วันที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 17:22 น.
ตำรวจทางหลวงจับแรงงานเถื่อนชาวเมียนมา 16 คน ใช้ไทยผ่านไปประเทศที่ 3
28 ต.ค. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวงร่วมกันจับกุมนายนัด (นามสมมุติ) คนขับสัญชาติไทย พร้อมต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 16 คน โดยแจ้งข้อหา “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม โดยรู้ว่าคนต่างด้าวเหล่านั้น เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64” และ“เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81” พร้อมตรวจยึดของกลางรถนั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน จำนวน 1 คัน และ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจพื้นที่ในเขตรับผิดชอบ เนื่องจากได้รับแจ้งว่า จะมีกลุ่มขบวนการลับลอบขนแรงงานต่างด้าวจากพื้นที่ โซนภาคกลาง เพื่อนำมาส่งให้กับนายหน้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อผ่านแดนไปยังประเทศมาเลเซีย กระทั่งเมื่อไปถึงบริเวณถนนทางหลวง หมายเลข 4 อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ได้พบรถคันดังกล่าวซึ่งมีลักษณะพิรุธต้องสงสัย เนื่องจากสังเกตจากตัวรถนั้นมีลักษณะน้ำหนักมากเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเรียกรถให้หยุด เพื่อขอทำการตรวจสอบ และพบบุคคลต่างด้าวดังกล่าวอัดแน่นมากับรถ
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนขับ ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ขับขี่รถยนต์ไปรับบุคคลต่างด้าวทั้งหมด มาจากพื้นที่ วังมะนาว รอยต่อ จ.ราชบุรี-เพชรบุรี เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยลูกค้าดังกล่าวเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานต่างด้าวไปทำงานในประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนรู้ดีว่า บุคคลต่างด้าวทั้งหมดที่นั่งโดยสารมาในรถของตน ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยก่อนถูกจับกุมในครั้งนี้ ได้รับจ้างในการขนบุคคลต่างด้าวมาแล้ว จำนวน 3 เที่ยว เที่ยวละ 15-20 คน และได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 5,000 บาท
ส่วนบุคคลต่างด้าว ให้การรับว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลากลางคืน พวกตนลักลอบเดินทางเข้าช่องทางธรรมชาติเขตแดนประเทศพม่า-ด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี ใช้การเดินเท้าเข้ามา ต่อมามีรถกระบะมารับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที นำไปส่งที่พักในป่าแห่งหนึ่ง จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะตู้ทึบ จำนวน 2 คัน มารับและเดินทางต่อมาถึง จ.ราชบุรี โดยปลายทางที่จะเดินทางไปคือประเทศมาเลเซีย ค่าใช้จ่ายในการลักลอบเข้าเมืองคนละประมาณ 5-6 ล้านจ๊าด (ประมาณ 50,000-60,000 บาท) ต่อคน ไม่เท่ากัน โดยจ่ายให้นายหน้าจากฝั่งประเทศพม่าครึ่งนึง และถึงปลายทางจะจ่ายให้นายหน้าที่ประเทศมาเลเซียอีกครึ่งนึง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป