หน้าแรก > สังคม

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 กันยายน 2568

วันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 05:35 น.


24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 18 กันยายน 2568


>> รถบรรทุกชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนรังสิต - นครนายก คุณตาวัย 78 ปีเสียชีวิต

08.10 น. อาสาสมัครสว่างอริยะจุด องครักษ์ รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถ 10 ล้อเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนรังสิต - นครนายก ช่วงทางกลับรถใกล้เคียง มหาวิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา ในพื้นที่ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 10 ล้อ อีซูซุ ป้ายทะเบียน อุบลราชธานี ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ป้ายทะเบียน กทม. ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 78 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.องครักษ์


>> ชายวัย 31 ออกงานกะดึกกลับไปรับลูกนำส่งโรงเรียน ระหว่างขี่จักรยานยนต์เพื่อกลับบ้าน รถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิต

08.30 น. รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนเสาไฟฟ้าและมีผู้เสียชีวิต ริมถนนสิริโสธร ขาเข้ามุ่งหน้าบางปะกง ใกล้แยกเทศบาล 2 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน ฉะเชิงเทรา ล้มคว่ำอยู่บนถนนเลนซ้าย ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 31 ปี

เบื้องต้น ทราบว่า ผู้เสียชีวิต ก่อนเกิดเหตุเพิ่งเลิกงานกะกลางคืน เดินทางกลับบ้านเพื่อรับลูกไปส่งที่โรงเรียน ระหว่างขากลับจะมุ่งหน้ากลับบ้าน เกิดเหตุรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพุทธโสธร


>> นายกฯ นำทีมเศรษฐกิจ หารือสภาหอการค้าฯ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง

09.30 น. ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่คนที่แปลกหน้าแปลกตา สำหรับตนเองเรารู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว มีความสนิทสนมคุ้นเคย และเคารพนับถือกันมาเป็นอย่างดี

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ที่ตนเองเดินทางมาในวันนี้เพื่อมาพบกับทุกคน และนำคณะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจมาให้ทุกท่านได้รู้จัก ซึ่งตนเองมั่นใจว่า ทุกท่านรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่การมาในวันนี้ตั้งใจที่จะมารับฟังในรายละเอียด หารือ และรับข้อเสนอแนะจากทางหอการค้าไทย พร้อมเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่อยู่ในประเทศไทยให้มีความกระชับ และมีความเข้มแข็งขึ้น ภายในระยะเวลาที่เรามีอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา จะเร่งทำการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ในทันที


>> แพทองธาร–พินทองทา พร้อมสามี เข้าเยี่ยม "ทักษิณ" ที่เรือนจำคลองเปรม 

09.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และสามีของทั้งสอง ได้แก่ นายปิฏก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เดินทางไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจนายทักษิณ

เมื่อเดินทางถึงเรือนจำ มีกลุ่มคนเสื้อแดงมารอให้กำลังใจ โดยได้มอบภาพและพระเครื่องฝากไปให้นายทักษิณ พร้อมบอกกับนางสาวแพทองธารว่า ให้เก็บติดตัวไว้ จะได้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง


>> รวบสาวบัญชีม้า เอี่ยวแก๊งโรแมนซ์สแกมต่างชาติ ลวงเหยื่อโอนเงินค่าภาษีศุลกากร สูญกว่าแสนบาท

11.18 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม น.ส.ปอ(นามสมมุติ) อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

หลังจากที่ตำรวจได้มีการเร่งปราบปรามเครือข่าย “บัญชีม้า” ล่าสุดพบข้อมุลผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีโรแมนซ์สแกม ที่หลบหนีหมายจับมานานเกือบ 2 ปี โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2566 ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองแพร่ ว่าถูกมิจฉาชีพชาวต่างชาติได้สร้างโปรไฟล์ปลอมรูปภาพดูดี เข้ามาทำความรู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเข้ามาตีสนิทผู้เสียหายในลักษณะเชิงชู้สาว (Romance Scam) เมื่อพูดคุยจนตีสนิท คนร้ายขอให้ผู้เสียหายช่วยโอนเงินเพื่อชำระค่าภาษีนำเข้าก่อน จำนวนกว่า 100,000 บาท โดยอ้างว่าเมื่อได้รับของแล้วจะรีบโอนเงินคืนให้ทันที แต่ก็เหมือนกับหลายๆคดีคือถูกหลอก มีการตรวจสอบจนพบว่าบัญชีที่มีการโอนเงินไปคือบัญชีของ นส.ปอ

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ปอ อ้างว่า มีคนรู้จักมาหลอกให้ตนใช้โทรศัพท์มือถือ “สแกนใบหน้า" ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่อเปิดบัญชีออนไลน์ และให้ตนกรอกข้อมูลส่วนตัว เมื่อเปิดบัญชีออนไลน์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว บัญชีดังกล่าวก็ถูกคนรู้จักนำไปใช้ โดยที่ตนไม่เคยได้รับสมุดบัญชีหรือบัตรเอทีเอ็ม และไม่เคยทราบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีเลย จึงเชื่อว่าตนตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ใช้ใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวในการเปิดบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย และควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป


>> คุณลุงขี่ จยย.ไปซื้อของ ระหว่างชนกับรถกระบะ แล้วเสียหลักถูกรถเก๋งทับซ้ำ เสียชีวิตกลางถนนหน้าตลาดห้วยไคร้

13.00 น. ร.ต.ท.หญิง อริสา กาตาสาย พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าตลาดห้วยไคร้ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคคล โตโยต้า ยารีส สีดำ ทะเบียน กรุงเทพ ที่ใต้ท้องรถพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 54 ปี และใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ สีดำ ป้ายทะเบียน เชียงรายล้มคว่ำสภาพรถพังเสียหาย และห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบรถกระบะโตโยต้า สีดำ ป้ายทะเบียน เชียงราย จอดอยู่ริมฟุตบาทหน้าตลาดห้วยไคร้

จากการสอบถาม หญิงคนขับรถเก๋งสีดำ เล่าด้วยอาการตกใจว่า ตนเองได้ขับรถไปทำธุระที่อำเภอแม่สาย ระหว่างทางได้ขับมาตามปกติ ระหว่างถึงหน้าตลาดห้วยไคร้ ได้มีรถจักรยานยนต์ลักษณะชนกับรถยนต์กระบะ ที่กำลังถอยรถ แล้วกระเด็นมาหน้ารถของตนเอง ทำให้ไม่ทันเบรก จึงเหยียบร่างผู้ตายติดท้องรถ พบร่องรถเก๋งด้านซ้ายบุบเข้าไป

ขณะที่ คนขับรถยนต์กระบะ ได้อ้างว่า ตนเองมาซื้อสินค้าที่ตลาดห้วยไคร้ ขณะที่กำลังถอยรถออกจากริมฟุตบาท ได้เห็นกล้องถอย มีจักรยานยนต์วิ่งมาจึงใส่เกียร์เดินหน้า แต่ไม่ทันรถจักรยานยนต์ ได้ชนท้ายเต็มแรง ทำให้ท้ายด้านขวาบุบและคราบเลือดของผู้ตายติด

ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าผู้เสียชีวิต ได้ขับขี่จักรยานยนต์ไปซื้อของและอาหาร ขณะกลับบ้านมาถึงบริเวณหน้าตลาดห้วยไคร้ ได้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถยนต์กระบะก่อน ร่างกระเด็นไปถูกรถเก๋งเหยียบร่างซ้ำและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน


>> รวบ "เจ๊นุช ดอนเจดีย์" พร้อมยาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ด ตรวจยึดทรัพย์ร่วม 30 ล้านบาท

13.44 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)และตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุม นางอร (นามสมมุติ) ฉายา เจ๊นุช ดอนเจดีย์ อายุ 68 ปี พร้อมพวก โดยจับกุมได้ บริเวณหน้าร้านข้าวแกงแห่งหนึ่ง อ.วังเจ้า จ.ตาก

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าเจ๊นุช ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียาเสพติด ของ บช.ปส. เมื่อปี 2551 ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่กับพวกในพื้นจังหวัดสุพรรณบุรี กระทั่งพบข้อมูลว่าเจ๊นุชได้ร่วมกับพวก ไปรับยาเสพติดมาจากภาคเหนือ กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ติดตามมาถึงร้านข้าวแกงแห่งหนึ่ง อ.วังเจ้า จ.ตาก จึงได้เข้าแสดงตัวเข้าจับกุม และทำการตรวจค้นรถยนต์ ปรากฎว่าพบยาเสพติดจำนวน 225 มัด หรือประมาณ 450,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในข้างประตูรถยนต์คันดังกล่าว พร้อมกับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ในรถยนต์ จากนั้นมีการขยายผลเข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่ง อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่พักขของเจ๊นุช ปรากฎว่า ตรวจยึดพยานหลักฐานพร้อมทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด กว่า 50 รายการ อาทิ

เงินสดรวม จำนวน 3,353,980 บาท (รวมหลังจากขยายผลเพิ่มเติมแล้ว), รถยนต์ จำนวน 6 คัน (รวมหลังจากขยายผลเพิ่มเติมแล้ว), พระเครื่องและทองคำ จำนวน 104 ชิ้น, แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ จำนวน 11 แผ่น, สมุดบัญชีธนาคารจำนวน 6 เล่ม และ สำเนาโฉนดที่ดินจำนวน 3 ชุด

เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่ายาบ้าของกลางซื้อมาจากนายเหว่ย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จำนวน 225 มัด มัดละ 8,000 บาท เป็นเงิน 1,800,000 บาท เพื่อมาจำหน่ายให้ผู้ซื้อไม่ทราบชื่อ ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ในราคามัดละ 9,000 บาท และบางครั้งก็ส่งไปจำหน่ายที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในราคามัดละ 11,000 บาท ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งยาบ้าล็อตนี้หากถูกนำไปจำหน่าย จะมีมูลค่าถึง 20 ล้านบาท

เบื้องต้นนำผู้ต้องหาและของกลางส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


>> จ.สระแก้ว ระดมชุดควบคุมฝูงชน 3 จังหวัด ลงพื้นที่ บ้านหนองหญ้าแก้ว ดูแลความเรียบร้อยตามแนวชายแดน

14.13 น. พลตำรวจตรี ถาวร ดุลวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว นำเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ที่เดินทางมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี ประมาณสองกองร้อย เพื่อซักซ้อมความพร้อม สำหรับการควบคุมฝูงชน โดยได้แจกจ่ายอุปกรณ์สำหรับการควบคุมฝูงชนครบทุกนาย

โดยในช่วงบ่ายจะเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณแนวลวดหนามป้องกันความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว อ. โคกสูง จ. สระแก้ว เพื่อดำเนินการคุ้มกันให้ความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองผู้บังชาการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดที่บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้วเมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมาเนื่องจากมีมวลชนชาวเขมรมารื้อลวดหนามและกดดัน ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทั้งทหารและตำรวจต้องใช้ชุดควบคุมฝูงชน เข้าทำการตอบโต้ โดยใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยางเข้าสลายมวลชนชาวเขมรจนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ในช่วงเย็นของวันที่ 17 ที่ผ่านมา

โดยในวันนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนจากจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเสริมกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนของตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อดำเนินการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบและสามารถวางแนวลวดหนามได้ตามนโยบายไม่ให้ชาวเขมรลุกล้ำธิปไตยของไทยได้ต่อไป


>> กองปราบ ยึดอะโวคาโดเถื่อน หลังพบการลักลอบลำเลียงผ่านริมแม่น้ำโขงกว่า 4 ตัน มูลค่าเฉียด 3 แสนบาท

14.26 น. กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาชาย2 ราย พร้อมของกลาง รถกระบะบรรทุก (เสริมกระบะข้าง) 2คัน,ผลอะโวคาโดสด บรรจุในตะกร้าพลาสติก สีดำ จำนวน 170 ตระกร้า น้ำหนักรวมประมาณ 4,350 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ บริเวณสามแยกโนนตูม อ.เมือง จ.มุกดาหาร หลังสืบทราบว่ามีเครือข่ายลักลอบค้าผลไม้เถื่อนเตรียมลำเลียงจากริมโขง เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสกัด กระทั่งพบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน บรรทุกสิ่งของปกปิดด้วยผ้าใบอย่างมิดชิด เมื่อตรวจสอบพบว่าลักลอบขน อะโวคาโดสด 170 ตะกร้า น้ำหนักรวมกว่า 4,350 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 280,000 บาท ไม่มีเอกสารศุลกากรหรือใบอนุญาตกักกันพืชใดๆ แสดงต่อเจ้าหน้าที่

จากการสอบสวน ผู้ต้องหา 2 ราย ทั้งคู่รับสารภาพว่ารับจ้างขนส่งสินค้า โดยติดต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์ฯ และจะนำไปส่งต่อ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้รับค่าจ้างครั้งละ 5,000–6,000 บาท ซึ่งทราบดีว่าสินค้าไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นแก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยกล่าวหาว่า พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 246 ฐานช่วยซ่อนเร้น/จำหน่ายของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สิ่งต้องห้ามดังกล่าวจะนำเข้าได้ต้องผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชก่อนและต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กรมวิชาการเกษตรประกาศกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 ประกอบมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.กักพืชฯ

จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ผึ่งแดด จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


>> ตรวจยึด หูฟังปลอมเครื่องหมายการค้า ของกลางนับหมื่นชิ้น

15.03 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำกำลังบุกตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายหูฟังและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอมยี่ห้อดัง ผ่านช่องทางออนไลน์ 
จากการตรวจค้น พบของกลางเป็นหูฟัง อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์ และกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ปลอมเครื่องหมายการค้า รวมกว่า 11,064 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท โดยสามารถจับกุม หญิงอายุ 43 ปี

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างว่าสินค้าที่จำหน่ายได้รับความนิยม ราคาถูกกว่าท้องตลาด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “มีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้า” และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตำรวจสอบสวนกลางเตือนประชาชน ระวังการซื้อหูฟัง–อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกเกินจริง เนื่องจากสินค้าปลอมไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น ไฟฟ้าช็อต เพลิงไหม้ ทั้งนี้ ย้ำว่าผู้ต้องหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด


>> พบโครงกระดูกมนุษย์ในป่าละเมาะ ชาวบ้านคาด เป็นชายสติไม่สมประกอบที่เคยพักอาศัยบริเวณนี้

15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี รับแจ้งว่า มีชาวบ้านเลี้ยงกระบือพบโครงกระดูกมนุษย์ บริเวณป่าละเมาะ หลังสำนักงานที่ดินขอนแก่น สาขามัญจาคีรี ม.13 ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น จึงได้พร้อมผู้ช่วยพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึง พบโครงกระดูกมนุษย์เบื้องต้นมีชาวบ้านยืนยันสภาพการแต่งกายเสื้อผ้าที่สวมใส่ น่าจะเป็นศพของ นายไก่ ซึ่งเป็นคนสติไม่สมประกอบ มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กับบริเวณที่พบโครงกระดูก และมีการแจ้งคนหายไว้ที่ สภ.มัญจาคีรี เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2568 
เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการตาย ตรวจสอบแต่ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย จึงได้ส่งศพไปทำการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ต่อไป


>> ผบช.น. สั่งตรวจสอบ นายหน้าจ้างคนไร้บ้านเปิดบัญชีม้า

17.16 น. รายงานจากผู้สื่อข่าว จากกรณีที่นายสมบัติ มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเซียลมีเดีย มีนายหน้าหาบุคคลไร้บ้าน คนเร่ร่อนว่าจ้างบัญชีม้า บริเวณสนามหลวงและรอบพื้นที่ ค่าเปิดบัญชีม้าเริ่มต้นที่ 500-5,000 บาท ล่าสุด วันนี้ (18 ก.ย. 68) ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) และกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ในพื้นที่รับผิดชอบสน.ชนะสงคราม สน.พระราชวัง สน.สำราญราษฎร์ รวมถึงสถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ใกล้เคียง ดำเนินการตรวจสอบกรณีบุคคลมีพฤติการณ์เข้าข่ายลักษณะคล้ายนายหน้าเป็นธุระจัดหาบุคคลไร้บ้านว่าจ้างให้ใช้ข้อมูลตนเองเปิดบัญชีม้าใช้กระทำผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม กรณีของบุคคลเร่ร่อนที่อยู่บริเวณดังกล่าว ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานร่วมกับกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตรวจสอบบุคคลไร้บ้าน พร้อมทั้งประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ เข้าทำการช่วยเหลือ

ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิด บช.น. จะดำเนินการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกระทำความผิดเกี่ยวข้องกรณีดังกล่าวจะสั่งการให้มีการพิจารณาบทลงโทษทั้งทางวินัยและคดีอาญาต่อไป


>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ถนนเลียบคลองลำกอไผ่ ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

18.22 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ถนนเลียบคลองลำกอไผ่ แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวคอนกรีตชั้นเดียว ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในห้องครัว เพลิงลุกไหม้ตู้เย็น ลุกลามตู้กับข้าวและประตู พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟติดผนังที่ใช้เสียบตู้เย็น ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดกระบัง


>> หนุ่มวัย 16 ปี ขี่รถบิ๊กไบค์ชนกับรถไถการเกษตรก่อนพุ่งลงพงหญ้าข้างทาง เสียชีวิต

19.06 น. ศูนย์กู้ภัยทางหลวงอุดรธานี อำเภอโนนสะอาด รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถไถการเกษตร และมีผู้เสียชีวิต บริเวณถนนทางหลวงชนบท ช่วง อ.โนนสะอาด - อ. หนองแสง ในพื้นที่เขต บ้านหนองกรุงศรี ต.หนองกรุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า CBR 650 cc. สีดำ-แดง ยังไม่พบป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ห่างออกไป พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ลักษณะนอนคว่ำหน้า ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 16 ปี เป็นชาวบ้านหนองกรุศรี

ส่วนรถคู่กรณีเบื้องต้นเป็นรถไถแบบเดินตามแบบมีพ่วง ไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุแล้ว แต่พบชิ้นส่วนลูกพ่วงตกในจุดเกิดเหตุ เบื้องต้น คาดว่าผู้ขับขี่น่าจะใช้ความเร็วพอประมาณลักษณะขึ้นเนินและช่วงจุดที่เกิดเหตุมืด ตัวพ่วงของรถไถอาจไม่มีสัญญาณไฟไฟส่องสว่างเพียงพอ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสะอาด


>> แผ่นดินไหวขนาด 4.5 ในพื้นที่หมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย

19.41 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.5 ความลึก 10 กม. บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ประมาณ 466 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย


>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

20.27 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.4 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 357 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย


>> เพลิงไหม้บ้านร้าง ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 22


00.28 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ใกล้เคียงซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 22 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้ฝ้าเพดาน เพดานและฝาผนัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 2 ตารางเมตร อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้น้ำทำการดับถ่านและระบายควัน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่ทราบสาเหตุ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยตลาดพลู

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม