วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 18:00 น.
ลูกซีด เหนื่อยง่าย สัญญาณเตือน “ภาวะโลหิตจางในเด็ก” ด้วยความห่วงใยจาก รพ.เจ้าพระยา และ สวพ.FM91
ให้ความรู้โดย พญ.ลลิตา มุกสิกรักษ์
กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก โรงพยาบาลเจ้าพระยา
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจเคยเผชิญกับความกังวลใจเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกน้อยมีอาการตัวซีดผิดปกติ เหนื่อยง่าย ไม่สดใสเหมือนเด็กวัยเดียวกัน หรือมีปัญหาเบื่ออาหารจนส่งผลต่อน้ำหนักและการเจริญเติบโต อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึง “ภาวะโลหิตจาง” (Anemia) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
ภาวะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เนื่องจากเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่สำคัญในการนำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงสมองการขาดออกซิเจนอย่างต่อเนื่องจึงอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาของเด็กได้
[00:03] ภาวะโลหิตจางคืออะไร และมีอาการอย่างไร
[00:28] สาเหตุที่ 1: การขาดสารอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็ก
[00:48] สาเหตุที่ 2: เม็ดเลือดแดงไม่มีคุณภาพ (เช่น โรคธาลัสซีเมีย)
[01:07] สาเหตุที่ 3: การสูญเสียเลือด
[01:23] ความสำคัญของธาตุเหล็กต่อร่างกายและพัฒนาการของสมอง
[02:05] กระบวนการวินิจฉัย: การซักประวัติและตรวจเลือด
[02:39] การตรวจพิเศษเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มเสี่ยง
[03:13] แนวทางการรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
[03:36] แนวทางการรักษาภาวะโลหิตจางจากโรคธาลัสซีเมีย
สาเหตุหลักของภาวะโลหิตจางในเด็ก
จากข้อมูลโดย แพทย์หญิงลลิตา มุสิกรักษ์ กุมารแพทย์โรงพยาบาลเจ้าพระยา สามารถแบ่งสาเหตุหลักของภาวะโลหิตจางในเด็กได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1. การขาดสารอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็ก: เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง การได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง หรือผักใบเขียว อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้
2. เม็ดเลือดแดงมีคุณภาพไม่ดีหรืออายุสั้น: สาเหตุกลุ่มนี้มักเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมที่พบบ่อยในคนไทยคือ โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยเปราะบางและแตกง่ายกว่าปกติ
3. การสูญเสียเลือด: อาจเกิดจากการมีเลือดออกเรื้อรังในระบบทางเดินอาหาร หรือในเด็กหญิงวัยรุ่นที่ประจำเดือนมามากผิดปกติ
ความสำคัญของธาตุเหล็กต่อพัฒนาการเด็ก: ธาตุเหล็กไม่ได้มีความสำคัญต่อระบบเลือดเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองและสารสื่อประสาทอีกด้วย งานวิจัยทางการแพทย์ชี้ว่า การขาดธาตุเหล็กในเด็ก โดยเฉพาะช่วงวัยต่ำกว่า 2 ปี สามารถส่งผลกระทบต่อระดับสติปัญญา (IQ) และพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กอย่างถาวรได้
การวินิจฉัยและแนวทางการดูแล: เมื่อสงสัยว่าบุตรหลานอาจมีภาวะโลหิตจาง ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วย
1. การซักประวัติ: แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และประวัติภาวะซีดหรือโรคธาลัสซีเมียในครอบครัว
2. การตรวจร่างกาย: เพื่อประเมินภาวะซีดและอาการแสดงอื่นๆ
3. การตรวจเลือด: เพื่อวัดความเข้มข้นและดูขนาดของเม็ดเลือดแดง ซึ่งสามารถบ่งชี้สาเหตุเบื้องต้นได้ในบาง
กรณีอาจมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เช่น การตรวจระดับธาตุเหล็กในเลือด หรือตรวจคัดกรองโรคธาลัสซีเมีย
แนวทางการดูแลจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค หากเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก แพทย์อาจพิจารณาให้วิตามินเสริมธาตุเหล็กควบคู่ไปกับการปรับโภชนาการ ส่วนกรณีที่เกิดจากโรคธาลัสซีเมีย การดูแลจะเป็นไปตามชนิดและความรุนแรงของโรค
การสังเกตความผิดปกติของบุตรหลานและการปรึกษาแพทย์อย่างทันท่วงที คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เด็กได้รับการดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรงและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ตามวัยต่อไป
ติดต่อแผนก Call Center
ทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
024335666
024338222
Line OA : @chaophya
www.chaophya.com
www.tiktok.com/@chaophyahospital
www.facebook.com/hospitalchaophya
www.instagram.com/chaophyahospital
www.youtube.com/@TheChaophyahospital
#โลหิตจาง #ภาวะโลหิตจาง #ภาวะโลหิตจางในเด็ก #โรงพยาบาลเจ้าพระยา #ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง24ชั่วโมง #ศูนย์แพทย์เฉพาะทางเที่ยงคืน #FM91