริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน ซึ่งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและเปี่ยมด้วยความอาลัย ประชาชนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าร่วมกราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดให้เข้ากราบถวายบังคม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดให้ประชาชนร่วมสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ บริเวณศาลาสหทัยสมาคม โดยสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 – 21.00 น.

ทั้งนี้ กทม. เปิดให้ประชาชนเข้าจุดพักคอยได้ตั้งแต่เวลา 07.30 น. จนถึงเวลา 11.00 น. วันนี้ มีประชาชนเข้ากราบถวายบังคมแล้วกว่า 3,457 คน ท่ามกลางบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและความอาลัยยิ่ง


>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถเทรลเลอร์ มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย

13.20 น. สมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา รับแจ้งศูนย์รวมใจนครหลวง ตรวจสอบอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนทางหลวงหมายเลข 3467 เส้นทางนครหลวง ตึกส้ม ใกล้เคียงร้านรับซื้อของเก่า ในพื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน พระนครศรีอยุธยา ลักษณะชนกับ รถเทรลเลอร์สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน ปราจีนบุรี ตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นเด็กหญิง อายุ 12 ปี มีแผลถลอกตามร่างกายให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาล และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายนอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 37 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำวจ สภ.นครหลวง


>> แผ่นดินไหวขนาด 5.8 บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย

13.38 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 5.8 ความลึก 10 กม. บริเวณพื้นที่ ของหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย ศูนย์กลางห่างออกไป ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ประมาณ 603 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย


>> พบศพชาย 59 ปี เสียชีวิตในน้ำ สันนิษฐานขับขี่จยย.ฝ่าสายฝนประกอบกับความมืดทำให้พลัดตกลงลำคลอง

14.20 น. ณ สะพานคลอง 2 หมู่ที่ 7 ตำบลยางงาม อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ นายเสกสรร กลิ่นพูน นายอำเภอหนองไผ่ ได้รับรายงานเหตุ พบศพบุคคลเพศชายเสียชีวิตไหลมาตามคลองในพื้นที่ตำบลยางงาม ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลยางงาม เข้าตรวจสอบเหตุกรณีพบร่างของผู้ประสบเหตุที่ถูกน้ำพัดร่างหายไป ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เวลา 18.30 น. ทราบผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 59 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 7 ตำบลยางงาม

สาเหตุคาดว่าผู้เสียชีวิตขับขี่จักรยานยนต์ฝ่าสายฝนประกอบกับความมืดทำให้พลัดตกลงลำคลองดังกล่าว แล้วน้ำก็พัดพาร่างผู้เสียชีวิตไปตามลำคลองจนไปถึงจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิต โดยมี กู้ภัยหนองไผ่ ได้กู้ร่างของผู้เสียชีวิตขึันมาจากบริเวณที่พบร่างผู้เสียชีวิต จนท.ตำรวจ สภ.นาเฉลียง ร่วมกับจนท.รพ.หนองไผ่ ชันสูตรพลิกศพ และมอบศพให้ญาตินำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป


>> สุดเศร้า สมาชิก อบต. ถูกท่อน้ำดูดเสียชีวิต หลังจากลงไปเปิดน้ำเข้านา

15.30 น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าตรวจสอบรับแจ้งว่ามีคนถูกท่อน้ำดูดติดคาอยู่ปากท่อเสียชีวิต เหตุเกิดริมคันนา หมู่ 2 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบญาติกำลังช่วยกันดึงร่างของชาย อายุ 63 ปี เป็นสมาชิก อบต.คลองข่อย ที่ยังคงถูกท่อน้ำขนาด 12 นิ้วดูดติดคาอยู่แต่ไม่สามารถดึงออกมาได้ ต่อมาทางชุดประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู ทำการลงไปพยามนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมา โดยใช้เวลา 10 นาทีจนสามารถนำออกมาได้สำเร็จ

จากการสอบถามภรรยากล่าวว่า บ้านอยู่ติดกับที่เกิดเหตุ โดยสามีมาทำการเปิดน้ำเข้านาตั้งแต่ช่วง 8 โมงเช้า จนกระทั่งหายไปนานผิดสังเกต ช่วงบ่ายก็ยังไม่พบเห็น ลูกสาวจึงเดินไปที่นาพบเห็นรองเท้าแตะวางอยู่ แต่ไม่พบตัว จึงตัดสินใจกระโดดลงไปในน้ำ ซึ่งเป็นปากท่อที่พ่อจะต้องเปิดน้ำเข้านาเป็นประจำ และพบว่าตัวพ่อนั้นติดอยู่บริเวณปากท่อซึ่งถูกท่อน้ำดูดอยู่ โดยปกติแล้วสามีจะทำการเปิดน้ำเข้านาเป็นประจำ แต่วันนี้ มีปริมาณน้ำในคลองมากกว่าปกติ ครั้งนี้แกคงดำน้ำลงไปจนทำให้ถูกแรงน้ำดูดเข้าไปในท่อ

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเบื้องต้นได้ทำการบันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบถามข้อมูลกับภรรยา รวมถึงข้อมูลจากญาติ โดยสันนิษฐานว่าเกิดจากสาเหตุที่ผู้ตายเปิดฝาท่อน้ำที่จะนำน้ำเข้านา แต่ด้วยฝั่งด้านปากท่อที่เป็นมีปริมาณน้ำที่สูงกว่าทำให้แรงดูดภายในท่อมีแรงดูดสูง จนทำให้ถูกแรงของน้ำดูดร่างเข้าไป ทางญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงได้มอบผู้เสียชีวิตให้ทางญาติไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป


>> รวบช่างไฟ อดีตแอดมินเพจ หลอกเหยื่อทำงานหารายได้เสริม สุดท้ายสูญเงินไปกว่า 1 แสนบาท

15.30 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชาย 1 ราย อายุ 36 ปี โดยจับกุม บริเวณ ทล.36 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง หลังจากตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ เป็นพนักงานติดตั้งสายไฟของบริษัทแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.ระยอง กำลังจะเดินทางไปทำงานที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง โดยใช้รถยนต์อีซูซุ สีน้ำตาล และจะใช้เส้นทาง ทล.36 เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบ และเข้าตรวจค้นตามหลักยุทธวิธี ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจริง จากการสอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพและให้การเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อฝาก-ถอนเงินจากเว็บพนัน เนื่องจากตนเป็นแอดมินเพจ ได้รับเงินเดือนและได้รับเงินเพิ่มจากยอดเงินที่เข้าบัญชี

โดยมีเคสหนึ่ง เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2567 มีผู้เสียหาย ทักเข้ามาที่เพจรับสมัครงาน เพื่อรับงานมาทำที่บ้านเป็นรายได้เสริม จึงสนใจและสมัครเข้าไป จากนั้นผู้ต้องหาที่เป็นแอดมินเพจ ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้น หากผู้เสียหายสนใจก็จะส่งลิงก์ไลน์ชักชวนเข้ากลุ่ม แล้วให้ผู้เสียหายติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำกิจกรรมประจำวัน ประเมินงานผ่านไลน์กลุ่ม จากนั้นให้ผู้เสีบหายพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ต่อเป็นทอดๆ และบังคับให้เลือกแผนทุนกิจกรรม และให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไป โดยหลังจากผู้เสียหายโอนเงินไปแล้ว กลุ่มมิจฉาชีพก็จะอ้างกับผู้เสียหายว่าลิงก์เกิดปัญหา ต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อปลดล็อกระบบ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าไปหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ทำให้ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 119,767 บาท

โดยเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวผู้ต้องหารายนี้ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยตรง” ส่งตัวดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


>> หนุ่มควงปืนชิงทรัพย์ร้านทอง หนีไม่พ้น โดนตำรวจนอกเครื่องแบบ รวบคาห้างดังย่านกระทุ่มแบน

15.30 น. ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน รับแจ้งมีเหตุปล้นทรัพย์ ที่ห้างทองฯ ภายในห้างสรรพสินค้าฯ ย่านกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน – ปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า ภายหลังจากที่คนร้ายลงมือก่อเหตุปล้นทองแล้ว แต่ยังไม่ทันได้หนีออกห้างฯ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบฯ ทราบชื่อต่อมาคือ จ.ส.ต.สุกิจ กล้าสงคราม ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน (เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนอกเครื่องแบบ) ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจรักษาความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่เกิดเหตุ สามารถเข้ารวบตัวไว้ได้อย่างทันควัน และยังได้พลเมืองดีพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ มาช่วยกันล๊อคตัวคนร้ายด้วย โดยได้นำตัวคนร้ายไปสอบปากคำที่ สภ.กระทุ่มแบน พร้อมกับอาวุธปืนขนาด 9 มม. (ยี่ห้อก๊อก) แม็กกาซีนที่ตกอยู่หน้าร้านทองพร้อมเครื่องกระสุนปืน และรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาที่ขับมาจอดไว้หน้าห้าง

จากการสอบถามพนักงานขายของห้างทองฯ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุมีพนักงานอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทั้งหมด 5 คน โดยคนร้ายเป็นชายมีลักษณะผอม สูง สวมเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวก สะพายกระเป๋า และมีแมสปิดบังใบหน้า เดินเข้ามาถึงก็ยกอาวุธปืนขู่พนักงาน แล้วก็กระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปทุบกระจกคว้าสร้อยคอทองคำไปจำนวนหนึ่ง น้ำหนักรวมกันราวๆ 55 บาท หากคิดเป็นราคาซื้อขาย ณ วันนี้ ตกอยู่ที่ประมาณ 3,377,000 บาท ซึ่งพนักงานทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พอเมื่อเกิดเหตุก็รีบแจ้งไปยังศูนย์ 191 และ กดปุ่มฉุกเฉินทันที

สำหรับคนร้ายรายนี้เป็นชายไทย อายุ 28 ปี มีภูมิลำเนาตามบัตรประชาชนอยู่ในเขตพื้นที่หนองแขม กรุงเทพมหานคร โดยภาพจากกล้องวงจรปิดชี้ให้เห็นว่า ขณะที่คนร้ายเดินเข้ามานั้น ก่อนที่จะใช้อาวุธปืนขึ้นขู่พนักงานขายทอง ได้มีการสไลต์ปืน 1 ครั้ง แต่แม็กกาซีนหลุดลงไปที่พื้น โดยคนร้ายไม่รู้ตัว จากนั้นก็กระโดดข้ามไปทุบกระจกคว้าเอาสร้อยคอทองคำที่แขวนอยู่ แล้ววิ่งไปทางประตูทางออก ซึ่งจังหวะที่วิ่งหนีนั้น คนร้ายมีการยกอาวุธปืนขึ้นฟ้าแล้วทำท่าเหมือนจะยิงเพื่อเปิดทางหนี แต่ไม่มีกระสุน กระทั่งไปถูก จ.ส.ต.สุกิจ กล้าสงคราม ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน (เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนอกเครื่องแบบ) ที่วิ่งไปดักรอข้างหน้าเข้าตะครุบตัวไว้ได้ ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้น ทราบว่า คนร้ายได้ลักทรัพย์มาจากผู้อื่น เพื่อนำมาก่อเหตุดังกล่าว และสาเหตุก็น่าจะมาจากติดการพนัน

ทั้งนี้ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการจากกองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเก็บลายนิ้วมือ และหลักฐานอื่นๆ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


>> ชาวประมงพบร่างลอยกลางทะเล 6 ศพ ใกล้เกาะตะรุเตา

16.00 น. พ.ต.ท.ภราดร สวัสดี สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ9 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้รับแจ้งจากชาวประมง ว่าพบศพลอยน้ำบริเวณอ่าวมะขาม ใกล้เกาะตะรุเตา ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล จำนวน 3 ศพ จึงนำเรือตรวจการณ์ 357 และประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร เข้าตรวจสอบ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน น่าจะเป็นผู้อพยพย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮีนจา เพื่อไปประเทศที่ 3 เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีผู้พบศพในเขตน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกัน จำนวน 5 ศพ

ทั้งนี้ล่าสุด ชาวประมงพบเพิ่มอีก 3 ศพ ในบริเวณใกล้เกาะตะรุเตา รวมทั้งหมด 6 ศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนต่อไป


>> “กองทุนหทัยทิพย์” เร่งสร้างหลุมบุคคลคู่ให้ทหาร 256 จุด หลุมหลบภัยชาวบ้าน 7 แห่ง

16.03 น. พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่าวานนี้ (8 พ.ย.) ตนได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างฐานที่มั่นกำบัง (หลุมบุคคลคู่) ภายใต้โครงการ “กองทุนหทัยทิพย์” ของมูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่ฐานปฏิบัติการแดนไกล ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากเกิดสถานการณ์การปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้กำลังพลไทยประสบความเสี่ยงเนื่องจากไม่มีที่กำบัง ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการถูกโดรนโจมตี

พล.ท.วีระยุทธ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของกองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังสุรนารี โดยมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่กำลังพล และประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดน โดยปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้าง หลุมบุคคลคู่ 256 แห่ง และหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน 7 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์

โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้าจาก พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผบ.กกล.สุรนารี, พล.ต.กิติศักดิ์ ถารวร ผู้บัญชาการกองพลพัฒนา 2 และ พ.อ.คุณนิธ สิทธิชัยกานต์ ผู้บังคับการช่างที่ 2 พัน 202 ซึ่งเป็นหน่วยหลักในการดำเนินการก่อสร้าง ถึงความคืบหน้าในการก่อสร้าง

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำ ว่าการสร้างฐานที่มั่นกำบังในพื้นที่เสี่ยง หรือ บ้องเกอร์ มีความสำคัญเในการปกป้องชีวิตนักรบชายแดน พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่สนับสนุนโครงการกองทุนหทัยทิพย์ ที่ช่วยให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น


>> ป.ป.ส. ปฏิบัติการตรวจยึดยาบ้า 42,000 เม็ด ลักลอบส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชนในจังหวัดสงขลา

17.19 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติในการรับ–ส่งพัสดุให้รัดกุมมากขึ้น

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 42,000 เม็ด ภายในศูนย์กระจายสินค้าของ บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ผลการปฏิบัติครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของ กก.ตชด.43, กอ.รมน.จังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งของกลางทั้งหมดได้ถูกนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางกล่ำ เพื่อดำเนินคดีและขยายผลต่อไป 
ทั้งนี้ ย้ำ ปปส.คุมเข้มมาตรการป้องกันการใช้ช่องทางพัสดุขนส่งยาเสพติด ให้ผู้ให้บริการและผู้ส่งพัสดุต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกัน


>> เพลิงไหม้บ้านเช่า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 เสียหายชั้นบนหมดทั้งชั้น

17.22 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แยก 6 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ประกอบกิจการ ให้เช่าพักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบน เพลิงลุกไหม้เสียหายชั้นบนหมดทั้งชั้น พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 50 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่พัดลมไอน้ำ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนนนท์


>> ไฟไหม้ปลั๊กไฟ ลุกลามห้องพักเสียหาย บนคอนโดหรู กลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

17.32 น. ศูนย์วิทยุสถานีดับเพลิงเมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ย่านพัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนำรถน้ำจำนวน 3 คัน รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อไปถึง พบลูกบ้านทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติพากันแตกตื่น วิ่งหนีออกจากอาคารอย่างโกลาหล โดยมีกลุ่มควันหนาทึบออกมาจากระเบียงห้องพัก บนชั้น 7 เจ้าหน้าที่จึงเร่งอพยพประชาชนออกจากตัวอาคารอย่างปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงผู้สูดดมควันไฟเล็กน้อย

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เหลือเพียงกลุ่มควันลอยคลุ้งทั่วบริเวณ ตรวจสอบภายในห้องต้นเพลิงพบความเสียหายประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหายโดยละเอียด

จากการสอบถามทราบว่า ห้องดังกล่าวมีชายชาวเกาหลี พักอาศัยอยู่กับแฟนสาวชาวไทย โดยฝ่ายหญิงให้การว่า ขณะเกิดเหตุเธอกำลังซักผ้าอยู่บริเวณระเบียง จู่ ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นจากภายในห้อง พอเข้าไปดูพบว่า ปลั๊กไฟเกิดประกายและลุกไหม้ จึงพยายามดับด้วยตนเองแต่ไม่ทัน เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนต้องหนีเอาชีวิตรอดออกมา

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกเหตุไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 2 จ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัด เบื้องต้นคาดว่าเกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณแผงปลั๊กไฟ ภายในห้องพัก


>> ดีอี เรียกประชุม เคาะมาตรการปราบ e-mail ปลอม อ้างหน่วยงานหลอกลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

18.15 น. นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีหน่วยงาน ทั้งบริษัท และสถาบันการเงิน ออกมาแจ้งเตือนพฤติกรรมของมิจฉาชีพที่มีการส่ง e-mail ปลอม ไปยังประชาชน โดยอ้างตัวเป็นหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ หลอกลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น กระทรวงดีอี ถือเป็นปัญหาสำคัญ และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เตรียมประชุมหารือมาตรการป้องกันและปราบปรามการก่อเหตุดังกล่าวของสแกมเมอร์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สมาคมผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 น. ณ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ทั้งนี้เบื้องต้นได้มอบหมายให้ สํานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา


>> นายกฯ อนุทิน เตรียมบินด่วนไปแม่สอด ติดตามการส่งกลับบุคคลต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

19.30 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (จันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการลงพื้นที่ไปยังท่าอากาศยานแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ส่งกลับบุคคลต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลในการจัดการปัญหาความมั่นคงแนวชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ปราบสแกมเมอร์ คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน

ภารกิจครั้งนี้ เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการติดตามและบริหารจัดการด้านความมั่นคงสถานการณ์ในพื้นที่ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก โดยเฉพาะการปราบปรามสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไทยได้ทำงานร่วมกับประเทศพันธมิตรอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนไทย และพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกชาติตามหลักสิทธิมนุษยชน


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

02.36 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.2  ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของ ประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไป ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 177 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย  

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม