วันที่ 28 กันยายน 2568 เวลา 11:26 น.
วันที่ 28 กันยายน 2568 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากพายุ "รากาซา" ที่ทำให้มวลน้ำในแม่น้ำปิงขึ้นสูงสุดที่ สะพานนวรัฐ P1 3.93ม. 441 ลบม./วินาที ผ่านไปเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำในแม่น้ำปิงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ได้มีการยกบานพ้นน้ำทั้ง 6 ช่องบาน อัตราการไหลลงท้ายน้ำในช่วงเช้าวันนี้ 394 ลบ.ม.ต่อวินาที
จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการซ่อมแซมคันดินเล็กฝั่งซ้าย ที่อยู่ด้านท้ายของประตูระบายน้ำท่าวังตาล เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าสู่พื้นที่ ต.ท่าวังตาล ต.ป่าแดด วงแหวนรอบ 2, 3 และ อ.สารภี ผลการตรวจสอบคันดินยังมีสภาพมั่นคงแข็งแรง สามารถรองรับมวลน้ำในแม่น้ำปิงกรณีล้นตลิ่งท้ายประตูระบายท่าวังตาลได้
พื้นที่ตอนล่างของเมืองเชียงใหม่เจ้าหน้าที่ชลประทานทำการยกบานประตูระบายน้ำที่ฝายดอยน้อย อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ พ้นน้ำเพื่อเร่งการระบายน้ำให้เร็วขึ้นทั้ง 6 ช่องบาน รวมปริมาณน้ำไหลลงท้ายน้ำ 743.44 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำหน้าฝาย ต่ำกว่าระดับเก็บกักปกติ 0.7 ม. ส่วนของประตูระบายน้ำแม่สอย อ.จอมทอง ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำตัวสุดท้ายของลำน้ำปิง ที่จะระบายน้ำปิงลงสู่ทะเลสาบดอยเต่า มีการยกบานความสูง 2.0 เมตร ทั้งหมด 10 ช่องบาน รวมปริมาณน้ำไหลลงท้ายน้ำ 915.29 ลบ.ม.ต่อวินาที
นายเกื้อกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า
สำหรับการยกบานประตูระบายน้ำตั้งแต่เขตพื้นที่เมืองเชียงใหม่ จนถึงประตูระบายน้ำแม่สอย ที่เป็นตัวสุดท้ายของลำน้ำปิง ก็เพื่อเร่งระบายน้ำหลากที่ไหลมาจากทางตอนเหนือ และพื้นที่เขตเศรษฐกิจตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อดึงมวลน้ำลงสู่ทะเลสาบดอยเต่า เพิ่มช่องว่างในลำน้ำปิง เพื่อรองรับพายุ "บัวลอย" ตามที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้คาดการณ์ว่า จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในห้วงระหว่างวันที่ 29 - 30 ก.ย. และวันที่ 1 ต.ค. 68 นี้ มีการเตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ กำลังเจ้าหน้าที่ไว้พร้อมให้การสนับสนุนเช่นกัน


