หน้าแรก > สังคม

รฟม. - ผู้รับจ้าง เร่งแก้ไขถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล ให้คืนสภาพการจราจร ภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมดูแลเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 15:56 น.


วันนี้ (25 กันยายน 2568) นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมด้วย กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที - พีแอล และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน PMCSC 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ร่วมแสดงเจตจำนงขออภัยประชาชนทุกท่านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นมา

โดย รฟม. และผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา ยืนยันพร้อมรับผิดชอบ ดูแลแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และจะเยียวยาประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างดีที่สุด โดย รฟม. ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและเยียวยาผู้รับผลกระทบ โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์ และลงพื้นที่ดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบทันที

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้ รฟม. ตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. เพื่อยืนยันความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน โดย รฟม. ได้ดำเนินการตรวจสอบในจุดต่างๆ แล้ว ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานการก่อสร้าง

ในส่วนของการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. ขอเรียนชี้แจงรายละเอียดลำดับเหตุการณ์เป็นเชิงประจักษ์ คือ เวลาประมาณ 05.00 น. มีประชาชน พบเห็นว่าพื้นผิวถนน เริ่มมีการต่างระดับ รถวิ่งได้อยู่ แต่ว่าผิวถนนไม่ได้เรียบ ในช่วง 05.30 น. เริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมาบนผิวถนน จนกระทั่งตำรวจจราจรต้องมาอำนวยการจราจร ทำให้พื้นที่การจราจรลดลงเหลือ 1 ช่องทาง ต้องกันบริเวณเพิ่มเติม เหตุการณ์ช่วงนี้ทางโครงการฯ ได้ประสานทางการประปานครหลวง เพราะทราบว่าน้ำน่าจะมาจากการรั่วไหลของท่อประปาที่อยู่ใต้นั้น แต่การแก้ไขยังดำเนินการไม่ได้ทันท่วงที สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงใกล้ 07.00 น.เริ่มมีการพังทลายของตัวพื้นผิวจราจรลงไป และต่อเนื่องไปจนถึง 07.30 น.จากเหตุการณ์ที่เกิดระหว่างเวลา 05.00-07.30 น. สิ่งที่เห็นจริงๆ มีดินและน้ำหายไปจากบริเวณนี้ เป็นวงกว้าง ประมาณ 30x30 ลึกลงไปเกือบ 20 เมตร ดินและน้ำเหล่านี้ หายเข้าไปในตัวโครงสร้างสถานีวชิรฯ ซึ่งเป็นที่ว่างอยู่ในชั้นห้องโถงผู้โดยสาร ชั้นชานชาลา สถานีนี้ เป็นสถานีที่เป็นอุโมงค์ 2 ชั้นและบางส่วนดิน หายเข้าไปในอุโมงค์ที่เจาะ ด้วยหัวเจาะไว้เรียบร้อยแล้ว ตัวดินและน้ำ ยังมีสะสมอยู่ในตัวสถานี ลึกเข้าไปจากผนัง ยาวประมาณ 50 เมตร อีกส่วนเข้าไปในตัวอุโมงค์ชั้นบน ประมาณ 10 กว่าเมตร ส่วนน้ำแผ่ไปตามพื้น ขยายไปค่อนข้างไกล

ที่อธิบายในเรื่องลำดับเหตุการณ์ เพื่อจะบอกว่า ทางรฟม.ที่ปรึกษา ผู้ร่วมงานและผู้รับจ้าง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการตรวจสอบ แต่ต้องขอเวลาในการให้ผู้เชี่ยวชาญ ในทุกด้าน เข้าไปตรวจสอบรายละเอียด ขณะนี้ยังทำรายละเอียดอย่างนั้นไม่ได้ เนื่องจากมีดินและโคลน ยังอยู่ในตัวสถานีจำนวนมาก ต้องใช้เวลา แต่สิ่งที่จะต้องดำเนินการเบื้องต้น คือจะพยายามหยุดการเคลื่อนของดินและหยุดการพังทลายของดินเพิ่มเติม และคืนสภาพพื้นที่ให้ประชาชน รวมทั้งโรงพยาบาล ได้ใช้งานโดยปกติเร็วที่สุด

จากาการลำดับเหตุการณ์เบื้องต้น สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากสภาพของดินในบริเวณนี้ ร่วมกับน้ำที่อยู่ใต้ดิน ทำให้สภาพของดิน มีการเปลี่ยนพฤติกรรมไป เสถียรภาพของดินเปลี่ยนแปลงไป เป็นลักษณะพิเศษ มีผลให้ทรุดตัวลงไป ส่งผลให้ท่อประธานที่อยู่ในระดับลึกลงไป 3 เมตร มีผลให้มีการชำรุด และน้ำประปา รวมทั้งท่อน้ำเสีย และน้ำทั้งหลาย ปนเปไปกับดินตรงนั้น ทำให้พฤติกรรมของดิน ที่เสียเสถียรภาพไปแล้ว ยิ่งเสียเสถียรภาพมากขึ้นไปอีก ก็เอ่อขึ้นมา ส่วนนึงก็พยายามลงไปข้างล่าง ตามช่องต่างๆ ที่จะหาได้ ท้ายที่สุด ก็เริ่มเข้าไปที่รอยช่องว่างที่มีระหว่างตัวสถานีกับตัวอุโมงค์ แรงดันมหาศาลของดินและน้ำที่เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นของเหลว ก็ทำให้รอยรูต่างๆขยายวงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็เกิดการพังเข้าไป ตัวมวลดินและน้ำทะลักเข้าไปอย่างที่เราเห็น นี่คือข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ที่เกิดจากการลำดับเหตุการณ์และการประเมินในเชิงวิชาการ

ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน ของรฟม. ดำเนินการมาเป็น 10 ปีแล้ว ด้วยเทคนิค ที่เป็นมาตรฐานวิชาการ มีผู้ออกแบบ ผู้รับจ้างก่อสร้าง และผู้รับสัมปทานที่เป็นมืออาชีพ มีมาตรฐาน ในดำเนินงานมาโดยตลอด เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดเป็นครั้งแรก เป็นเหตุการณ์พิเศษ หลังจากนี้ ทางกระทรวงคมนาคม ทางรฟม.และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญต่างๆ จะมาร่วมกัน ในการตรวจเพื่อหาต้นตอ หรือต้นเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะกำหนดมาตรการหรือมีหลักการคำนวนเพิ่มเติมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ในส่วนของการแก้ไขสถานการณ์ รฟม. ตั้งเป้าหมายที่จะหยุดการเคลื่อนตัวของดินให้ได้เร็วที่สุด เพื่อจำกัดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ให้ขยายตัวอีก โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ ได้เร่งดำเนินการปิดจุดที่ดินและน้ำรั่วเข้าอุโมงค์รถไฟฟ้าบริเวณผนัง D-Wall สถานีด้านทิศเหนือ โดยใช้วิธีถมถุงทรายลงไปปิดรอยรั่วของอุโมงค์ประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร และถมหินคลุก แล้วเทคอนกรีตหนา 3-4 เมตร เพื่อป้องกันการไหลของดินเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าและอุโมงค์ จากนั้นจึงทำการถมทรายขึ้นมาจนถึงระดับดินเดิมแล้วคืนสภาพผิวจราจร

ปัจจุบัน รฟม. ได้ประชุมร่วมกับ ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที - พีแอล และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน PMCSC 1 รวมถึงผู้ออกแบบ บริษัท AECOM ซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาแล้ว มีข้อสรุปว่า จะเร่งดำเนินการแก้ไขเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย

​ระยะที่ 1 เร่งการคืนสภาพผิวจราจรภายใน 14 วัน เพื่อลดผลกระทบด้านจราจรให้ประชาชน

ระยะที่ 2 : เร่งดำเนินการซ่อมแซมโครงสร้างอาคารโดยรอบที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้รับจ้างจะรับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงจะเยียวยาประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ รฟม. ขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า ทุกๆ การดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ของ รฟม. ได้ดำเนินการภายใต้มาตรฐานการก่อสร้าง มีการออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง และความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรมทุกขั้นตอน โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะร่วมกันตรวจเพื่อหาต้นตอต้นเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม