24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 28 กันยายน 2568
>> กระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น ไฟดับ จนท.ปิดการจราจร เพื่อซ่อมแซม
08.30 น. ศูนย์วิทยุแจ้งเหตุหน่วยกู้ภัยเพียวเยี่ยงไท้ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนนหลายต้น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณถนนสายบึง - บ่อวิน หมู่ 3 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อวิน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตำบลบึง เข้าร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบเสาไฟฟ้าหลายสิบต้นล้มขวางถนนเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โดยพบรถยนต์กระบะ มาสด้า สีดำ ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร ลักษณะพุ่งชนติดคาโคนเสาไฟฟ้าอยู่ ในสภาพตะแคงข้าง รถลอยอยู่เหนือพื้น 2 ล้อ โดยคนขับรถ เป็นชายไทย อายุ 41 ปี เป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บไม่มาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล
จากการตรวจสอบพบว่ามีเสาไฟฟ้าแรงสูงล้ม 6 ต้น เสาไฟฟ้าขนาดความสูง 12 เมตร ล้ม 6 ต้น มีรถยนต์ตู้โดยสารและรถกระบะได้รับความเสียหายหลายคัน รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าได้รับความเสียหายจากเสาไฟฟ้าอีกหลายหลัง ส่งผลให้ไฟฟ้าในบริเวณดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ รวมทั้งต้องปิดการสัญจรถนนเส้นดังกล่าวเพื่อเคลียร์สถานการณ์อีกตลอดทั้งวัน
จากการสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ผู้ขับขี่เป็นพนักงานโรงงานเพิ่งเลิกงานมา แล้วขับรถกลับบ้านมุ่งหน้าเข้าบ่อวิน อาจเกิดอาการหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่งจนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อวิน จะต้องตรวจสอบรายละเอียดที่แน่ชัดต่อไป
>> เพลิงไหม้บนอาคารพาณิชย์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ
11.12 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทแห่งหนึ่ง ซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 แยก 7 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 2 ภายในห้องพระ เพลิงลุกไหม้กล่องกระดาษ และเสื้อผ้า พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากชาร์จโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางอ้อ
>> หนุ่มวัย 29 ปีขับรถเก๋งเสียหลักชนกับต้นไม้ ก่อนพุ่งลงคลองน้ำข้างทาง อาสากู้ภัยเร่งช่วยเหลือและนำส่ง รพ.
12.02 น. อาสาสมัครมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลเสียหลักตกคลองน้ำข้างทราบ และมีผู้บาดเจ็บ บริเวณถนนเส้นทางคันคลองหนองพันเท้า - หวายเหนียว ในพื้นที่ ม.6 ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีทอง ลักษณะชนกันต้นไม้ข้างทาง ก่อจะเสียหลักตกคลองน้ำ ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 29 ปี ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.มะการักษ์ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่ามะกา
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
12.07 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 3.6 ความลึก 9 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 403 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผยเร่งแก้ถนนสามเสนทรุด กทม.ฉีดคอนกรีต ป้องกันดินสไลด์ คาดเสร็จ 8 ต.ค.
12.10 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีถนนสามเสนทรุดตัว ว่า วันนี้ช่วงเช้าเริ่มภารกิจประมาณ 09.00 น. ต่อจากเมื่อวานที่ไดัดำเนินการฉีดปูนช็อตกรีต (คอนกรีตเสริมกำลัง) ประมาณ 9 คิว เพื่อลดความเสี่ยงในการสไลด์ของดินที่อยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้า รวมคอนกรีตทั้งหมดประมาณ 1,105 ลบ.ม. และรอให้ปูนเซ็ตตัว วันนี้มี รฟม. และกู้ภัยดำเนินการร่วมกันด้วยความระมัดระวัง เพื่อเร่งเก็บซากวัสดุ อาทิ เสาไฟฟ้า หม้อแปลงไฟ สายไฟ เพื่องเร่งดำเนินงานในส่วนต่อไป
สําหรับขณะนี้ก็ไม่มีปัญหาอุปสรรคใด ๆ เพราะเมื่อวานนี้ฝนก็ไม่ได้ตกหนักบริเวณนี้ และแม้ฝนตกหนักเราก็ได้ทำการอุดท่อด้วยคอนกรีตแล้ว จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาใด เพราะเราได้วางระบบระบายน้ำโดยรอบแล้ว หากฝนตกหนักลงมาในหลุมที่ทรุดตัวก็ไม่เกิดปัญหา
นอกจากนี้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่จะมาใช้บริการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ให้ใช้บริการรถสาธารณะ เนื่องจากในอนาคตอาจจะมีปัญหาอุปสรรคเรื่องการสัญจรจากการนำรถบรรทุกขนาดใหญ่ประมาณ 400 คัน เพื่อเติมทรายผสมคอนกรีตกว่า 4,000 ลบ.ม. ซึ่งจะใช้การขนส่งกว่า 1,000 เที่ยว ซึ่งในช่วงดังกล่าวจะทำให้การจราจรติดขัด แต่ กทม.จะดำเนินการ อย่างดีที่สุดและต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่สัญจรบริเวณดังกล่าว มา ณ โอกาสนี้
>> รวบต่างด้าว 12 ชีวิต อัดมาแน่นมาในรถ คนขับสารภาพ จะรับไปทำงานที่สวน ในพื้นที่ตำบลท่าไม้ จังหวัดกาญจนบุรี
12.32 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นายจอ อายุ 62 ปี สัญญาติไทย และต่างด่าว สัญชาติเมียนมาร์ 12 ราย ตรวจยึดของกลาง รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 1 คัน โดยควบคุมตัวและจับกุมได้ บริเวณถนนกาญจนาภิเษก ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ออกตรวจในพื้นที่ทางหลวงหมายเลข 9 ถนนกาญจนาภิเษก จนกระทั่ง พบรถต้องสงสัย เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน มีลักษณะท้ายหย่อนคล้ายบรรทุกคนเยอะ จึงได้เรียกหยุดรถเพื่อตรวจสอบ พบนายจอ (นามสมมุตติ) อายุ 62 ปี เป็นผู้ขับรถ ตรวจสอบในห้องโดยสาร พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ นั่งเบียดกันจำนวน 12 ราย ตรวจสอบไม่มีเอกสารในการเดินทาง โดยมีการรับสารภาพว่า ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ บริเวณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
จากการกระทำดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามผู้ขับรถ (ผู้ต้องหา) รับว่า ได้ไปรับตัวแรงงานต่างด้าว จำนวน 12 คนมาจากสวนต้นกระท่อม ตำบลหนองหมู อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี เพื่อจะนำแรงงานต่างด้าวไปเพื่อทำงานที่สวนของตนเอง ซึ่งอยู่ที่ ตำบลท่าไม้ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> อดีตสามีใช้อาวุธปืนยิงอดีตภรรยาดับ ก่อนลั่นไกจบชีวิตตัวเองตาม ที่เมืองพิษณุโลก
13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมแพทย์และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน เข้าตรวจสอบเหตุ เหตุยิงกันและมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ภายในร้านผ้าม่านแห่งหนึ่ง ริมถนนศรีถมอรัตน์ ใกล้วัดสระไม้แดง ตำบลอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
พบผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นผู้หญิง อายุ 40 ปี ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอย และเป็นผู้ชาย อายุ 47 ปี เสียชีวิตอยู่ใกล้กัน โดยมีปืนพกสั้น 9 มม.ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
จากกันสอบถามทราบว่าทั้งคู่เคยเป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และร่วมกันเปิดร้านผ้าม่านมานานกว่า 7 ปี ก่อนหน้านี้มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนตัดสินใจแยกทาง และเพิ่งไปลงบันทึกประจำวันเพื่อขอแบ่งทรัพย์สินเมื่อไม่กี่วันก่อน กระทั่งฝ่ายชายบันดาลโทสะ ก่อเหตุยิงภรรยาเสียชีวิตในห้องครัวของร้าน ก่อนใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองหนีความผิด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เก็บอาวุธปืนและหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้ตรวจสอบ พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองส่งโรงพยาบาลพุทธชินราชเพื่อชันสูตรพลิกศพ ก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา ขณะเดียวกันจะทำการสอบสวนพยานใกล้ชิดและผู้เกี่ยวข้องเพื่อหามูลเหตุจูงใจที่แท้จริง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
>> พบไฟเผาร่างคนไร้บ้าน ตร.ตามรวบผู้ต้องสงสัย พบสภาพมึนเมาเต็มที่ จ.ขอนแก่น
13.30 น. รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างขอนแก่นฯ ตรวจสอบเหตุไฟไหม้บุคคลและมีผู้เสียชีวิต บริเวณใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ชุมชนเทพารักษ์ 4 ถนนหลังศูนย์ราชการ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
ที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเพศชาย สภาพถูกไฟไหม้เกือบทั้งตัว อาสาสมัครฯพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ และแพทย์เวรนิติเวช ร่วมชันสูตรพลิกศพ ก่อนมอบให้รถกู้ภัยนำร่างส่งชันสูตรภาควิชานิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป
หลังรับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น พร้อมตำรวจมาตรวจสอบจนกระทั่งพบชายต้องสงสัย จึงได้ออกติดตาม พบตัวบริเวณใต้ทางรถไฟที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มาก และเมื่อนำรูปมาเปรียบเทียบ กับภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าเป็นคนเดียวกัน จึงได้ควบคุมตัว โดยเป็นชายไทย อายุ 35 ปี ลักษณะเป็นคนไร้บ้าน อยู่ในอาการมีนเมา พูดจาวกวนไปมาไม่รู้เรื่อง ทราบว่าหลังก่อเหตุได้เดินข้ามถนนมิตรภาพ ก่อนที่จะนำหมวกและกระเป๋าไปทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ไปเก็บหลักฐาน และเมื่อตรวจค้นภายในตัวพบไฟแช็คจำนวน 2 อัน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ไปเพื่อรอให้อาการเมายาสงบลง เพื่อจะได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม
>> บันไดปูนถล่ม ทับร่างช่างไฟเสียชีวิต ขณะต่อเติมอาคารย่านห้วยขวาง
15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เกิดเหตุสลดขึ้นที่ งานก่อสร้างอาคารแห่งหนึ่ง ถนนเทียมร่วมมิตร แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. โดยชายไทย อายุ 35 ปี ช่างไฟที่ทำงานต่อเติม ถูกบันไดปูนที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมาทับร่างจนเสียชีวิต
ที่เกิดเหตุ เป็นบริเวณที่มีการขยายต่อเติมด้านหน้าอาคาร ซึ่งมีบันไดปูนสำหรับขึ้นชั้น 2 ของส่วนต่อเติมนี้พังถล่มลงมา โดยพบร่างของนผู้เสียชีวิตถูกซากบันไดทับจมกองเลือด
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายเป็นช่างไฟที่รับเหมางานก่อสร้างแห่งนี้ โดยบันไดซีเมนต์จุดเกิดเหตุเพิ่งมีการหล่อเมื่อวานนี้ (วันที่ 27 ก.ย.) สาเหตุคาดว่าเกิดจากการที่ผู้ตายไปรื้อถอนไม้ค้ำยันด้านล่างบันไดออก ซึ่งอาจเป็นเพราะปูนยังไม่แห้งสนิทหรือยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมในการถอดแบบ ทำให้บันไดพังถล่มลงมาทันที สร้างความตกตะลึงให้กับเพื่อนร่วมงานที่กำลังขนกระเบื้องอยู่ใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์เวร ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และได้เก็บอุปกรณ์ เช่น ค้อนและชะแลงเหล็กไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะให้มูลนิธิฯ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานแวดล้อม ทั้งเพื่อนคนงาน ผู้ควบคุมงาน และผู้ดูแลสถานที่ เพื่อสรุปรายละเอียดและสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุต่อไป
>> นายกรัฐมนตรี ยืนยัน พร้อมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29 - 30 ก.ย. นี้ส่วนคะแนนนิยมมากขึ้นนั้นถือ "เป็นน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ"
17.07 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พร้อมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29 - 30 ก.ย. ได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ตามรัฐธรรมนูญนายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ
ส่วนความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนักคะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีก็เพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับ นโยบาย และเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะต้องไม่ไปหลงใหลได้ปลื้มกับโพลความนิยม หากถามว่าดีใจหรือไม่ ตนเองดีใจ ซึ่งเป็นเครื่องเตือนสติว่ามีความคาดหวังเกิดขึ้นจากประชาชน ซึ่งการที่ประชาชนคาดหวัง ให้กำลังใจ และให้ความเชื่อมั่น ถือเป็นน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ เราก็ต้องทำงานอย่างหนัก ทำงานตอบแทนเพื่อไม่ให้น้ำทิพย์เป็นยาพิษ พร้อมยอมรับว่ากดดัน เพราะการทำงานต้องมีแรงกดดัน แต่เราต้องไม่ท้อถอย และต้องทุ่มเท ซึ่งสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย หากจำได้นั้น คือการทำได้เร็ว ทำได้เลย ซึ่งช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานนัก ก็เข้ารูปแบบการทำงานของพรรคภูมิใจไทย เราอาจจะผ่านมาในช่วงที่ประเทศไทย ต้องการเห็นผลควิกวินมาโดนตลอด ดังนั้น เราจึงมีความคล่องตัว และถนัดในการทำงานแบบควิกวิน และขณะเดียวกันจะมีการวางแผน และวางฐานให้กับรัฐบาลชุดต่อไป เพื่อเข้ามาสานต่อได้
>> “ฉก.พัน.ร.ที่ 1” ห่วงใย ใส่ใจกำลังพลในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ พื้นที่ ยะลา
17.30 น. หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 1 (ฉก.พัน.ร.ที่ 1) โดย ผบ.ร้อย.ร.ฉก.พัน.ร.ที่ 1 กำกับดูแลการปฏิบัติภารกิจของกำลังพล อีกทั้ง ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังพลตามแผนเชิงรุก ในรูปแบบการลาดตระเวน และการตั้งจุดตรวจแบบ Pop Up ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบไปด้วยพื้นที่ป่าภูเขา และพื้นที่จุดเสี่ยง/จุดล่อแหลมต่างๆ เพื่อเป็นการจำกัดเสรีความพยายามในการปฏิบัติของฝ่ายตรงข้ามที่อาจจะลักลอบเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบ ภายใต้กลุ่มงานตามนโยบายเกี่ยวกับ การควบคุมพื้นที่ ด้านความมั่นคง
ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของหน่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งให้เป็นไปตามนโยบาย/สั่งการของผู้บังคับบัญชา เพื่อความปลอดภัยของกำลังพล และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อีกทั้ง เพื่อให้กำลังพลมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาทต่อสถานการณ์ในพื้นที่ และสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ดำเนินการฯ ณ พื้นที่ปฏิบัติการของ ฉก.พัน.ร.ที่ 1 ใน ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา
>> รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน กลางถนนบางกรวย-ไทรน้อย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน มีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต บริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อย ฝั่งมุ่งหน้าตลาดบางบัวทอง ในพื้นที่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ (ไม่ทราบรุ่น) ขนาด 150 ซีซี ล้มคว่ำอยู่บนเกาะกลางถนน และใกล้กัน พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นจีออโน่ สีเทา และ รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ สีดำ-แดง ล้มคว่ำอยู่กลางถนน
ตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชายไทย อายุ 38 ปี และมีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาสากู้ภัยช่วยเหลือและนำส่ง รพ. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ ผู้บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
17.54 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิสว่างสรรเพชญฯ มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์กระบะ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บริเวณถนนบ้านหัวเข้ สาย 2 ในพื้นที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีฟ้า - ขาว ลักษณะชนกับรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 40 - 50 ปี มีอาการสาหัส ทางอาสาสมัครให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งต่อให้รถพยาบาลนำส่ง รพ. และได้รับแจ้งว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่ายาง
>> คนร้ายยิงรองนายก อบต.บือเระ เสียชีวิต ตร.อยู่ระหว่างตรวจสอบ
19.41 น. ศูนย์วิทยุสายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับรายงานจากรพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ว่ามีการฆ่ากันตาย จึงแจ้งต่อไป สภ.สายบุรี ว่า มีเหตุยิงกันที่ ข้างบ้านหลังหนึ่ง ม.3 ต.บือเระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายมะเย็ง อายุ 63 ปี รองนายก อบต.บือเระ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
>> นายกฯ ตรวจคืบหน้าซ่อมถนนทรุด มั่นใจไม่เสียหายเพิ่ม ชี้ อีก1-2 วันเสร้างคืนผิวจราจร
21.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ร่วมลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบแนวทางการทำงาน พร้อมรับฟังข้อมูลจากทางกลุ่มวิศวกรผู้ควบคุมงาน เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อสรุปความคืบหน้าในการปฎิบัติภารกิจ
นายอนุทิน กล่าวว่า ในครั้งนี้มาติดตามเรื่องของการป้องกันความปลอดภัย และการสไลด์ของดิน ซึ่งขณะนี้สิ่งที่เรามั่นใจและคลายความกังวล ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกคือเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สินเพิ่มมากกว่านี้ สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทางผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการเยียวยา รวมไปถึงชดใช้ นอกจากนี้ทุกฝ่ายพยายามจะทำให้รวดเร็วควบคู่กับความปลอดภัย โดยขณะนี้เสร็จสิ้นขั้นตอนการเทคอนกรีต เพื่ออุดรอยรั่วต่างๆ และอยู่ระหว่างการพ่นคอนกรีตแบบพิเศษ ซึ่งในอีก 1-2 วัน ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการสร้างคืนพื้นผิวการจราจรด้วยการนำทรายหินคลุกมาเท
จากนั้นจะใช้ยางมะตอยมาเทเพื่อเกลี่ย ปรับปรุงพื้นผิวการจราจร เพื่อสำหรับเปิดให้ใช้เส้นทางถนนได้ตามปกติ ถึงแม้ว่าหลังจากนี้อาจมีฝนตกลงมาก็ไม่มีความกังวลแม้แต่อย่างใด เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำถึง 2 เครื่อง และจะไม่ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดน้ำท่วมขัง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง เบื้องต้นได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เป็นผู้ดำเนินการหาเร่งหาสาเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป
>> แผ่นดินไหว ขนาด 2.6 ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา
02.52 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.6 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 170 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย