24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2568
>> สืบสวน สภ.ป่าตอง จับคุณลุงวัย 61 ซุกอาวุธปืนเถื่อน พร้อมกระสุน 101 นัด
06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ป่าตอง โดยดำเนินการตามหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต ให้ค้นบ้านไม่มีเลขที่ ถ.เพชรกูด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ได้ร่วมกันจับกุมตัว ชายไทย อายุ 61 ปี พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนลูกซองยาว แบบประดิษฐ์เอง สีดำ จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนยาว ขนาด .22 แบบประดิษฐ์เอง สีเงินรมดำ จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 ยี่ห้อ Sellier&Bellot จำนวน 50 นัด, เครื่องกระสุนปืน ชนิดลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 51 นัด
โดยกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> บุกยิงกลางตลาด สาววัย 27 ปีบาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
07.30 น. สภ. ท่ายาง รับแจ้งเหตุ มีบุคคลถูกยิง ที่ตลาดหนองบ้วย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นโซนตลาดชาวไร่ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ ข้างรถพบรองเท้าแตะสีขาว 1 คู่ และกองเลือดขนาดใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบต่อมาคือ หญิงไทย อายุ 27 ปี ชาวหมู่ 7 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณท้ายทอยทะลุปาก ญาตินำส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ อ.เมืองเพชรบุรี ขณะนำส่ง รถยนต์ประสบอุบัติเหตุ รถโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจึงออกมารับตัวผู้บาดเจ็บรักษาตัวต่อ แต่ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เบื้องต้นก่อนเกิดเหตุมีผู้พบเห็นผู้เสียชีวิต ยืนมีปากเสียงกับนายเอ (นามสมมุติ) แฟนหนุ่ม ก่อนผู้เสียชีวิต จยย.มาที่แผงผักของตัวเอง จากนั้นกล้องภาพวงจรปิดปรากฏภาพ พบขณะเกิดเหตุมีชายใส่หมวก ผ้าคลุมอำพรางใบหน้า ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว เข้ามาจอดห่างจาก ที่เกิดเหตุประมาณ 20 เมตร จากนั้นชายคนดังกล่าว เดินลงจากรถตรงเข้ามาชักอาวุธปืนยิง ผู้เสียชีวิต ซึ่งขณะนั้นกำลัง คร่อมรถจักรยานยนต์เตรียมจอดในที่เกิดเหตุ โดยจ่อยิงหัวจากด้านหลัง 3 นัด จนผู้เสียชีวิตล้มลง จากนั้นผู้ก่อเหตุได้วิ่งอ้อม ไปขึ้นรถจักรยานยนต์ตัวเองหลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็น นายเอ (นามสมมุตติ) เคยคบหากับผู้ตายมาก่อน โดยมุ่งประเด็นสาเหตุหึงหวง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป
>> นายกฯ นำแถลงผลปฏิบัติการ “ยุทธการสกัดยานรก” ยึดยาบ้ากว่า 18 ล้านเม็ด - ทลายเครือข่ายรายสำคัญ
08.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย แถลงผลปฏิบัติการ “ยุทธการสกัดยานรก” ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. 68 สามารถทลายเครือข่ายยาเสพติดสำคัญได้ถึง 9 คดี จับกุมผู้ต้องหา 16 ราย ยึดยาบ้า 18.25 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,488 กิโลกรัม และคีตามีน 29 กิโลกรัม สะท้อนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ตำรวจ นานาชาติ ที่ยกระดับการปราบปรามอย่างเต็มกำลัง
นายกฯ ยืนยันความมุ่งมั่นในการปราบปรามผู้ค้าและผู้ผลิตยาเสพติดอย่างจริงจัง กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติยกระดับการจัดการรอบด้าน และแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติดมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเท เสียสละ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติภารกิจด้วยความปลอดภัย
>> ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เตรียมรื้อ "สน.สามเสน" พร้อมเลื่อนเปิดผิวจราจร
10.20 น. มีรายงานว่า ที่รพ.วชิรพยาบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงการณ์กรณีรื้ออาคาร สน.สามเสน กรณีเกิดเหตุการณ์ถนนสามเสนยุบตัวว่า หลังจากเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีได้มาเยี่ยมตอนประมาณสี่ทุ่ม โดยมีข้อสั่งการให้ดูเรื่องสถานีตำรวจให้ดี เพราะมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเช้าก็มีการประชุมโดยเป็นคณะกรรมการที่ตั้งมาเสริม เป็นกลุ่มที่มีคณะทำงานด้านเทคนิคทั้งทางตำรวจ รฟม. กรมโยธา และกทม. รวมไปถึงผู้รับเหมาประชุมร่วมกัน
ที่ผ่านมามีการถมทรายเข้าไปประมาณ 3,000 ลูกบาศก์เมตร และพยายามทำเข็มเพิ่มเติมตรงเสาเข็มที่ขาด แต่พบว่ามีบางส่วนที่มีรอยร้าวและมีดินสไลด์ โดยเสาต้นที่ 3 ของสถานีตำรวจมีการชำรุดหรือเสียหายเพิ่มเติม ทำให้เริ่มประเมินสถานการณ์กันใหม่ โดยเมื่อเช้าประเมินจากฝ่ายเทคนิคคิดว่า ถ้าไม่รื้อถอนตอนนี้จะมีอุปสรรคในการเอาดินกลับคืน และมีความเสี่ยงที่ตึกจะถล่มลงมาระหว่างการแก้ไขได้ ตำรวจก็ไม่มีความขัดข้องซึ่งการใช้จ่ายทั้งหมดทาง รฟม. และผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
ส่วนกำหนดการแล้วเสร็จอาจจะคลาดเคลื่อน โดยยังไม่ได้ระบุวันและเวลา แต่เน้นว่าจะต้องยึดความปลอดภัยเป็นหลัก รวมทั้งจะต้องขยายเวลาในการเปิดผิวจราจรจากเดิมวันที่ 9 ต.ค.นี้ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง
>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยบางแค 16 เสียหายวอดทั้งหลังและลุกลามบ้านข้างเคียง
11.33 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยบางแค 16 ถนนบางแค แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็น ตึกแถว 3 ชั้น ปลูกติดกัน 3 คูหา ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นบ้านเลขที่ 164 บริเวณชั้นที่ 2 ภายในห้องครัว เพลิงลุกไหม้บ้านต้นเพลิงเสียหายทั้ง 3 ชั้น ลุกลามบ้านข้างเคียงเลขที่ 162 เสียหายชั้นที่ 2 ภายในห้องเก็บของ และห้องครัว ชั้นที่ 3 ภายในห้องน้ำ และบ้านเลขที่ 166 เสียหายบางส่วน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 190 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก อุ่นอาหารทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค
>> อบจ.ภูเก็ต ส่งเรือศูนย์ไข่มุก ออกช่วยเหลือเด็กหญิงนักท่องเที่ยวหมดสติขณะดำน้ำ เกาะราชาใหญ่ นำส่งโรงพยาบาล
13.08 น. ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (ศูนย์ไข่มุก) กองป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเรือทัวร์ ดำน้ำ ชื่อ ส.สมบูรณ์ 2 ว่ามีนักท่องเที่ยวเป็นเด็กหญิง มีอาการน็อคน้ำ จุดเกิดเหตุบริเวณ อ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ จึงขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
หลังรับแจ้งทางศูนย์ก็ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นนายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ก็ได้สั่งการทางศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว นำเรือกู้ชีพ กู้ภัย (ไข่มุกอันดามัน 5) พร้อมเจ้าหน้าที่ออกไปทำการช่วยเหลือยังสถานที่เกิดเหตุ เมื่อเรือกู้ชีพ กู้ภัย ไข่มุกอันดามัน 5 เดินทางถึงจุดนัดหมายที่เรือ ส.สมบูรณ์ 2 ลอยลำอยู่
เจ้าหน้าที่ก็ได้นำเรือกู้ชีพเข้าเทียบ และเข้าไปตรวจสอบผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พบผู้ป่วยเป็นเด็กหญิง อายุ 12 ปี มีอาการ สะลึมสะลือ มีอาการอาเจียนเป็นเลือด ทางเจ้าหน้าที่ก้ได้เข้าทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทำการเคลื่อนย้าย ขึ้นมายังเรือกู้ภัย และรีบนำตัวมาขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ก่อนที่จะส่งมอบตัวผู้บาดเจ็บให้รถพยาบาลไข่มุก 1 นำส่งรพ.ฉลอง ตามความประสงค์ต่อไป
>> นายกฯ ลงพื้นที่บุรีรัมย์ มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ยืนยันทุกครัวเรือนได้รับเงินเยียวยาแน่นอน
14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย - กัมพูชา ณ เทศบาลตลาดนิคมปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อรับฟังปัญหาและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัย
นายกฯ ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับทางราชการในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนมั่นใจในกองทัพไทย ว่าจะไม่ยอมให้ใครมารุกรานหรือยึดครองแผ่นดินของเราอย่างแน่นอน พร้อมเน้นย้ำว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อดูแลประชาชนในทุกพื้นที่ โดยยึดมั่นฟังเสียงของประชาชน เพราะประชาชนคือหัวใจของการทำงานของรัฐบาล
ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่ากระทรวงการคลังจะทยอยโอนเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ หากใครยังไม่ได้ลงทะเบียนให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน พร้อมเชิญชวนประชาชนลงทะเบียน “โครงการคนละครึ่ง” เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
>> กองทัพบก ชี้แจงข้อเท็จจริง “ปราสาทคนา” ยันไม่มีการรุกล้ำพื้นที่ชายแดน
16.40 น. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยข้อมูล กรณีปราสาทคนา ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ว่า ปัจจุบันมีสภาพเป็นสิ่งปรักหักพัง หลงเหลือเพียงแนวกำแพงศิลาแลงสูงประมาณ 1.6 ม. ยาวประมาณ 25 ม. แนวเดียวเท่านั้น ตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณห่างจากขอบหน้าผามาทางฝั่งไทยประมาณ 100 ม. มีองค์ประกอบคือ สระน้ำ 2 แห่ง คือสระน้อยและสระใหญ่ บริเวณใกล้เคียงปราสาทต่ำลงไปทางขอบหน้าผา มีฐานทหารกัมพูชา ตั้งอยู่เป็นแนวไปทางทิศใต้ โดยมีฐานทหารของไทย โดย ฉก.ทพ.26 อยู่บริเวณใกล้เคียงปราสาทไปทางทิศเหนือ ควบคุมพื้นที่ 2 แห่งคือ ฐานสระใหญ่และฐานสระน้อย
ที่ผ่านมาฝ่ายไทย เข้าไปตรวจสอบสภาพพื้นที่เป็นประจำ เพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชา มีการไปปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ไปใช้งานเป็นที่ตั้งสำหรับปฏิบัติการทางทหาร และบางครั้งฝ่ายกัมพูชา ก็จะเข้ามาพบกับฝ่ายไทย โดยฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้มีทีท่าจะขยับคืบเข้ามาควบคุมบริเวณพื้นที่ซากหรือกำแพงของปราสาท แต่อย่างใด กระทั่งเกิดความขัดแย้งเหตุการณ์ปะทะกันที่ช่องบกเมื่อ พ.ค. 68 เกิดความตึงเครียดตลอดแนว ทั้งสองฝ่ายจึงยังไม่มีการเข้าไปบริเวณซากกำแพง โบราณสถานดังกล่าว
สำหรับบันไดไม้ที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างนั้น เป็นการสร้างเพื่อใช้สำหรับการส่งกำลังบำรุงขึ้นมายังฐานตรวจการณ์ที่อยู่บนแนวหน้าผา ซึ่งภายหลังพบว่ามีการใช้ในการเดินทางมาท่องเที่ยวของชาวกัมพูชาร่วมด้วย ลักษณะของกำลังทหารกัมพูชาที่อยู่บนนั้นไม่มีท่าทีคุกคามเหมือนบางพื้นที่ และจุดเฝ้าตรวจของกัมพูชา ไม่มีลักษณะเป็นป้อมปราการทางทหาร เพื่อใช้สำหรับเตรียมการต่อสู้แต่อย่างใด ซึ่งจากนี้ไป ทางกองกำลังสุรนารี จะดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่ๆ ไม่มีเหตุความตึงเครียดในช่วงที่ผ่านมา
>> คนร้ายรัวยิง หนุ่มใหญ่ดับบนเบาะรถพ่วงข้าง กลางถนนเข้าหมู่บ้าน ตร.เร่งติดตามจับกุม จ.เพชรบุรี
17.07 น. สถานีตำรวจภูธรไร่สะท้อน ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงกันและมีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนเข้าหมู่บ้านหนองพลับ ในพื้นที่ ต.ไร่สะท้อน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
ที่เกิดเหตุ พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย อายุ 46 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ ลำตัว หน้าอก แขนขวา นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเบาะรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ซึ่งจอดอยู่กลางถนนในหมู่บ้าน ใกล้เคียงพบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม. จำนวน 12 ปลอก ตกอยู่เกลื่อนถนน
ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายนอ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ชาวตำบลไร่สะท้อน ทราบว่า หลังก่อเหตุแล้วได้หลบหนีไปหาภรรยาที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 400 เมตร โดยไปได้บอกกับภรรยาว่า ไปก่อเหตุยิงนายรุ่งอรุณฯ มา และได้ขอเงินสดไปประมาณ 5,000 บาท จากนั้นได้ ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีออกจากหมู่บ้านไป
สอบถามพยานแวดล้อม เล่าว่า ผู้เสียชีวิตกับผู้ก่อเหตุเคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกัน เรื่องถนนทางเข้า-ออกบ้าน และเรื่องวัวลาน ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถจักรยานยนต์สวนกัน และแฮนด์ของรถได้เฉี่ยวชนกันเล็กน้อย จนเกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน แล้วแยกย้ายกันไป
ต่อมาคาดว่าผู้ก่อเหตุได้กลับบ้านไปเอาปืน จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหาผู้เสียชีวิต จนมาเจอผู้เสียชีวิตกำลังขับรถพ่วงข้าง กลับจากการเอาหญ้าไปให้วัวหน้าปากซอย และกำลังขับเข้าซอยเพื่อกลับบ้าน ผู้ก่อเหตุจึงอาศัยจังหวะนั้น กระหน่ำยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว สำหรับผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> คณะ IOT ลงพื้นที่ช่องบก ตรวจสอบข้อเท็จจริงปมทุ่นระเบิด PMN2 กว่า 200 ลูก
18.11 น. คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) โดยมีผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทยเป็นหัวหน้าคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ระหว่างวันที่ 4–5 ตุลาคม 2568
ภายในภารกิจ คณะฯ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดน ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ก่อนเดินทางลงพื้นที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบริเวณที่เคยตรวจพบการลักลอบวางทุ่นระเบิด (บริเวณต้นพญาสัตบรรณ จุดตรวจพบทุ่นระเบิด)
จากข้อมูลของหน่วยในพื้นที่ พบว่ามีการลักลอบวางทุ่นระเบิด PMN2 จำนวนกว่า 200 ลูก ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนที่ผ่านมา รวม 36 เหตุการณ์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 นาย หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นสูญเสียขา
การลงพื้นที่ของคณะ IOT ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการติดตามและรับทราบข้อเท็จจริงจากหน่วยในพื้นที่โดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างสันติและยั่งยืน
กองทัพภาคที่ 2 ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ เข้มแข็ง และยึดมั่นในการรักษาอธิปไตยของชาติ เพื่อให้พื้นที่ชายแดนคงความสงบมั่นคง และประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย
>> กทม.เร่งเช็กกล้องล่าตัว "โจรลักสายไฟ" ทำทางเดินลุมพินีดับทั้งแผง
19.11 น. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พ.ต.อ. พนม เชื้อทอง ผู้กำกับ สน.ทุ่งมหาเมฆ ลงพื้นที่บริเวณซอยสาทร 3 เขตบางรัก หลังเกิดเหตุโจรลักลอบขโมยสายไฟโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) โดยมี เจ้าหน้าที่สำนักการโยธา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ และผู้รับเหมา ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล
ในการนี้ ที่ปรึกษาฯ อดิศร์ ได้มอบหมายสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ประสานงานกับตำรวจท้องที่ เพื่อช่วยกันไล่เช็กกล้อง CCTV ของ กทม. อีกทาง ขณะเดียวกัน สจส. จะมีการปรับมุมกล้อง CCTV ใหม่ เนื่องจากเดิมกล้อง CCTV ถูกติดตั้งก่อนมีหลังคาคลุม ทำให้มุมมองกล้องไม่ครอบคลุม ทั้งนี้ สำนักการโยธาจะเร่งดำเนินการแก้ไขด้วยการร้อยสายไฟใหม่ พร้อมเสริมการป้องกันสายไฟให้แน่นหนามากขึ้น เพื่อป้องกันการขโมยซ้ำ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์
กรุงเทพมหานคร ยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาการลักขโมยสายไฟฟ้า ซึ่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยกให้เป็นวาระแห่งเมือง โดยได้บูรณาการกับหน่วยงานหลายภาคส่วนทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ ซึ่งผู้กระทำความผิดอาจนำสายไฟที่ลักลอบตัดมาขาย และแจ้งผู้ประกอบกิจการรับซื้อของเก่าให้ทราบถึงมาตรการตามกฎหมายและบทกำหนดโทษต่าง ๆ หากรับซื้อของโจร
>> คนร้ายสวมชุดฮีญาบ ก่อเหตุยิง อส. อ.ยะรัง ที่ร้านขายข้าวยำ ได้รับบาดเจ็บ
20.30 น. ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุมีบุคคลถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณร้านขายข้าวยำ หน้าสนามฟุตซอลเทศบาลตำบลยะรัง หมู่ 3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ที่เกิดเหตุ พบว่า นายหมู่ใหญ่ ซาการียา สมาชิก อส.อ.ยะรังที่ 8 ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง เบื้องต้น ทราบว่าเป็น โดยคนร้ายจำนวน 2 คน แต่งกายคล้ายผู้หญิง สวมชุดฮีญาบ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดก่อเหตุ ก่อนจะหลบหนี รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบต่อไป พื้นที่ สภ.ยะรัง
>> จับได้ผัววัยดึก แอบซุกกิ๊กเด็ก” นัดเคลียร์ไม่ลงตัว ปะทะเดือดกลางห้องพัก เมียคว้ามีดบาดข้อมือผัวเลือดสาด หนีตายขอความช่วยเหลือ
20.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ภายในหอพักแห่งหนึ่งในซอยเฉลิมพระเกียรติ 18 (ซอยบงกช) ย่านพัทยากลาง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงประสานตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และอาสาสมัครเข้าตรวจสอบทันที
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พบชายไทย อายุ 65 ปี วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านอยู่ห่างจากอาคารห้องพักประมาณ 50 เมตร มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ข้อมือซ้าย ถูกของมีคมบาดลึกตัดเส้นเลือดใหญ่ เลือดไหลนองพื้น นอนร้องครวญด้วยความเจ็บปวด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเร่งปฐมพยาบาลห้ามเลือดอย่างเร่งด่วน ก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเมืองพัทยา เนื่องจากเสียเลือดจำนวนมากและอาการสาหัส
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าเป็นอาคาร พาณิชย์ 3 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว และ อาหารตามสั่ง ภายในมีร่องรอยคาบเลือดไหลเป็นทางตั้งแต่บันไดขึ้นไปถึงชั้นบนสุด บนพื้นห้องพักพบมีดปลายแหลมคล้ายมีดแกะสลัก ด้ามสีแดง มีคราบเลือดติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ หญิงไทย อายุประมาณ 50 - 60 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่กินกันมากว่า 40 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ก่อนเกิดเหตุฝ่ายหญิงจับได้ว่าสามีแอบมีกิ๊กสาวรุ่นน้อง จึงโทรเรียกให้กลับมาพูดคุยเคลียร์ปัญหากันที่ห้องพัก แต่แทนที่จะจบด้วยดี กลับกลายเป็นเหตุทะเลาะรุนแรง
ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ขณะโต้เถียงกัน ตัวสามี เกิดอารมณ์โมโห แล้วบีบคอตนจนหายใจไม่ออก ด้วยความตกใจและพยายามป้องกันตัว จึงคว้ามีดที่อยู่ใกล้มาถือไว้ แต่เกิดพลาดฟันไปถูกข้อมือของฝ่ายชายจนเลือดสาด ก่อนที่สามี จะหนีตายตะเกียกตะกายออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้ควบคุมตัวนางนาไปสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบอาการของผู้บาดเจ้บ เบื้องต้นอยู่ในอาการที่ปลอดภัยแล้ว หลังจากนี้รอให้หายดี ให้เข้ามาแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำริมถนน พบร่างผู้เสียชีวิต ชายนิรนาม ในพงหญ้าข้างทาง จ.เพชรบุรี
20.40 น. ศูนย์รับแจ้งเหตุ ฉุกเฉิน 191 เพชรบุรี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ และมีผู้เสียชีวิต ริมถนนเส้นทาง ช่องเขาสวากม้า ก่อนถึงทางเข้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ สีแดง ลักษณะคว่ำคว่ำอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นผู้ชาย ตรวจสอบยังไม่พบเอกสารติดตัว ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ
>> รถเก๋งเสียหลักชนเสาไฟ แล้วเกิดเพลิงไหม้ เสียหายวอดทั้งคัน
23.05 น. รับแจ้งว่า เกิดหเตุ รถนั่งส่วนบุคคล เสียหลักชนเสาไฟ แล้วเกิดเพลิงไหม้ ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาขึ้น ในช่องทางคู่ขนาน ใกล้เคียงทางเข้า วัดท่าไชยศิริ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
คืบหน้า ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. เสียหลักชนเสาไฟข้างทาง แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ อาสากู้ภัยช่วยเหลือบาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้หญิงสูงอายุ เป็นผู้โดยสารเบาะข้าง และดำเนินการนำส่ง รพ.พระจอมเกล้า ส่วนชายผู้ขับขี่ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงดำเนินการใช้น้ำเข้าทำการดับ จนเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา เบื้องต้นเสียหายหมดทั้งคัน ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านลาด
>> แผ่นดินไหว ขนาด 4.4 ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา
00.15 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 4.4 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 265 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศอินเดีย
03.31 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 4.3 ความลึก 10 กม. บริเวณ หมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ศูนย์กลางห่างออกไป ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.พังงา ประมาณ 668 กม. ยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศจีน
04.01 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 4.9 ลึก 10 กม. บริเวณพื้นที่ของ มณฑลยูนนาน, ประเทศจีน ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 356 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568