24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2568
>> รถอเนกประสงค์ชนกับรถกระบะ มีผู้บาดเจ็บหลายราย
08.50 น. รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถอเนกประสงค์ และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บริเวณวงเวียนบ้านสำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถอเนกประสงค์ อีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว ป้ายทะเบียน นครนายก ลักษณะชนกับ รถกระบะ โตโยต้า วีโก้ สีเทา ป้ายทะเบียน สระแก้ว ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 ราย ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.นาดี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. สภ.นาดี
>> ถนนทรุดสามเสน ฝนตกยังไม่เป็นอุปสรรค ค้ำยัน สน.สามเสน เดินหน้าถมทราย คาดเปิดใช้ถนนได้ 9 ต.ค. นี้
10.49 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต โดยกล่าวว่า เช้านี้ราวตี 5 มีฝนตกลงมาประมาณ 23 มม. มีน้ำขังเล็กน้อยในหลุมยุบ ความคืบหน้าขณะนี้ มีการถมทรายและทำตัวค้ำยันอาคาร สน.สามเสน ซึ่งอาจมีดินทรุดบ้างจากฝนตก ให้เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญสรุปอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร โดยภาพรวมงานก้าวหน้าไปตามแผนที่กำหนดไว้ ทีม กทม. หน้างาน เตรียมพร้อมสูบน้ำรับสถานการณ์ฝน และตามที่ รฟม. สั่งการ
ด้าน ดร.อำพัน วิมลวัฒนา รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วานนี้ (2 ต.ค.) และ 1 ต.ค. โรงพยาบาลวชิรพยาบาลมีคนไข้ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากครบ 1 สัปดาห์เหตุการณ์ถนนทรุด นับจากวันพุธสัปดาห์ก่อน ก็จะมีคนไข้จำนวนหนึ่งทบกลับมา โดยเมื่อวาน ทั้งผู้ป่วยที่นัดและไม่ได้นัด รวมกว่า 5,000 คน ด้านการเดินทาง บางท่านเดินทางโดยรถส่วนตัว ในส่วนของวชิรพยาบาล มีจุดบริการของโรงพยาบาลที่ออกไปส่งผู้ป่วยตามจุดต่าง ๆ คือ ศรีย่าน สิรินธร และหน้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ส่วนอีกจุดคือ รปภ. จะเรียกแท็กซี่ให้ผู้มาใช้บริการใน รพ.วชิรพยาบาล
สำหรับความคืบหน้า การปฏิบัติงานวานนี้ ถมทรายเพิ่มอีกประมาณ 1,300 คิว ปริมาณทรายที่ถมไปทั้งหมดราว 3,500 คิว มีการย่อยแผ่นคอนกรีตในบริเวณหลุมแล้ว และทรายส่วนหนึ่งได้ถูกดันเข้าไปด้านใต้ สน.สามเสน รวมถึงเสริมความมั่นคงแข็งแรง โดยทำตัวค้ำยันชั่วคราว (เสาเข็มสั้น) ซึ่งสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เฝ้าระวังตั้งกล้องตรวจสอบความเคลื่อนไหวของอาคาร ยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่รุนแรง ยังคงปกติ
ทั้งนี้ การเตรียมเปิดให้บริการถนนสามเสนหน้า รพ.วชิรพยาบาล คาดการณ์ว่าการถมทรายจะแล้วเสร็จประมาณวันที่ 4 - 5 ต.ค. 68 จากนั้น จะมีการบดอัดทรายและทำชั้นพื้นถนน โดยเปิดใช้งานจริง ในวันที่ 9 ต.ค. 68
>> นายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนสุรินทร์ กำชับฝ่ายปกครองดูแลประชาชน ด้านพณ. เตรียมมาตรการดูแลสินค้าเกษตร หาตลาดใหม่เพิ่ม
11.25 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยรมว.กลาโหม รมว.ดิจิทัลฯ และรมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ รับฟังบรรยายสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ณ กองกำลังสุรนารี พร้อมสั่งการฝ่ายปกครองดูแลประชาชนและอสม. อย่างเต็มที่ และกำชับฝ่ายทหารดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน
นอกจากนี้ นายกฯ ได้แสดงความยินดีกับแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ มั่นใจจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็ง และร่วมมือกับทุกภาคส่วนดูแลความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้าน รมว.พาณิชย์ ยืนยันมีมาตรการดูแลสินค้าเกษตร ทั้งการซื้อ-ขาย-ส่งออก ผ่านทาง สปป.ลาวและเวียดนาม รวมถึงการหาตลาดใหม่เพิ่ม
จากนั้น นายกฯ เดินทางไปตรวจภูมิประเทศและให้กำลังใจกำลังพล ณ ฐานปฏิบัติการสามแยก กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี อ.พนมดงรัก พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล และย้ำว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งสวัสดิการ และอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน เพื่อให้กำลังพลทำงานได้อย่างมั่นใจและเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ
>> พบผู้เสียชีวิตที่ถูกไฟฟ้าซ็อตตกจากแพปลา ลอยน้ำอยู่ใกล้สะพานสลิง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
11.55 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุญสถาน รับแจ้งว่า พบร่างของผู้เสียชีวิตลอยน้ำ ที่เกิดเหตุ ใกล้สะพานสลิงพรหมพิรามฯ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
โดยทีมเรือค้นหาของกู้ภัยบึงกาฬ กู้ภัยคอรุม ป้องกันอบต.ท่ามะเฟือง ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยพิษณุโลก ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นาย ชวาลย์ อายุ 46 ปี ภูมิลำเนา ม.1 ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย จ. อุตรดิตถ์
ซึ่งเป็นประชาชนที่ถูกไฟฟ้าซ็อตตกจากแพปลาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรหมพิราม และแพทย์เวร พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพิษณุโลกนำผู้เสียชีวิตส่ง ชันสูตรนิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช
>> ศาลอาญาพิพากษา จำคุกตลอดชีวิต จ่าเอ็ม มือสังหาร นายลิม อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา
12.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีลอบสังหาร สส.ฝ่ายค้าน ของกัมพูชา โดยตัดสินให้ จำคุกตลอดชีวิต พันจ่าเอก เอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 โดย จ่าเอ็ม ได้ใช้อาวุธปืนยิง นายลิม กิมยา อายุ 74 ปี อดีตสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านพรรคกู้ชาติกัมพูชา จำนวน 3 นัดเข้าที่กลางหลัง ขณะอยู่ที่บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ย่านถนนข้าวสาร จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถกระบะ กลางถนนหมายเลข 4178 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย, ส่วนเด็กหญิง 1 รายเจ็บสาหัส
13.05 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี อ.เคียนซา มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถกระบะ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนหมายเลข 4178 บริเวณใกล้เคียง ตลาดขุมทอง อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล มาสด้า 2 สีเทา ลักษณะชนกับรถกระบะ โตโยต้า สีขาว ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย มีอาการสาหัส และติดค้างอยู่ภายในรถเก๋ง ทางอาสาสมัครใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถ และนำร่างผู้บาดเจ็บออกมาได้ ก่อนให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.บ้านนาเดิม
ต่อมารับแจ้งว่าผู้บาดเจ็บ 2 รายได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเป็นชายไทย และหญิงไทย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 รายนั้น เป็นเด็กหญิง ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านนาเดิม
>> บุกทลาย แหล่งจำหน่ายนาฬิกาปลอม กลางกรุง พบนาฬิกาแบรนด์หรู เกรดพรีเมี่ยม เสียหายกว่า 50 ล้านบาท
13.42 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. และตัวแทนผู้ปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา เจ้าของเครื่องหมายการค้า
ได้ร่วมกันตรวจค้น/จับกุม จำนวน 3 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหา 3ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง นาฬิกาที่ปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ รวม 3 จุดตรวจค้น ตรวจยึดนาฬิกากว่า 20 รายการ รวมจำนวน 809 ชิ้น
หลังตำรวจ บก.ปอศ. สืบทราบว่าที่ร้านไม่ติดชื่อเลขที่ ภายในอาคารในตลาดกลางกรุง ย่านสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร มีการลักลอบจำหน่ายนาฬิกาที่ปลอมเครื่องหมายการค้า ราคาสูง ที่ขายตามช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ โดยแจ้งข้อมูลต่อประชาชนว่าเป็นนาฬิกาเกรดท็อปสุด เรือนละกว่าสองหมื่นบาท เหมือนนาฬิกาของแท้ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้น
ต่อมา เจ้าพนักงานตำรวจชุดตรวจค้น-จับกุม ร่วมกับตัวแทนผู้เสียหาย จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> อธิบดีดีเอสไอย้ำ เดินหน้าคดีพิเศษทุกคดี – คดีเขากระโดง ยังไม่ชัดเข้าข่ายหรือไม่
13.45 น. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ แถลงภายหลังพิธีครบรอบ 23 ปีสถาปนากรมฯ ว่า ดีเอสไอยังคงเดินหน้าทุกคดีพิเศษที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคดีการพนันออนไลน์ อาชญากรรมทางออนไลน์ และยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายหลักของกระทรวงยุติธรรม พร้อมย้ำว่าคดีที่ค้างเก่าจะไม่มีการละเลย รวมถึงคดีหักหัวคิวแรงงานกัมพูชาที่จะมีการดำเนินการต่อเนื่องเช่นกัน
ส่วนกรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นสืบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริง จึงยังไม่ถือเป็นคดีพิเศษและยังไม่ได้เรียกสอบพยานใด ๆ โดยจะต้องพิจารณาก่อนว่าเข้าหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีกรอบเวลาตายตัว ต้องรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน ส่วนคดีอั้งยี่-ฟอกเงินของนักการเมืองนั้น มีพยานหลักฐานในระดับหนึ่งแล้ว แต่ต้องหารือร่วมกับอัยการซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า
>> มติ กบน.ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล-เบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตร บรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชน
14.29 น. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนซึ่ง ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีสถานะดีขึ้น จึงมีความเหมาะสมที่จะปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลลง พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันในการปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลงด้วยเพื่อช่วยเหลือประชาชน จึงมีมติเห็นชอบปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาเบนซินลงด้วย 50 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการน้ำมันลดเหลือ 31.44 บาทต่อลิตร จากเดิม 31.94 บาท/ลิตร และกลุ่มเบนซินทุกชนิดลดลง 50 สตางค์ต่อลิตรโดยให้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 ตุลาคม 2568) เป็นต้นไป
สำหรับ ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 28 กันยายน 2568 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ 17,838 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 24,429 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 42,267 ล้านบาท ส่วนการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ จะทำให้รายรับน้ำมันดีเซลลดลงเหลือประมาณวันละ 30.96 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 61.06 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ประมาณวันละ 93.80 ล้านบาทเท่าเดิม
>> เพลิงไหม้บนอพาร์ทเมนท์ ย่านอุดมสุข รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบก่อนจะลุกลาม
15.06 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซอยอุดมสุข 50 ถนนสุขุมวิท 103 แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็น อาคารคอนกรีต 4 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นในห้องพักบนชั้น 1 เพลิงลุกไหม้เสียหาย ตู้เสื้อผ้า ที่นอน ชั้นวางรองเท้า ลุกลามฝาผนัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 3 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก การจุดธูปเทียนทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางนา
>> จ.นครสวรรค์ น้ำท่วมขยายวงกว้าง เข้าท่วมชุมชนเกาะยม ชาวบ้านกระทบกว่า 120 ครัวเรือน
15.26 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำน่าน-น้ำปิง ในเขต เทศบาลนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ขยายวงกว้างเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนเกาะยม ตำบลปากน้ำโพ ล่าสุดมีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 120 ครัวเรือน โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร หลายครัวเรือนต้องใช้เรือในการเข้า–ออกแทนการเดินเท้า ขณะที่ถนนหมู่บ้านบางสาย รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้
ชาวบ้านชุมชนเกาะยม เปิดเผยว่า น้ำจากแม่น้ำน่านและแม่น้ำปิง ล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนมาได้ 3 วันแล้ว และในวันนี้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก ถนนหมู่บ้านถูกน้ำท่วม บ้านที่อยู่พื้นที่ลุ่มต้องใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
ทั้งนี้ คาดว่าระดับน้ำจะยังคงท่วมต่อไปอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากยังมีทั้งปริมาณน้ำจากตอนบน และต้องเฝ้าระวังฝนในพื้นที่ ขณะที่เทศบาลนครนครสวรรค์ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมเร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งการจัดจุดอพยพและเตรียมถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
>> นายกฯ อนุทิน ยืนยันเงินเยียวยาถึงมือทุกคนอาทิตย์หน้า ขอให้ความมั่นใจ ความมั่นคง-เศรษฐกิจ จะดีขึ้น
15.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยา จ.สุรินทร์ ตรวจติดตามการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
นายกฯ ทักทายพูดคุยกับประชาชนและทหารผ่านศึก โดยย้ำว่ารัฐมนตรีจะมาช่วยเหลือประชาชนและทำให้เรื่องต่าง ๆ ดีขึ้น ยืนยันรัฐบาลเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว โดยเฉพาะการโอนเงินเยียวยา “บ่ต้องห่วงนะ เงินเยียวยาอาทิตย์หน้าเข้ากระเป๋าประชาชนทุกคน” รวมถึงการสร้างบังเกอร์หลุมหลบภัย ขอไม่ต้องกังวล
“ที่มาวันนี้มาด้วยความตั้งใจ เพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ไม่เพียงเฉพาะชาวสุรินทร์ แต่รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกจังหวัด พร้อมรับฟังความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็จะใช้การทูตเจรจาเพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดและไม่เสียเปรียบ เพื่อให้สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติให้ดีที่สุด”
ในตอนท้าย นายกฯ กล่าวว่าจะกลับไปดูเรื่องการเยียวยา เรื่องความปลอดภัย รวมถึงเรื่องหนี้สิน ราคาสินค้าเกษตร และสวัสดิการฟอกไตฟรี ให้โดยเร็ว พร้อมฝากความห่วงใยและอวยพรให้ประชาชนทุกคนปลอดภัยจากภัยอันตราย
>> ตำรวจทางหลวงจับรถบรรทุกหิน น้ำหนักเกิน 21.8 ตัน
15.54 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายวิ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ผิดฐาน “ใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เดินบนทางหลวง" พร้อมของกลาง รถบรรทุกพ่วง 6 เพลา 12 ล้อยาง 22 เส้น 1 คัน โดยจับกุมได้ที่ ทล.44 กม.36-37 อ.ปลายพระยา จ.กระบี่
จากการปราบปรามผู้ลักลอบบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตำรวจทางหลวงกวดขัน จนพบบรรทุกลักษณะต้องสงสัย จึงได้เรียกให้หยุด และทำการตรวจสอบน้ำหนัก พบว่าชั่งได้ 72.3 ตัน (กฎหมายกำหนดให้ไม่เกิน 50.5 ตัน) ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 21.8 ตัน จึงได้จับกุมตัว พร้อมตรวจยึดรถของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าได้บรรทุกหินมาจากโรงโม่แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อไปส่งในพื้นที่ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้ขับมากลับรถในจุดกลับรถซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อ จ.กระบี่ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเรียกตรวจและจับกุมตัว
>> 'มอบตัวแล้ว' มือพ่นสีทับงานศิลปะบนผนัง ซอยเจริญกรุง 30
16.30 น. ฝ่ายสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางรัก เผยความคืบหน้ากรณีมีกลุ่มบุคคล 3 คน พ่นสีทับผลงานศิลปะบนฝาผนังของศิลปินชาวสเปน ในโครงการ “Krung Thep Creative Streets” บริเวณปากซอยเจริญกรุง 30 เมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้เข้ามอบตัวเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 21 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานสอบสวน
ในการนี้ นางพรพัน วัฒนสินธุ์ ผู้อำนวยการเขตบางรัก พร้อมด้วย นายจักรกรด จักรเงิน หัวหน้าฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งหลังจากวันเกิดเหตุ สำนักงานเขตบางรักได้ส่งเจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการ มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรัก ให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในข้อหา ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้มีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 12
>> ไฟไหม้ห้องเก็บของภายในวัดฯ เมืองชัยบาดาล เสียหายวอดทั้งห้อง จ.ลพบุรี
18.20 น. รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ จังหวัดลพบุรี เกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในวัดวารินบุญญาวาส หมู่ที่ 4 ตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี
โดยที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นเหตุเพลิงไหม้ ภายในห้องเก็บของ ภายในอาคาร 2 ชั้น จุดต้นเพลิงคาดว่า อยู่ที่ชั้น 1 แล้วเพลิงได้ลุกลามขึ้นไปยังชั้นที่ 2 จึงได้ประสานรถน้ำและทีมดับเพลิง เทศบาลตำบลบ้านท่าหลวง อบต ท่าหลวง อบต ท่า ดินดำ ร่วมดำเนินการใช้น้ำ จนสามารถควบคุมและเพลิงสงบลงในเวลาต่อมา ตรวจสอบไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยบาดาล
>> ขบวนรถเฉี่ยวชนคน ระหว่างสถานีลำปลายมาศ - ทะเมนชัย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ไม่พบเอกสารติดตัว จ.บุรีรัมย์
18.53 น. ศปภ.รฟท. ได้รับรายงานเบื้องต้นจากผู้เกี่ยวข้องและประสานข้อมูลเพิ่มเติมแล้วทราบว่า ขบวนรถธรรมดาที่ 233 (กรุงเทพ (หัวลำโพง) - สุรินทร์) ใช้รถจักรดีเซลเลขที่ 4549 ทำการ ขณะทำขบวนถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 349/13-14 ระหว่างสถานีลำปลายมาศ - ทะเมนชัย ในพื้นที่ อำเภอ ลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
ได้เกิดเหตุบุคคลยื่นอยู่ข้างทางรถไฟ และกระโดดตัดหน้าขบวนรถในระยะกระชั้นชิดจึงเป็นเหตุให้ขบวนรถเฉี่ยวชนดังกล่าว จากการตรวจสอบเป็นชายไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบที่อยู่ สวมเสื้อสีดำ กางเกงวอร์มสีดำ อายุประมาณ 40 – 45 ปี ไม่พบเอกสารติดตัว เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พื้นที่ สภ.ทะเมนชัย
>> สาวตระเวนขับเก๋งขายบุหรี่ไฟฟ้าตามร้านอาหาร พบของกลางกว่าพันชิ้น
19.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่กองกำกับการสืบสวนจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.กิตติสัณห์ ชะนะ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อม พ.ต.อ.นิตย์ วิธินันทกิตต์ ผกก. กก.สืบสวน ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันแถลงจับกุมตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า เงินสด และอาวุธปืน หลังจากนำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ใน อ.แปลงยาว ซึ่งมี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี เป็นเจ้าของบ้าน ก่อนตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และยังพบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน เงินสด 1 ล้านกว่า จากนั้นนำไปตรวจค้นที่รถเก๋งบีเอ็มดับบลิว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ยังพบบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยทำการตรวจยึดทั้งหมดรวมประมาณ 1,400 ชิ้น มูลค่ากว่า 2 แสนบาท
สืบเนื่องจาก น.ส.เอ มีพฤติกรรมขับรถเก๋งไปตระเวนขายบุหรี่ไฟฟ้าตามร้านอาหารในพื้นที่แปลงยาวทุกวัน ก่อนตำรวจจะสืบสวนจนทราบ แล้วนำหมายเข้าตรวจค้นบ้าน เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาช่วยซ่อนเร้น ซื้อ รับไว้ หรือมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ทั้งที่รู้อยู่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของที่ห้ามนำเข้ามาประเทศไทย ต้องถือว่ามีความผิดเช่นกัน ซึ่งหากถูกจับกุมดำเนินคดีต้องได้รับโทษจำคุกไม่ เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
>> พบโดรน กัมพูชา บินหลายพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์
21.31 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2568 สถานการณ์โดยรวม มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัม 12 ลำ, อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 2 ลำ, พื้นที่ภูผี 1 ลำ, พื้นที่โดนตวล 1 ลำ, พื้นที่ภูมะเขือ 14 ลำ, พื้นที่พลาญหินแปดก้อน 1 ลำ, พื้นที่ปราสาทพระวิหาร 5 ลำ, พื้นที่ปราสาทตาควาย 20 ลำ และพื้นที่วัดหัวอ่างสามัคคี อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ 2 ลำ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทย จัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจ ตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อม ในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์
กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการรับข้อมูลข่าวสารที่คลาดเคลื่อน บิดเบือน หรือข่าวปลอม (Fake news) ขอให้ประชาชน โปรดใช้วิจารณญาณ ในการรับข้อมูลข่าวสาร และติดตามข้อมูล จากช่องทางอย่างเป็นทางการจากส่วนราชการ ซึ่งสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา
>> นายกฯ อนุทิน ลงพื้นที่กลางดึก ติดตามความคืบหน้า แก้ปัญหาถนนทรุด หลังกลับจากชายแดนสุรินทร์
22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณีถนนทรุดบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ชายแดนที่จังหวัดสุรินทร์
โดย นายกฯ ได้รับฟังรายงานความคืบหน้าจาก นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการถมปิดพื้นที่ โดยนำทรายลงหลุมยุบ หรือ Backfill และถมทรายต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการยุบตัวขึ้นอีก ขณะเดียวกันยังได้พยายามกำหนดจุดเส้นศูนย์กลาง หรือ Center line ของอุโมงค์ด้วย ทั้งนี้ นับจากนี้อีก 6 วัน คาดว่าจะสามารถเปิดใช้ถนนสามเสนได้
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
03.56 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.1 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 67 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย