24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2568
>> แก๊สระเบิด! ในหมู่บ้าน ตรงข้าม อบจ.ปทุมธานี เสียชีวิต 1 ราย
07.10 น. ได้รับแจ้งเหตุ เกิดแก๊สระเบิด ภายในบ้านพักอาศัยหลังหนึ่งใน ตำบลบางปรอก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเยื้องกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
แรงระเบิดมีความรุนแรงมาก จนเกิดเสียงดังสนั่นทั่วบริเวณ สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านและใกล้เคียง เบื้องต้น บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมดับเพลิงได้ระดมกำลังเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ และเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ จากการตรวจสอบและเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในเบื้องต้น พบผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 7 ราย
ล่าสุด โครงสร้างบางส่วน มีการแตกร้าวทรุดตัวลงมา ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการดับเพลิง มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
>> ตำรวจไซเบอร์บุกรวบ! พ่อค้าหัวใสใช้กล่องอาหาร อำพรางส่งบุหรี่ไฟฟ้าให้ลูกค้า คาหน้าคอนโดดังย่านคลองหลวงปทุมธานี
12.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นำกำลัง เข้าจับกุม ชายอายุ 36 ปี พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ขณะเตรียมส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าบริเวณริมถนนสาธารณะหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 ได้สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ และใช้วิธีนำบุหรี่ไฟฟ้าบรรจุลงใน "กล่องโฟมใส่อาหาร" หรือ "กล่องบรรจุไอศกรีม" เพื่ออำพรางการตรวจสอบ ก่อนจะนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าตามจุดนัดหมาย
เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งพบชายต้องสงสัย ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่ โดยมีกระเป๋าส่งของ ของแอปพลิเคชันบริการเดลิเวอรีแห่งหนึ่ง ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยจะนำกล่องใส่อาหาร ซึ่งภายในบรรจุเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง เจ้าหน้าที่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมและตรวจค้นยึดของกลางบุหรี่ ผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่า ตนไปรับของกลางทั้งหมดจากคนรู้จัก เพื่อนำมาส่งให้ลูกค้าที่สั่งไว้ โดยคนรู้จักเป็นผู้บรรจุบุหรี่ไฟฟ้าและหัวพอตลงในกล่องอาหารหรือกล่องไอศกรีมเพื่ออำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ซึ่งวิธีการนี้เป็นที่รู้กันในกลุ่มผู้ส่งของออนไลน์ที่รับงานผิดกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา "ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร" ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ตร.ทางหลวงไทรโยค สกัดรถขนต่างด้าว 11 คน คนขับรับจ้างหัวละ 6,000 บาท
13.00 น. ตำรวจทางหลวงไทรโยค พบรถยนต์ ลักษณะบรรทุกหนักและใช้ความเร็วสูงมีพิรุธ 1 คัน วิ่งมาบน ทล.3188 ลาดหญ้า ติดไฟแดงสี่แยกหนองบัว จ.กาญจนบุรี จึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบพบคนขับ เป็นชาย อายุ 44 ปี
ในรถพบต่างด้าว 11 คน และนอนในกระบะตอนท้าย 4 คน โดยมีผ้าสแลนปกปิดมา เจ้าหน้าที่ได้สอบถามทั้งหมด ไม่สามารถแสดงเอกสารทางราชการหรือหนังสือเดินทางได้
คนขับเผย รับบุคคลต่างด้าว มาจากริมถนน 323 (เนินยาว) โดยได้รับค่าหัวคนละ 6,000 บาท รวม 90,000 บาท หากส่งคนถึงที่หมาย
ชาวเมียนมา เผย เดินเท้าเข้าและมาขึ้นรถคันดังกล่าว ที่ถนนเนินยาว อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี เพื่อจะเดินทางทำงานที่ ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร
ตำรวจคุมตัวทั้งหมด ส่ง พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> กันจอมพลัง พร้อมรั้วตู้คอนเทนเนอร์ เตรียมลงบ้านหนองจาน ทำกำแพงกั้นเขตชายแดนไทย-กัมพูชา
13.37 น. ที่บ้านหนองจานตำบลโนนหมากมุ่นอำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว กัน จอมพลัง หรือ กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ และนักช่วยเหลือสังคม พร้อมกับทีมงาน ได้เดินทางมาตรวจสอบรถตู้คอนเทนเนอร์จำนวนเกือบ 40 คัน และ วางแผนในการนำรถตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดลงไปยังพื้นที่บริเวณแนวชายแดนซึ่งเส้นทางค่อนข้างแคบแคบ และจำเป็นต้องจัดระเบียบในการเข้าออกรวมถึงรถเครนที่จะใช้ในการนำตู้วางเรียงซึ่งตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด ทยอยเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี และเตรียมที่จะลำเลียงเข้าไปยังเขตรอยต่อบ้านหนองจานแนวหลักเขตแดนที่ 46 โดยมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจ ลุ้นให้รถตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเส้นทางเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายได้อย่างเรียบร้อย นอกจากนี้ ยังมอบปัจจัยสนับสนุนในการดำเนินการของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้
โดยกันจองพลังได้เปิดเผยว่าที่ผ่านมา /ด้วยพลังและความร่วมมือจากพี่น้องคนไทย จึงได้สามารถจัดสรรตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 60 ตู้ และทยอยลำเลียงมายังพื้นที่ได้ราบรื่น โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพภาคที่ 1 ในการลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์เข้าในพื้นที่ และ ได้กล่าวถึงกิจกรรมรถเครื่องเสียง ที่ปฏิบัติการด้านจิตวิทยากับ ชาวเขมรที่อาศัยรุกดินแดนบ้านหนองหญ้าแก้วโดยวิธีการเปิดเสียง รบกวน สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวเขมร วิ่งหนี เพราะเป็นเสียง เครื่องบิน และเสียงร้องโหยหวน โดยย้ำว่าหลังจากนี้ก็จะทำต่อเนื่องไปอีกนอกจากปฏิบัติการกิจกรรมใช้รถเครื่องเสียงยังจะมีกิจกรรมให้กับชาวเขมรที่ยึดพื้นที่คนไทยได้รับรู้อีกซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้อีกหลายรายการ
>> แม่ทัพภาค2 ยันไม่นิ่งนอนใจ ทหารกัมพูชา รื้อรั้วลวดหนามไทย สั่งเคลียร์พื้นที่ หวั่นฝังทุ่นระเบิด ล่อทหารไทย
14.50 น. พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่2 กล่าวถึงกรณี ทหารกัมพูชา ตัดรือรั้วลวดหนามของไทยว่า อยากชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจ ว่าไม่ได้นิ่งนอนแต่อย่างใด แต่ยังไม่สามารถที่จะให้ทหาร เข้าไปวางแนวรั้วลวดหนามใหม่ได้ เนื่องจากต้องส่งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าไปเคลียร์พื้นที่ก่อน
พล.ท.วีระยุทธ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้เข้าไปดำเนินการแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะเรากังวลว่าทหารกัมพูชา จะวางทุ่นระเบิด และจะเป็นอันตรายต่อกำลังพล เนื่องจากอาจเป็นแผนที่ถ่ายคลิป แล้วนำมาลงในโซเชียล เพื่อให้ทหารไทยเร่งรีบเข้าไปดำเนินการล้อมรั้วใหม่
และหาก เจ้าหน้าเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ตรวจสอบพื้นที่แล้วปลอดภัย ก็จะให้ทหารไปวางแนวรั้วลวดหนามเอาไว้เช่นเดิม นอกจากนี้ได้เน้นย้ำหากพบทหารกัมพูชา เข้ามารื้อรั้วลวดหนามให้ดำเนินการตาม มาตรการที่มอบไวทันที
>> สาวดีใจได้แหวนเพชรมูลค่า 2 ล้านคืน หลังตำรวจหนองปรือตามหาจนนำส่งคืนสำเร็จ
17.20 น. พ.ต.อ.ณัฐพล ผ่องสุขสกุล ผกก.สภ.หนองปรือ สั่งการให้ทางชุดสืบสวน ลงพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หลัง น.ส.ธัญยรัตน์ อายุ 37 ปี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.จีระศักดิ์ แอบแฝง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ เพื่อให้ช่วยติดตามแหวนเพชร 2 วง มูลค่ารวมกว่า 2,000,000 บาท หลังเข้าใช้บริการที่สนามเทนนิสในเขตพื้นที่หนองปรือ โดยได้ถอดแหวนเพชรลืมไว้ที่หน้าเนต ในวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา
น.ส.ธัญยรัตน์ หลังเลิกเล่นได้มีชาวต่างชาติมาเล่นต่อและได้เก็บไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงเดินทางไปที่ห้องพักของชาวต่างชาติที่พักอยู่บริเวณเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา พบชาวต่างชาติจึงได้มอบแหวนคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนสาเหตุนั้น ชาวต่างชาติบอกว่าไม่กล้าไปฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ของสนาม เพราะกลัวไม่ส่งคืนเจ้าของ
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ ส่งแหวนเพชรคืนให้กับ น.ส.ธัญยรัตน์ ซึ่งไม่ได้ติดใจอะไร และได้มอบช่อดอกไม้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ที่ได้ติดตามจนสามารถนำแหวนคืนได้ มูลค่าถึง 2 ล้านบาท
>> ตร.ทางหลวง ตามสกัดจับรถบรรทุก พบชาวพม่า 108 ชีวิต อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง
18.10 น. ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี สนธิกำลังฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหาร เข้าจับกุมรถบรรทุกหกล้อตู้ทึบ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บนถนนสาย 15-027 บ้านเขาเม็ง หมู่ที่ 7 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ภายในรถพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายรวม 108 คน เป็นชาย 70 คน และหญิง 38 คน สภาพอิดโรย เบียดเสียดกันอยู่ในตู้ จึงคุมตัวทั้งหมดไปยังหอประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมี นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางมาร่วมสอบสวน
จากการตรวจสอบ รถคันดังกล่าวแจ้งยกเลิกการใช้งานแล้ว ขณะที่ตู้ทึบภายนอกถูกติดสติกเกอร์โลโก้ปลากระป๋องยี่ห้อดัง เพื่ออำพรางสายตาไม่ให้เจ้าหน้าที่สงสัย ขณะที่ นายบัว อายุ 28 ปี ชาวมอญ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คนขับรถให้การรับสารภาพ อ้างว่ารับจ้างขนแรงงานต่างด้าวจากพื้นที่ อ.ไทรโยค มาส่งต่อในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 7,000 บาท และเคยทำมาแล้วสองครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม จะมีรถอีกคันมารับแรงงานไปต่อยังพื้นที่ปลายทาง เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> เตือนช้างป่าชายแดน 3 ตัว เข้าพื้นที่กาบเชิง จ.สุรินทร์ บุกฐานทหาร โรงเรียน
19.20 น. นางสาววิมลรัตน์ ธรรมเจริญ หน.ชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างป่า เขตรักษาพันสัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ร่วม 10 นาย ได้วางแผนเตรียมเข้าผลักดันช้างป่า จำนวน 3 ตัว ประกอบด้วย สีดอจิก อายุประมาณ 20 กว่าปี, สีดอน้อย หรือ สีดอเล็ก อายุประมาณ 19 ปี และสีดอสังข์ทอง อายุประมาณ 30 กว่าปี ที่เดินหากินเตลิดเข้ามายังพื้นที่หมู่บ้านตาเกาว์ใหม่ ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
หลังจากเมื่อคืนนี้ สีดอจิก ที่กำลังตกมัน และสีดอน้อย ได้พากันไปรื้อหาข้าวเปลือกกินที่โรงครัว ภายในโรงเรียนกาบเชิงวิทยาและฐานปฏิบัติการทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ รวมทั้งลงไปกินข้าวเปลือกที่กำลังตั้งท้องออกรวงและพืชเกษตรต่างๆ ของชาวบ้าน และเกรงว่าดึกๆช้างจะพากันเข้าไปหากินในหมู่บ้าน ซึ่งจะเกิดอันตรายกับประชาชนขึ้นได้ ซึ่งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลและผลักดันช้างแล้ว