วันที่ 4 เมษายน 2566 เวลา 20:04 น.
ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. ร่วมกันเข้าจับกุมนายประมวล หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี ที่ลาดจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านพญาไท หลังพบว่าเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท
นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ปปท. เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดจากผู้เสียหายได้มอบหมายตัวแทนให้เข้าไปชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน โดยนายประมวล แจ้งว่าจะต้องเสียภาษีกว่า 40 ล้านบาท แต่หากนำเงินมาให้ 3 ล้านบาท ก็จะเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ ไม่ต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าว
จากนั้นทางบริษัทจึงแจ้งว่าเงินจำนวน 40 ล้านบาทนั้นสูงเกินจริง แต่นายประมวล จึงขอเพิ่มเงินเป็น 3 ล้าน 5 แสนบาท โดยอ้างว่าต้องนำไปแบ่งกับกรรมการอีกหลายคน จนสุดท้ายไกล่เกลี่ยกันจนเหลือ 3 ล้าน 2 แสนบาท แต่ทางบริษัท เห็นว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตกระทำการผิดกฎหมาย จึงมาร้องเรียนให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดี
ตำรวจและผู้เสียหายจึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุม โดยได้นำเงินที่จะไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่คนนี้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ โดยระบุหมายเลขบนธนบัตรไว้ด้วย และเมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินให้กับนายประมวลโดยใส่ในซองเอกสาร ซึ่งนายประมวลได้ขับรถของสำนักงานเขตราชเทวีมารับเงินจำนวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น และพบเงินจำนวน 3 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งเป็นธนบัตรที่เลขตรงกับที่ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ จึงควบคุมตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม จนวางแผนเข้าจับกุม ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ยังข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะเพิ่มเงินไปจนกว่าผู้เสียหายจะจ่ายเงิน ซึ่งผู้เสียหายยินยอมที่จะชำระภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่คนนี้กลับมาเรียกรับผลประโยชน์ เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าของที่รับมาจากผู้เสียหายคิดว่าเป็นเพียงเอกสารจึงรับไว้
พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะรวบรวมหลักฐานส่งดำเนินคดีต่อที่ ป.ป.ช. รวมทั้งจะต้องสืบสวนถึงเส้นทางการเงินอีกว่ามีการนำไปฟอกเงิน หรือส่งต่อไปให้บุคคลอื่นอีกหรือไม่
ขณะที่กรุงเทพหมานคร ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด ก็มีคำสั่งให้นายประมวล ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ก่อนจะพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อน


