"โสภณ ซารัมย์" กำชับเร่ง Re X-ray ค้นหาตัวเลขผู้ติดยาเสพติดที่แท้จริง ฝาก 5 ทหารเสือพื้นที่ "ฝ่ายปกครอง หมอ ท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร" พุ่งเป้าทำให้ยาเสพติดหมดไปจากสังคมอย่างยั่งยืน

(6 พ.ย.68) นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน เป็นผู้แทน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประชุมคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี โดยมี นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม และมี นายคารม พลพรกลาง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมประชุม

การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบเทคโนโลยีช่วยการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด และการบำบัดรักษาและการขยายผลการบริการยาสมุนไพร "ตำรับยาอดยาบ้า" รวมถึงรายงานผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมทั้งพิจารณารูปแบบการดำเนินการรวมพลังรักศรัทธาแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ และกำหนดพื้นที่นำร่องการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด

รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยเน้นย้ำให้ กระทรวงมหาดไทย ได้บูรณาการทุกกลไกของพื้นที่ Re X-Ray พื้นที่เพื่อค้นหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติดอย่างจริงจังครบถ้วน ให้ได้รับข้อมูลที่เป็นตัวเลขจริง ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเกินความเป็นจริง เพราะที่ผ่านมายังคงมีเสียงสะท้อนจากประชาชนเกี่ยวกับผู้ติดยาเสพติดที่ยังส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวรวมถึงคนในชุมชน เราจะไม่หลงใหลในตัวเลข แต่เราจะต้องให้ความสำคัญกับความเป็นจริง เพราะมันคือความทุกข์ทรมานใจของประชาชน และเมื่อเราดำเนินการครบถ้วนทุกพื้นที่จะได้กราบเรียนรายงานผลการสำรวจผู้ติดผู้เสพยาเสพติดต่อ นายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ต่อไป

"วิธีการหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีพื้นฐานของการได้มาซึ่งข้อเท็จจริงของผู้ติดยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน คือ "การประชุมหมู่บ้าน" ซึ่งในพื้นที่หมู่บ้านชุมชนต่างจังหวัด ผู้ใหญ่บ้านจะมีการเรียกประชุมหมู่บ้านเป็นประจำ และพี่น้องประชาชนที่เป็นสมาชิกในหมู่บ้านก็จะมาร่วมประชุม โดยเราเตรียมปากกาและกระดาษให้พี่น้องประชาชน แล้วก็ทำความเข้าใจว่า ใครที่เห็นลูกหลานหรือเห็นใครที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะชัดหรือไม่ชัด ติดจริงหรือไม่ติดจริง ขอให้เขียนชื่อผู้ต้องสงสัยหยอดลงมาในกล่อง "มันก็จะเป็นความลับ" แล้วนำกล่องนั้นไปเปิดที่ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศป.ปส.) ระดับพื้นที่ตำบล ซึ่งมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหรือกำนันเป็นประธานและมี ผอ.รพ.สต. เป็นฝ่ายเลขานุการ พร้อมด้วยคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาเพื่อดูรายชื่อและคัดกรองรายชื่อ เมื่อได้รายชื่อแล้ว ก็เข้าสู่การคัดกรองด้วยการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด โดยหากพบผู้มีสารเสพติดในร่างกาย ก็เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ทั้งการคัดแยกกลุ่มสี เพื่อส่งต่อไปยังคณะกรรมการระดับอำเภอดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป กระบวนการที่สำคัญนั่นคือเราต้องทำงานเป็นขั้นตอนว่าหมู่บ้านทำอะไร ตำบลทำอะไร อำเภอทำอะไร"

รองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำคำว่า "บูรณาการ" ซึ่งการต่อสู้กับยาเสพติด เป็นเหมือนการรักษาโรค ถ้าเชื้อโรคมีมากแล้วเราตระเตรียมอาวุธไม่พอ คนไม่พอ ทรัพยากรไม่พอ การต่อสู้ก็ล้มเหลว ซึ่งการบำบัดรักษาและฟื้นฟูเป็นหนึ่งในสามงานป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่สำคัญที่สุด และมาตรการป้องกันอีกวิธีการหนึ่ง เราต้องคำนึงเสมอว่ายาเสพติดเป็นเรื่องใกล้ตัวและมันเข้ามาง่ายมาก รวมไปถึงแอลกอฮอล์ น้ำกระท่อม ที่ตอนนี้กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชน มันยิ่งกว่า 4 x100 ซึ่งเราจะต้องช่วยกันในการป้องกันไม่ให้พลเมืองของประเทศเข้าไปยุ่งเกี่ยว นอกจากนี้ต้องมีการพิจารณากำหนดศูนย์บำบัดที่เป็นศูนย์หลักของทุกๆพื้นที่ เพื่อให้การบูรณาการทั้งงบประมาณและอุปกรณ์กำลังคนสามารถบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และเราต้องแยกคำว่า "รักษา" กับ "บำบัด" ออกจากกัน บำบัด ต้องต่อเนื่องจนกว่าจะแน่ใจว่าหาย ด้วยวิธีการตรวจสอบว่า หายจริง ทั้งการรายงานตัวตรวจปัสสาวะทุก ๆ 7 วันหรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม

"อาการที่ยังไม่ถึงกับคลั่ง แต่สร้างความวุ่นวายให้กับชุมชน เป็นปัญหามาก เพราะกลุ่มนี้ทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องนอนไม่หลับ และต้องระแวดระวังทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เช่น แม่ต้องเอาผ้าไหมไปฝากไว้กับบ้านเพื่อนหรือไว้ที่ไหน คนที่มีอาการแบบนี้ก็จะตามไปเอา ตามไปขโมย พวกนี้เรียกได้ว่าเข้ากลุ่มสีส้ม ที่เราจะต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจัดเอาไว้ประเภทไหนและดำเนินการกับกลุ่มนี้อย่างไร"

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า 5 ทหารเสือในการบำบัดผู้ติดยาเสพติด คือ "ฝ่ายปกครอง หมอ ท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร" ซึ่งเราต้องขยายความร่วมมือไปยัง กระทรวงแรงงาน และสำนักงานป.ป.ส. เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานที่จะร่วมกันในอนาคต เพื่อนอกเหนือจากการบำบัดรักษาแล้ว จะได้เป็นการหนุนเสริมการอบรมฝึกอาชีพเพื่อสามารถทำให้ผู้ผ่านการบำบัดมีอาชีพที่ใช้หาเลี้ยงตนเองและไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกทั้งการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เครื่องยนต์ขนาดเล็ก การซ่อมจักรยานยนต์

สำหรับในด้านการปราบปรามขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เพิ่มปริมาณของสายตรวจให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ขอฝากกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในเรื่องแรงจูงใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน อาทิ รางวัลดีเด่นต่าง ๆ เช่น หากประกาศว่าตำบลไหนสามารถแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดให้ได้ผล 100% กำนันผู้ใหญ่บ้านก็รับแหนบทองคำไปเลย โดยไม่ต้องทำเอกสาร ไม่ต้องถ่ายรูป หรือทำเอกสารประเมินให้มันวุ่นวาย เพียงแค่ประชาชนทุกคนในหมู่บ้านยืนยันว่าปลอดยาเสพติด ก็ให้รางวัลไปเลย เป็นต้น เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความภาคภูมิใจเพราะพวกเขาเป็นอาสาสมัครที่อยู่เคียงข้างตำรวจ อยู่เคียงข้างหมอ เคียงข้างปลัดอำเภอ เวลาเด็กแว้นหรือเด็กที่มีความสุ่มเสี่ยงรวมกลุ่มมั่วสุม ได้มาเจอกับบุคคลเหล่านี้ ก็จะไม่กล้ามีพฤติกรรมเช่นนั้นอีก

ขอให้พวกเราทุกคนได้ช่วยกันทำเพื่อลูกหลาน ทำเพื่อบ้านเมือง เปลี่ยนความหดหู่ในหมู่บ้านที่มีสารพัดปัญหาให้กลายเป็นความสุขของประชาชน เพราะการที่ "คนติดยาเสพติดคนเดียวกระเทือนทุกกลุ่ม" หากถูกจับก็เข้าเรือนจำ ก็ต้องเอาข้าวไปให้คนกลุ่มนี้กินในคุก งบประมาณรัฐก็ต้องใช้จ่ายเรื่องนี้ หรือหมอพยาบาลก็ต้องทุกข์กับคนกลุ่มนี้ เพราะเวลาผู้ปกครองพาคนกลุ่มนี้ไปโรงพยาบาลก็โยนให้เป็นหน้าที่หมอพยาบาลไปเลย ไม่ไปเยี่ยมเลย หมอก็ฉีดยาระงับ พอยาหมดฤทธิ์ก็โหวกเหวกโวยวายไม่หยุดซึ่งไปรบกวนคนไข้รายอื่น จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดลำดับความสำคัญปัญหาในขณะนี้ว่าในเรื่องสุขภาพเรื่องใดสำคัญที่สุด เพราะถ้าเราคิดว่าทุกอย่างสำคัญที่สุดมันจะไม่มีอะไรสำคัญ เราจะร่วมกันทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน