หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2568

วันที่ 19 ตุลาคม 2568 เวลา 05:00 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2568

>> ป.ป.ส. บุกตรวจสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ซอยราชปรารภ 14 พบฉี่ม่วง 21 คน

05.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นำกำลังเข้าตรวจสอบสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ภายในซอยราชปรารภ 14 พื้นที่เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร สถานที่มีลักษณะเป็นโรงแรมม่านรูด เข้าไปด้านในเปิดเป็นสถานบันเทิง หลังได้รับการร้องเรียนว่า เปิดเกินเวลาและมีการลักลอบใช้สารเสพติด

จากการตรวจค้น พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งหญิงและชายกำลังดื่มกินอยู่ภายในร้านจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงประกาศให้ทางร้านหยุดเปิดเพลงชั่วคราว และคัดแยกนักท่องเที่ยว พนักงานร้าน เพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง พร้อมทั้งตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด

ในร้านยังพบยาเสพติดชนิดผง อยู่ในถุงซิปล็อกตกอยู่บนพื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจหาสารเสพติด นักท่องเที่ยว และพนักงานกว่า 100 คน พบชาวต่างชาติปัสสาวะสีม่วง 11 คน และคนไทย 10 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมไปดำเนินคดี

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้สืบสวนติดตามผู้ต้องหาชาวต่างชาติคนหนึ่ง มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวภายในสถานบันเทิงแห่งนี้ จึงขยายผลเข้าตรวจสอบ โดยร้านนี้พบว่า เปิดให้บริการมานานกว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่ยังพบว่า ทางร้านลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ทั้งบุหรี่ไฟฟ้า กัญชา แก๊สหัวเราะ แต่จากการสอบถามเจ้าของร้าน ให้การปฏิเสธเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

>> จับอีก! แรงงานกัมพูชาลักลอบเข้าไทย

08.33 น. กองกำลังบูรพา ,หน่วยเฉพาะกิจคลองหาด โดยชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 (กองร้อยทหารพรานที่ 1303) ร่วมกับ หมวดเคลื่อนที่เร็วหน่วยเฉพาะกิจคลองหาด ,หน่วยเฝ้าตรวจชายแดนที่ 11 ,ชุดปฏิบัติงานข่าวที่ 3 กองกำลังบูรพา ,หมวดทหารม้าลาดตระเวน ทำการลาดตะเวนด้วยการเดินเท้าเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวบริเวณแปลงพื้นที่ทำกินของราษฎร บ้านเขาดิน หมู่ 8 ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ระหว่างออกตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยหลบซ่อนอยู่ในป่ามีลักษณะคล้ายแรงงานชาวกัมพูชาชุดตรวจร่วมจึงส่งสัญญาณให้หยุดเพื่อตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบแรงงาน ชาวกัมพูชาจำนวน 9 คน(ชาย 6 คน ,หญิง 3 คน)

จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีเอกสารแสดงตนและเอกสารการลงทะเบียนให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติอยู่ในราชอาณาจักร ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมแรงงาน ชาวกัมพูชาทั้งหมด ส่งให้กับ สภ.คลองหาด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซ.เศรษฐกิจ 22 เขตบางแค กรุงเทพฯ

11.16 น. รับแจ้งจากสายด่วน 199 ว่ามีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยเศรษฐกิจ 22 ถนนเศรษฐกิจ แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค และ หนองแขม เดินทางไประงับเหตุ

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น เจ้าหน้าที่ใช้น้ำทำการดับเพลิง ใช้เวลานานกว่า 20 นาที เพลิงจึงสงบ เบื้องต้นบ้านที่เกิดเพลิงไหม้ เสียหายทั้งหลัง และลุกลามไปติดบ้านข้างเคียง บริเวณชั้นบน ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง

>> เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบาย หลังฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

13.50 น. ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,839 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่สถานี ct.25 แม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 125 ลบ.ม./วินาที ก่อนจะไหลมาสมทบบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลต่อเนื่องให้ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,400 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มเพิ่ม

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนที่ไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่องและฝนที่ตกในระยะนี้ เขื่อนเจ้าพระยา จะทยอยปรับเพิ่มการระบาย ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จากอัตรา 2,400 ลบ.ม./วิ เป็นอัตรา 2,500 ลบ.ม./วิ ภายในเวลา 15.00 น. ของวันที่ 18 ต.ค.68 (ชั่วโมงละ 15 ลบ.ม./วิ โดยประมาณ) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ เฝ้าระวังและติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และยกของขึ้นที่สูง หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป

>> คนร้ายควงปืนบุกเดี่ยว ชิงทองกล้างห้างดังบางพลี ก่อนกวาดสร้อยทองหลบหนี

16.30 น. เฟซบุ๊กเพจ “ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ” โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด ของร้านทองแห่งหนึ่ง ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังเกิดเหตุคนร้ายพกปืนบุกเดี่ยวชิงทอง น้ำหนักรวมกว่า 20 บาท แล้วหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างความแตกตื่นแก่ประชาชนจำนวนมาก

โดยในคลิป คนร้ายเป็นชาย 1 ราย สวมกางเกงขายาว เสื้อยืดสีขาว ใส่หมวกคลุมศีรษะ แต่ไม่ได้ปิดใบหน้า วิ่งตรงมาที่ร้านทอง โดยมี รปภ.วิ่งตามมาห่างๆ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน จากนั้นคนร้ายได้วิ่งกระโดดขึ้นเคาน์เตอร์ร้านทองแล้วลงไปกวาดสร้อยคอทองคำที่อยู่ในถาดหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมเก็บหลักฐานและตรวจกล้องวงจรปิดภายในห้าง ซึ่งสามารถบันทึกภาพใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

>> ปคบ. จับมือพาณิชย์ บุกตรวจโรงบรรจุก๊าซหุงต้ม ในพิษณุโลก พบบรรจุก๊าซหุงต้มน้ำหนักขาดเฉลี่ยถังละ 1.1 กก. อายัดของกลางกว่า 50 ถัง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

17.35 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับกองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้าตรวจสอบสถานประกอบการบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวบรรจุถังใช้สำหรับหุงต้ม ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก พบว่ามีการบรรจุปริมาณก๊าซ ไม่ตรงตามน้ำหนักที่แสดงไว้บนถัง เฉลี่ยน้ำหนักขาดถังละ 1.1 กิโลกรัม บางถังพบว่าน้ำหนักขาดสูงสุดถึง 2 กิโลกรัม อันการเป็นจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดความเสียหายกระทบเป็นวงกว้าง พร้อมได้ยึดอายัดของกลาง ก๊าซปิโตรเลียมเหลวบรรจุถังใช้สำหรับหุงต้ม ขนาด 15 กิโลกรัม รวมจำนวน 52 ใบ สถานที่ตรวจยึด/อายัด สถานประกอบการบรรจุก๊าซปิโตรเลียมสำหรับหุงตุ้มแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ถ.บางระกำ - พิษณุโลก ต.ท่าโพธิ์ อ.พิษณุโลก จ.พิษณุโลก

โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและพื้นที่ใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซปิโตรเลียม สำหรับหุงตุ้มแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ถึงการบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวสำหรับหุงต้มในถังตามขนาดต่าง ๆ ผลการตรวจสอบโดยวิธีการชั่งน้ำหนัก พบว่ามีการบรรจุปริมาณก๊าซ ไม่ตรงตามน้ำหนักที่แสดงไว้บนถัง ขาดเฉลี่ยถังละประมาณ 1.1 กิโลกรัม รวมจำนวน 52 ถัง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัดพ.ศ.2542 จึงได้ทำการอายัดก๊าซปิโตรเลียมเหลวทั้งหมดไว้เป็นของกลาง เพื่อใช้ประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมาย

>> รวบสมาชิกแก๊งแอปเงินกู้ ดอกเบี้ยแรงกว่าไฟ ร้อยละ 3,197.40 ต่อปี

20.00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.5 บก.ปอศ. สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.มิน (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2568 จับได้บริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในพื้นที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ได้มีผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีได้รับความเดือดร้อนจากการกู้ยืมเงินกับแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน โดยในการกู้ยืมเงินจะมีการหักค่าดำเนินการ อีกทั้งยังเป็นการกู้ยืมเงินที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดในลักษณะที่ผู้กู้ต้องชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยภายในระยะเวลา 7 วัน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.76 ต่อวัน หรือร้อยละ 262.80 ต่อเดือน หรือร้อยละ 3,197.40 ต่อปี ซึ่งหากชำระหนี้ไม่ตรงตามกำหนดเวลาจะมีการทวงถามหนี้พร้อมด้วยการให้ชำระค่าปรับเป็นค่าขยายเวลาในการชำระหนี้เป็นจำนวนเงินครั้งละ 2,584 บาท

จากผลการสืบสวนและการวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดในขบวนการดังกล่าว จำนวน 3 ราย พบว่ามีการใช้บัญชีธนาคารในลักษณะของบัญชีม้าในการทำธุรกรรมทางการเงิน จึงได้พิจารณาขออนุมัติหมายจับเพื่อนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนจับ นส.มิน (นามสมมุติ) ได้ในเวลาต่อมา ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ อยู่ระหว่างการติดตามตัว

>> กู้ภัยร่วม 20 นาย ช่วยชายหนักกว่า 200 กิโลกรัม ป่วยติดเตียง โรยตัวจากชั้น 5 ก่อนส่งโรงพยาบาล

21.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ชีพ-กู้ภัย ได้รับแจ้งเหตุมีชายร่างอ้วน น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ป่วยหายใจติดขัด ไม่ได้กินอาหารและน้ำมานานกว่า 2 วัน ภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 8 ชั้น โดยชายคนดังกล่าวพักอยู่ที่ชั้น 5 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถลุกเดินหรือขยับร่างกายได้ และไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้

เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ประเมินสถานการณ์และพบว่า ลิฟต์โดยสารของอาคารไม่สามารถรองรับน้ำหนักผู้ป่วยได้ จึงวางแผนใช้วิธีโรยตัวเคลื่อนย้ายผู้ป่วยลงจากชั้น 5 ผ่านบันไดภายในอาคาร โดยใช้อุปกรณ์กระเช้าเหล็กและระบบรอกเชือก พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 20 นายช่วยประคองอย่างระมัดระวัง หลังปฏิบัติการใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถนำผู้ป่วยลงถึงพื้นชั้นล่างได้สำเร็จอย่างปลอดภัย ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเพื่อทำการรักษาต่อไป 

ข่าวยอดนิยม