หน้าแรก > สังคม

ผบ.ตร.โต้ ‘รองโจ๊ก–อัจฉริยะ’ จับมือโจมตีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยันไม่ได้แต่งตั้งเพื่อนร่วมรุ่น 41 หาผลประโยชน์ ย้ำข้อมูลเว็บพนันที่ร้องเรียน ‘ไม่ใช่ยุคของผม’ พร้อมเร่งตรวจสอบโปร่งใส

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17:21 น.


วันนี้ (7 พ.ย.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงเรื่องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่มีการมานั่งเรียกร้องการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า การที่มาเรียกร้องที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้ แต่ขอร้องอย่าให้กระทบต่อพี่น้องประชาชน ถ้ามีข้อมูลก็สามารถส่งมาได้โดยตรง พร้อมจะดำเนินการตรวจสอบ และเรื่องนี้ได้พูดในที่ประชุมว่า เรื่องของนายอัจฉริยะ ไม่ได้ทำให้ปั้นป่วนหรือปวดหัว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องดูว่าข้อมูลที่พูดมามีมูลข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าจริงต้องเร่งดำเนินการ ขบวนการทั้งหมดจะทำอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เรื่องทั้งหมดที่คนนอกพูดมา ทางตนขอไม่โต้แย้งหรือโต้เถียง แต่หากให้ตนพูดจะเป็นเวลานานในการอธิบายในแต่ละเรื่อง หลังจากนี้จะให้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ หากตรวจสอบรายละเอียดแล้ว หากพบมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการเอาผิดทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่าการขีดเส้นตายของนายอัจฉริยะ ในการเรียกร้องให้ปิดเว็บพนันออนไลน์อีกจำนวนหลายเว็บ ที่มีบุคคลสำคัญเข้าไปมีส่วนร่วมภายในวันอาทิตย์นี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนได้สั่งการในที่ประชุมบริหารกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอน โดยเฉพาะการปิด URL เว็บพนันออนไลน์ ว่าสามารถทำได้ทันทีหรือไม่ หรือตรวจสอบว่าเว็บดังกล่าวยังมีการเปิดให้บริการอยู่หรือไม่ ถ้ามีจริงและหากตำรวจคนใดเข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา

สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่า ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อย 41 ไปอยู่พื้นที่ทำเลทอง และมีความพยายามจะให้ผลประโยชน์กับนายอัจฉริยะ เดือนละ 200,000 บาท เรื่องดังกล่าวนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การให้ข้อมูลกับสาธารณะชนทั่วไป แต่โดยความเป็นจริงตนไม่เคยแต่งตั้งใคร เพื่อมองว่าจุดใด อย่างที่เข้าใจกันทั่วไปว่าทำเลทอง แต่แต่งตั้งใครก็ตามตั้งแต่ระดับผู้บังคับการขึ้นไป จนถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูตามกฏหมายเป็นหลัก อาวุโส ประกอบความรู้ความสามารถ ประวัติรับราชการ ผลปฏิบัติงาน และความประพฤติ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งการพิจารณาการแต่งตั้งจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งมี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ ก.ตร.โดยตำแหน่ง ซึ่งคัดสรรจากบุคคลภายนอก ร่วมพิจารณา โดยจะเห็นได้ว่าในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2568 ที่ผ่านมา ใช้เวลาในการพิจารณายาวนาน ซึ่งในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการฯระดับตร.ถึง 10 ชั่วโมง ขณะที่ ก.ตร.ใช้เวลาในการพิจารณา 7 ชั่วโมง จะเห็นได้ว่าเรามีการพิจารณากันอย่างรอบคอบ โดยมีการนำแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) มาประกอบการพิจารณาด้วย

“รุ่นผมเป็นยุคที่จะเกษียณแล้ว จริงๆผมต้องเกษียณปีนี้ แต่เกิดปลายปีเลยเกษียณปีหน้า รุ่นผมถ้าคำว่าเพื่อนคือนักเรียนนายร้อยรุ่น 41 พวกที่มีอายุแล้ว พวกที่มีอายุก็อยู่ในตำแหน่งที่เป็นผู้บริหารระดับกองบัญชาการขึ้นไป ลงไปก็น้องนักเรียนนายร้อยรุ่น 42 ก็อยู่ในกลุ่มที่เริ่มจะเกษียณอายุราชการปีหน้า มันจะเป็นเหมือนกับช่วงเวลา บริหารของหน่วยงาน ก็จะเป็นกลุ่มนี้ ผมปฏิเสธเพื่อนเพราะขาดคุณสมบัติ เพราะไม่เข้าตามที่มีความรู้ความสามารถตั้งหลายคน ไม่ได้ส่งคนไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ และผมก็ย้ำตลอดกับทุกคนทำงานเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ ถ้าทำไม่ดีให้รับผิดชอบตัวเอง ผมก็จะไม่เอาไว้แม้จะเป็นเพื่อน เพราะชีวิตข้าราชการของผม ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย ตัวผู้บัญชาการ สอท.ก็ต้องพร้อมรับผิดชอบตัวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา และผมก็เชื่อว่าเค้าจะตั้งหน้าตั้งตาทำจากประสบการณ์ที่เขามีอยู่ให้ดีที่สุด เพื่อการปราบปรามในเรื่องเหล่านี้ เพราะว่าเรื่องการพนัน เรื่องคอลเซ็นเตอร์ เรื่องอะไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่ยกระดับในนโยบายของรัฐบาล“ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

เมื่อถามว่ารู้สึกปวดใจหรือไม่ที่นายอัจฉริยะ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. จับมือกันเรียกร้องและเปิดโปงขบวนการเรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจในขบวนการแก๊งสแกมเมอร์ในช่วงเวลานี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนเองไม่ปวดใจ ไม่ปวดเลย แต่อย่าว่าองค์กรเรา อย่าว่าวิชาชีพเรา จะตำหนิติเตียนอะไรก็บอกมาพร้อมน้อมรับ ข้อมูลมีอะไรก็สามารถส่งมา และที่บอกว่าส่งมาตั้งนานแล้วไม่ทำ ก็บอกตรงนี้เลย ‘ส่งมาไม่ใช่ยุคของผมนะ’ ยุคของตนนั้นได้สั่งการไปแล้ว และอำนาจระดับนี้เป็นใคร มีการสั่งกันมาตลอด ข้อมูลถ้าเต็ม 100% มีการดำเนินการมาตลอด

“แม้กระทั่งผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องของนายคริษฐ์ ปริยะเกตุ หรืออดีต รอง ผบ.ตร. ก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทางด้านนายกรัฐมนตรีก็มีการสั่งกลับมาในกลางปีที่ผ่านมานี้เอง และมีการขับเคลื่อนกันต่อมาเรื่อยๆ เปลี่ยนจเรตำรวจแห่งชาติ ก็มีการขออนุมัติเปลี่ยนคำสั่ง และมีการขอขยายเวลา มันอยู่ในกรอบที่ปฏิบัติกันอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำ แต่ไม่อยากไปเถียงใคร ผมว่าผมทำงานดีกว่า“ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

สำหรับผลงานการจับกุมแก๊งสแกมเมอร์ วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานแถลงผลการจับกุมแก๊งสแกมเมอร์และเว็บพนันออนไลน์ด้วยตนเอง

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม