หน้าแรก > ภูมิภาค

อธิบดี ปภ.ติดตามสถานการณ์น้ำ "พระนครศรีอยุธยา" ที่ได้รับผลกระทบจาก การระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา

วันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 16:04 น.


วันนี้ (15 กันยายน 2568) นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางปวีณา ทองสกุลพันธ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ ห้องประชุมมงคลบพิตร ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

จากนั้น นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมคณะเดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย ณ วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายภาณุวัฒน์ เอื้อสามาลย์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา บรรยายให้ข้อมูลการป้องกันน้ำท่วมโบราณสถาน ว่าวัดไชยวัฒนาราม มีการยกบังเกอร์ ซึ่งเป็นแผ่นบังเกอร์ที่มีความสูง 1.90 เมตร กว้าง 1.20 เมตร รวม 138 แผ่น ซึ่งจะซ่อนอยู่ในแนวฐานเขื่อนถาวรทำจากอิฐและปูนสูงกว่า 50 ซม. ยาวตลอดแนวลำน้ำเจ้าพระยา หน้าวัดไชยวัฒนาราม รวม 165 เมตร ขึ้นทั้งหมดแล้ว พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุน จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

จากนั้น อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เดินทางไปติดตามการป้องกันน้ำที่พระตำหนักสิริยาลัย เป็นพระตำหนักที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งซ้ายในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้ดำเนินการยกบังเกอร์เพื่อป้องกันน้ำท่วมขึ้นแล้ว

นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น จึงทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำบริเวณ อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางปะอิน ปัจจุบัน (14 ก.ย. 68 เวลา 10.00 น.) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 87 ตำบล 550 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,024 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาคาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ส่งเรือจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี จำนวน 70 ลำ ไปสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี ก็ได้นำเรือเล็กพร้อมไม้พาย และเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 128 ลำ รวมถึงเครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว รถผลิตน้ำดื่ม เต็นท์จีน และเต็นท์ครอบครัว กระจายความช่วยเหลืออยู่ในพื้นที่ต่างๆ และ ปภ. ยังได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร และหน่วยงานในพื้นที่ ช่วยประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อรับมือกับปริมาณน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์“ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม