หน้าแรก > อาชญากรรม

เปิดปฏิบัติการ ‘มายาคอล’ ทลายขบวนการโทรหลอกเหยื่อทั่วประเทศ ใช้ E-Wallet หมุนเงินซับซ้อน หลอกโอนหลักพัน–หลักหมื่น มานานกว่า 2 ปี

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16:22 น.


เปิดปฏิบัติการ ‘มายาคอล’ ทลายขบวนการโทรหลอกเหยื่อทั่วประเทศ ใช้ E-Wallet หมุนเงินซับซ้อน หลอกโอนหลักพัน–หลักหมื่น มานานกว่า 2 ปี

9 พ.ย. 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 7 ราย ตามหมายจับศาลอาญา 14 หมาย ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันฟอกเงิน” และหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ 1 หมาย ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นฯ” โดยจับกุมได้ที่ ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง ต่อเนื่อง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันฟอกเงิน” พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง , บัญชีธนาคาร 3 เล่ม , กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6 บัญชี โดยลงพื้นที่จับกุม ได้ที่ ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง ต่อเนื่อง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

พฤติการณ์ ด้วยทางศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ANTI SCAM CENTER) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจพบข้อมูลคนร้ายโทรหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีการโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายสร้างเรื่องราวต่างๆ และหลอกให้โอนเงินผ่านเข้าไปเติมเงินในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ปรากฏข้อมูลพื้นที่การใช้งานใน จ.นครศรีธรรมราช

จากการสืบสวนพบว่า น.ส.จอ (นามสมมุติ) 1 ในผู้ต้องหา เป็นผู้โทรศัพท์หลอกเหยื่อทั่วประเทศด้วยตนเอง โดยค้นหาข้อมูลเหยื่อผ่านเฟซบุ๊ก แล้วโทรไปแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี บริษัทรับเหมา หรือหน่วยงานราชการ เพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์  ภายใต้ข้ออ้างหลอกลวงว่าเป็น “ขั้นตอนชำระเงินค่าจ้าง” หรือ “กดรับเงินค้างชำระค่าบริการ” จากการสอบสวนขยายผลพบว่ากลุ่มของ น.ส.จอ  มีการวางระบบแบ่งหน้าที่ชัดเจน ได้แก่ ผู้โทรหลอกเหยื่อ ทำหน้าที่พูดจาหลอกให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารไปเข้า E-Wallet ผู้สร้างลิงก์หรือซองของขวัญเพื่อโอนเงินออก ผู้กดรับเงินและผู้โอนต่อ ผ่าน Wallet หลายชั้นเข้าสู่บัญชีหมุนเวียน ผู้ถอนเงินสดปลายทางที่ตู้ ATM ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

โดยพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาจะหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ยอดหลักพันถึงหลักหมื่นบาทต่อราย และเมื่อผู้เสียหายรายใดเข้าแจ้งความดำเนินคดี ก็จะติดต่อขอเจรจาชดใช้เพื่อยุติเรื่อง แต่หากรายใดไม่แจ้งความก็ถือเป็น “รายได้กินเปล่า” โดยมีพฤติการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง มีผู้เสียหายหลายรายทั่วประเทศ จากการตรวจสอบทางการเงินพบการหมุนเวียนเงินผ่าน E-Wallet 11 หมายเลข เชื่อมโยงเข้าสู่บัญชีธนาคาร ยอดรวมเงินหมุนเวียนกว่า 300,000 บาท

กองบังคับการปราบปราม โดยกองกำกับการ 5 จึงได้เปิดปฏิบัติการ “มายาคอล (MAYA CALL)” ได้ขอหมายค้นเข้าจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ 7 ราย จำนวน 15 หมายจับ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

 

ข่าวยอดนิยม