24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 19 กันยายน 2568
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ 2 คุณป้าเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.ด้วยกันทั้งคู่
06.00 น. รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถนั่งส่วนบุคคล และมีผู้เสียชีวิต บนถนนศรีเกษม ใกล้เคียงร้านดรีมคาร์ ซุปเปอร์วีลส์ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง - ขาว ป้ายทะเบียน สุราษฎร์ธานี ลักษณะชนกับรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีเทา ป้ายทะเบียน ภูเก็ต ตรวจสอบพบว่ามีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ทางอาสาสมัครเร่งให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.สุราษฎร์ธานี และได้รับแจ้งว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมาทั้งคู่ ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 60 ปี และอายุ 61 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี
>> รถกระบะพลิกคว่ำลงข้างทาง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
11.30 น. รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักพลิกคว่ำ มีทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 41 ใกล้เคียง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ในพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ ฟอร์ด สีเทา ป้ายทะเบียน กระบี่ ลักษณะพลิกคว่ำ ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นชาย 1 และหญิง 2 ราย ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ทุ่งใหญ่ และมีผู้เสียชีวิต เป็นชายไทย 2 ราย อายุ 35 ปี และเด็กชาย อายุ 5 ขวบ ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่
>> ธปท. ยืนยัน กระแสข่าวการโอนเงินเข้า-ออกบัญชีตัวเอง จะถูกอายัดบัญชี เป็นข่าวปลอม
12.06 น. นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงถึงกรณีที่มีเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลถึงกระแสการโอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง กลับ ไป-มา จะถูกอายัด โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องจริง
ธปท. ได้สอบถามไปยังชมรมทุจริต (Fraud) ของธนาคารพาณิชย์ พบว่าเป็น Fake News อย่าหลงเชื่อ และอย่าอาศัยช่วงกระแสกรดำเนินมาตรการต่อเส้นเงิน ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ภัยไซเบอร์ ที่พยายามจะกักเงินผูัเสียหายให้ได้มากที่สุด แต่จะต้องลดผลกระทบต่อผูับริสุทธิ์ให้น้อยที่สุด ซึ่งจำเป็นต้อง Trade off (การแลกเปลี่ยน หรือ การตัดสินใจแบบได้อย่างเสียอย่าง) เพื่อจำกัดการทำงานของบัญชีม้าให้ทำงานยากขึ้น และมีน้อยลง จะเป็นการป้องกันปัญหาในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ธปท. ตำรวจ และศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ได้ปรับกระบวนการปลดล็อกการระงับบัญชี และปรับปรุงกลไกให้กระทบผู้สุจริตน้อยที่สุดเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับระบบการเงินของไทย อย่างไรก็ตาม ธปท. ได้จัดเวทีสัมมนา BOT Symposium 2025 “เท่าทันภัยการเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าต่อไประบบการเงินของไทยจะมีความปลอดภัย สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
>> ทนายหนุ่มชาวอเมริกัน ชื่นชมตำรวจภูเก็ต ทำงานรวดเร็ว หลังเป็นเหยื่อ 4 โจรอังกฤษ ชิงทรัพย์นาฬิกาหรู 2.3 ล้านบาท
12.32 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีช่วงบ่ายวันที่ 18 กย. 68 เกิดเหตุคนร้ายเป็นชาวต่างชาติ ขับรถเก๋งไล่ชนหนุ่มชาวอเมริกัน อายุ 40 ปี อาชีพทนายความที่มาท่องเที่ยวที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนน ทางไปลายัน ซอย 7 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แล้วมีคนร้ายขับขี่รถเก๋งพุ่งชน จากนั้นข่มขู่ชิงทรัพย์นาฬิกาหรู มูลค่า 2,300,000 ล้านบาท ไป
ล่าสุดคนร้าย ซึ่งเป็นชาวชาวอังกฤษ จำนวน 4 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว โดยจับได้ที่วิลล่าหรู บริเวณหลัง อบต.เชิงทะเล พร้อมยึดรถ 3 คัน ปืน 2 กระบอก และนาฬิกา ของผู้เสียหายจำนวน 1 เรือน
ซึ่งวันนี้ ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่ สภ.เชิงทะเล เพื่อให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีประสบการณ์ก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนอย่างแน่นอน และมีการวางแผนและเฝ้าติดตามตนมาก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อความเชื่อมั่น เพราะตนยังมั่นใจว่าประเทศไทย ยังคงเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ได้กล่าวขอบคุณตำรวจ ตนเดินทางมาเยือนไทยมากกว่า 60 ครั้ง และถือว่าไทยเป็นบ้านหลังที่สอง เหตุการณ์นี้ไม่ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อประเทศไทยเปลี่ยนไป แต่กลับประทับใจในความเป็นมืออาชีพและการตอบสนองอย่างทันท่วงทีของเจ้าหน้าที่ไทยมากยิ่งขึ้น ช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จนจับกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
>> "บิ๊กเต่า" สั่งสอบใหญ่ คดีบริษัทรับเหมาทิ้งงานบ้านหรู มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้าน – เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
13.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีบริษัทรับเหมาสร้างบ้านรายใหญ่ทิ้งงานว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายกว่า 200 คน รวมตัวร้องเรียนต่อ ปปง. และกองปราบปราม มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 300 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวรับสร้างบ้านราคา 3–10 ล้านบาท แต่ก่อสร้างได้เพียง 40–50% หรือเบิกเงินเกินวงเงินแล้วทิ้งงานไปทำโครงการใหม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า คดีนี้เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน กองปราบจะเป็นผู้ดำเนินการหลัก และอยู่ระหว่างพิจารณาการทำงานร่วมกับ ปคบ. โดยจะรวบรวมผู้เสียหายจากทุกภูมิภาคมาสอบพร้อมกันหลายสิบราย เพื่อให้การสอบสวนเป็นเอกภาพ คาดยอดผู้เสียหายอาจสูงถึงเกือบ 1,000 ราย เนื่องจากบริษัทเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2566–2568 และมีลูกค้าทั่วประเทศ
>> ประธานสภา ชี้แถลงนโยบายรัฐบาลไม่ทัน 25-26 ก.ย. แต่คาดไม่เกิน 1 ต.ค.
13.02 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ว่าต้องรอรัฐบาลแจ้งมาที่สภา ว่าพร้อมจะแถลงนโยบายช่วงไหน จากนั้นวิป 3 ฝ่ายจะประชุมเพื่อกำหนดวันและเวลา ซึ่งตนติดตามอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาล ซึ่งการแถลงนโยบายจะต้องดำเนินการ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 25-26 กันยายนนี้ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่ายัง ต้องรอรัฐบาลพร้อม และแจ้งต่อสภาว่าจะแถลงนโยบายช่วงไหน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้ว ว่าหลังถวายสัตย์ปฏิญาณจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่เกิน 15 วัน แต่ยืนยันว่าทางสภาจะรีบดำเนินการให้โดยเร็ว
ขณะที่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 กันยายน นี้ เนื่องจากตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กำหนดว่าการบรรจุวาระจะต้องแจ้งล่วงหน้า 5 วัน
"หากนับจากวันที่ 24 กันยายน คาดว่าจะแถลงนโยบายได้วันที่ 29-30 กันยายน หรือ 30 กันยายน-1 ตุลาคม โดยวิป 3 ฝ่ายจะมีการหารือวันที่ 25-26 กันยายนนี้ ซึ่งจะได้ข้อสรุปว่าจะแถลงนโยบายรัฐบาลวันใด"
>> อนุทิน เผย ผู้นำมาเลเซีย ต่อสายเชิญร่วมประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน หลังรับตำแหน่งนายกฯ ปัด คุยเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา
15.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่า นายอันวาร์ ได้โทรมาหาตอน พร้อมกล่าวว่าหากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งตนพร้อมเดินทางไปอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ไม่ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านหนองจานเลย พร้อมยืนยันว่ายังไม่สามารถพูดได้ เพราะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ยังมีรัฐบาลรักษาการอยู่ ตนจะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้ก็ต่อเมื่อเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องนโยบายและข้อสั่งการต้องรอให้มีการแถลงนโยบายต่อสภาเรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งยังมีขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ขณะนี้เราก็เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด
ส่วนที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โทรหานายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้เข้ามาแทรกแซงความขัดแย้งไทย-กัมพูชานั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงอธิปไตยของประเทศไทยได้ เรื่องการพูดคุยก็เป็นคนที่รู้จักกันทั้งนั้น แต่เมื่อมาถึงจุดที่เราต้องรักษาประโยชน์ขอให้มั่นใจว่าเมื่อตนเข้ารับตำแหน่งแล้ว ต้องยึดประโยชน์ ศักดิ์ศรี อธิปไตย เกียรติภูมิของประเทศไทย เป็นเป้าหมายหลักอยู่แล้ว ไม่มีใครเคลียร์ได้
>> DSI ค้นอาคารต้องสงสัย ในพื้นที่ปทุมธานี พบลอบทำเหมืองขุดบิตคอยน์
17.06 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลงพื้นที่ตรวจค้นอาคารพาณิชย์และบ้านเช่าใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รวม 25 จุด หลังได้รับแจ้งการลักลอบใช้ไฟฟ้าทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล หรือบิตคอยน์ ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหาย และกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
จากการตรวจค้นทั้ง 25 จุด พบเครื่องขุดบิตคอยน์ประมาณ 600 เครื่อง แต่ไม่พบผู้ต้องหา โดยการกระทำผิดมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน มีการดัดแปลงตัวอาคารป้องกันความร้อนและเสียงแนบเนียนยิ่งขึ้น มีการกระจายไปยังพื้นที่ชุมชน แทนที่จะรวมกลุ่มไว้เป็นจุดเดียว เช่าโกดังหรือบ้านหลังใหญ่แบบเดิม
โดยเตรียมขยายผลว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน รวมกรณีนี้ รัฐเสียหายจากการลอบใช้ไฟฟ้าทำเหมืองบิตคอยน์แล้ว 738 ล้านบาท
>> ตร. - ทหาร สกัดจับรถต้องสงสัย ขับหลบหนีขับย้อนศร ชนรถเสียหายรวม 6 คัน ค้นในรถพบ "เคตามีน 3 ถุง"
17.15 น. ร.ต.อ.รัตนชัย สลับศรี รอง สว.จราจร สน.บางเขน พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางขน ปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจร บริเวณจุดกลับ หน้ากรมทหารราบที่ 11 ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารมาขอความช่วยเหลือ ว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยขับเข้าไปในกองการบินศูนย์การเคลื่อนย้าย กองทัพบก และไม่ยอมให้ตรวจค้นและได้ขับหลบหนีออกมา หลบหนีมุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงได้แจ้งสกัดจับเมื่อไปถึงสะพานข้ามคลองบางบัว
พบว่ารถยนต์คันดังกล่าว ได้เลี้ยววกกับย้อนศรมุ่งหน้าวงเวียนบางเขน และได้เฉี่ยวชนกับรถประชาชน สัญจรไปบ้านทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็น ชาย 1 ราย รถยนต์ได้รับความเสียหายจำนวน 4 คัน รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน รถยนต์คันดังกล่าวด้วยครับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางวงเวียนบางเขนเลี้ยวซ้ายออกถนนแจ้งวัฒนะขาออก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไล่ติดตาม ไปพบรถยนต์คันดังกล่าวเสียหลักปีนฟุตบาท หน้าพลัมคอนโด และได้ชนกำแพงทรัพย์สินของพลัมคอนโดได้รับความเสียหาย ส่วนรถผู้ก่อเหตุได้รับความเสียหายยางซ้ายล้อหน้าแตกจึงขับต่อไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ควบคุมตัวและตรวจค้นรถยนต์และบุคคลดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 3 ถุงเล็ก ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างขวามือของผู้ที่ก่อเหตุในขณะตรวจค้น จึงได้นำตัวผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เบื้องต้นได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ผลปรากฏว่าไม่พบ จึงได้จัดทำบันทึกจับกุมพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยพหลโยธิน 54/4 เสียหายวอดทั้งห้อง
19.14 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยพหลโยธิน 54/4 แยก 3-4 ถนนพหลโยธิน แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวคอนกรีต 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บน ภายในห้องนอน เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งห้อง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 16 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งห้อง ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 37 ปี มีอาการบาดเจ็บหัวเข่าข้างขวาเล็กน้อย อาสาสมัครปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสายไหม
>> ชายอินเดียตกจากห้องพักชั้น 5 ร่างกระแทกหลังคาด้านล่าง เสียชีวิต
19.36 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุมีบุคคลพลัดตกจากที่สูง เสียชีวิต เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านพัทยาใต้ ริมถนนทัพยา เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ บนหลังคาพบร่างผู้ชายชาวต่างประเทศ สัญชาติอินเดีย ตกจากชั้นที่ 5 อยู่ในสภาพศีรษะทะลุปักอยู่ใต้หลังคา เสียชีวิตคาที่อยู่บนหลังคา เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ตรวจสอบและเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตออกด้วยความทุลักทุเล ตรวจสอบภายในห้องพัก ไม่พบร่องรอยการต่อสู้รื้อค้นทรัพย์สินแต่อย่างใด
เบื้องต้น ร.ต.ท.ภูผา โฮงยากุล รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฯ เคลื่อนย้ายร่าง ผู้เสียชีวิตส่งตรวจ ชันสูตรพลิกศพยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมทั้งจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดรวมไปถึงพยานแวดล้อม เพื่อสรุปสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
>> รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถบรรทุก มีผู้เสียชีวิตกลางถนนเอกชัย - บางบอน
22.40 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถบรรทุกชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต ถนนเอกชัย - บางบอน ขาเข้า มุ่งหน้าบางบอน 3 ที่บริเวณใกล้เคียง สน.บางบอน ในพื้นที่เขตบางบอน กทม.
ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน กำแพงเพชร จอดอยู่กลางถนน ที่ใต้ท้องรถ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 29 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางบอน
>> หนุ่มเมา ควงมีดคัตเตอร์บุกแทงพนักงานสาวร้านสะดวกซื้อ บาดเจ็บสาหัส จ.นนทบุรี
23.00 น. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด รับแจ้งมีคนเมาบุกเข้ามาใช้อาวุธมีดทำร้ายพนักงาน ของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ในซอยวัดกู้ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ ภายในร้านพบกองเลือดจำนวนมากและอาวุธมีดตกอยู่ที่พื้น ส่วนคนเจ็บทราบว่าคือ หญิงไทย อายุ 32 ปี เป็นพนักงานของร้านดังกล่าว ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณลำคอและแขน อาการสาหัส พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์นำตัวส่ง รพ.วิภาราม ปากเกร็ด ส่วนคนก่อเหตุอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งหลบหนีไป
สอบถาม พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์และเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บนำส่ง รพ. ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เข้ามาซื้อน้ำแข็งที่ร้าน เห็นชายคนก่อเหตุลักษณะคล้ายคนเมาเดินถือมีดเข้ามาที่เคาร์เตอร์ ถามว่าใครด่าตน ทางคนเจ็บได้ตอบว่าตนเองเป็นคนด่า จากนั้นคนก่อเหตุได้เดินเข้าไปด้านในเคาร์เตอร์ ตรงเข้าไปหาพี่พนักงานแล้วก็ใช้มีดจ้วงแทง ตนเลยวิ่งเข้าไปช่วยแย่งมีดพร้อมกับพนักงานชายอีกคน ก่อนที่จะนำคนเจ็บส่งรพ. ตนไม่รู้จักและไม่เคยเห็นคนที่ก่อเหตุ ส่วนพี่พนักงานที่ถูกทำร้ายนั้น เป็นรุ่นพี่ที่ตนรู้จัก ได้ยินพนักงานของร้านบอกว่าชายคนที่ก่อเหตุก่อนหน้านี้เข้ามาที่ร้านแล้วมาลวนลามพี่พนักงานที่ถูกทำร้าย ก่อนจะย้อนกลับเข้ามาทำร้ายอีกครั้ง
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังเร่งติดตามตัวชายคนก่อเหตุ ตามเส้นทางที่พยานบอก เบื้องต้นยังไม่พบตัว
>> เพลิงไหม้บนอาคารพาณิชย์ ซอยกำนันแม้น 5 ประกอบกิจการร้านอาหารอีสาน เสียหายวอดทั้งชั้น
01.12 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ร้านอาหารอีสาน ซอยกำนันแม้น 5 ถนนกำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ประกอบกิจการร้านอาหารอีสาน และใช้เป็นที่พักอาศัย ปลูกติดกัน 12 คูหา ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่คูหาที่ 1 ชั้นที่ 2 เพลิงลุกไหม้ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 เสียหายทั้งหมด พื้นที่เสียหายโดยประมาณ 128 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางขุนเทียน
>> หนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ชนเข้ากลางลำรถบรรทุก บนถนนปู่เจ้าสมิงพราย บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
02.10 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนปู่เจ้าสมิงพราย ฝั่งมุ่งหน้าท่าน้ำวัดแหลม ใกล้เคียงธนาคารกรุงไทย สาขาปู่เจ้าสมิงราย ในพื้นที่ อ.พรประแดง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า เอนแม็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนเข้ากับ รถบรรทุก อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เป็นผู้ชาย 1 ราย อายุประมาณ 47 ปี มีอาการสาหัส และร่างติดค้างที่ตัวถังรถบรรทุก อาสาสมัครเร่งเข้าดำเนินการใช้เครื่องมืองัดรถ และให้การช่วยเหลือ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568