วันที่ 14 กันยายน 2568 เวลา 17:53 น.
วันที่ 14 กันยายน 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ฐาน “ร่วมกันประกอบกิจการเป็นผู้ให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4 (1)” พร้อมของกลาง 4 รายการ ดังนี้
1. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
2. รถจักรยานยนต์ สีดำ-แดง จำนวน 1 คัน
3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของลูกค้าที่ใช้ประกอบการกู้ยืมเงินนอกระบบ จำนวน 12 แผ่น
4. นามบัตร จำนวน 2 ใบ
สืบเนื่องจากก่อนเหตุ ได้รับเรื่องราวจากผู้เสียหายที่ต้องทนอยู่ในวงจรหนี้นานกว่าหนึ่งปีครึ่ง จ่ายดอกเบี้ยไปแล้วกว่า 200,000 บาท แต่เงินต้นยังเท่าเดิม ผู้เสียหาย อายุ 59 ปี ได้ตัดสินใจกู้เงินนอกระบบจำนวน 30,000 บาท จากแก๊งเงินกู้เพื่อหวังจะพยุงธุรกิจ แต่กลับต้องตกเป็นเหยื่อของการคิดดอกเบี้ย ต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันสูงถึง 600 บาท หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 720% ต่อปี และที่เลวร้ายที่สุดคือ ไม่ว่าผู้เสียหายจะจ่ายดอกเบี้ยไปมากแค่ไหน เงินต้น 30,000 บาทก็ยังคงอยู่
ทำให้คุณลุงต้องจ่ายดอกเบี้ยต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2567 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเงินที่จ่ายไปแล้วกว่า 200,000 บาท ซึ่งมากเกินกว่าเงินต้นหลายเท่าตัว จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ช่อยเหลือจากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบแก๊งเงินกู้สุดโหดนี้จริง
โดยระหว่างเข้าจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองคน กำลังเก็บเงินจากผู้เสียหายที่ตลาดเทศบาล 6 จังหวัดอุบลฯ พร้อมยึดหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการกระทำความผิด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ที่ใช้เป็นพาหนะในการตระเวนเก็บเงินโทรศัพท์มือถือ, นามบัตรลวง ที่ใช้หลอกเหยื่อ และเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของลูกหนี้ ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะรถ จึงได้เข้าทลาย แก๊งเงินกู้สุดโหดนี้ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 พร้อมของตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา