24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 9 กันยายน 2568
>> รถบรรทุกตกร่องกลาง ถนนทางหลวงหมายเลข 4 มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
06.20 น. ศูนย์วิทยุกู้ภัยสายชลชุมพร ตรวจสอบอุบัติเหตุ รถบรรทุกเสียหลักตกข้างทางและมีผู้เสียชีวิต ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4 ในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร
ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน สงขลา ลักษณะเสียหลักตกข้างทาง ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นผู้ชาย มีอายุประมาณ 40-45 ปี ร่างกระเด็นอยู่นอกตัวรถ รถกู้ชีพ เร่งรัดนำส่งโรงพยาบาลสวี และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนในจุดเกิดเหตุ พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ชาย อายุ 20 - 25 ปี สภาพร่างติดค้างภายในยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดรถเพื่อนำร่างออกมา พร้อมมอบให้ รถกู้ภัยสายชลเขตสวี รับดำเนินการส่งโรงพยาบาลสวี เพื่อทำการชันสูตรเพิ่มเติมต่อไป ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี
>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยเพชรเกษม 63/2 มีผู้ได้รับบาดเจ็บหญิง 1 ราย
06.38 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยเพชรเกษม 63/2 แยก 14 ถนนเพชรเกษมแขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุ เป็นบ้านเดี่ยวครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ใช้สำหรับพักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง ภายในห้องนั่งเล่น เพลิงลุกไหม้ พัดลมตั้งโต๊ะ เครื่องคอมพิวเตอร์ ลุกลามโต๊ะคอมพิวเตอร์และฝาผนัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 12 ตารางเมตร ประชาชนใช้ถังดับเพลิงทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้พัดลมทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้การเกิดเหตุ ไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟต่อพ่วง ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุประมาณ 66 ปี ถูกไฟลวกที่มือเล็กน้อย ปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุไม่ต้องการไปโรงพยาบาล พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค
>> รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนสายชนแดน - วังหิน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 และเสียชีวิตที่ รพ.อีก 1 ราย
10.29 น. สมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยวังโป่งรวมใจ ได้รับแจ้งจาก สภ.วังโป่ง ว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส บนถนนสายชนแดน-วังหิน บริเวณใกล้เคียงบ้านสะพานสอง หมู่ ๑๓ ต.วังโป่ง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์
ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีเทา ทะเบียน สมุทรปราการ ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ-แดง ทะเบียน ร้อยเอ็ด ใกล้กันพบร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บ ชาย 1 ราย มีอาการสาหัสแขน ขา หักผิดรูปทั้ง 2 ข้าง เลือดออกหู จมูกหายใจรวยริน ทางรถกู้ชีพโรงพยาบาลวังโป่งเข้าให้การช่วยเหลือ CPR และนำส่งโรงพยาบาลวังโป่ง ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เป็นชายไทย อายุ 29 ปี ส่วนในจุดเกิดเหตุ พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังโป่ง
>> ประชุม ครม. นัดสุดท้าย ยันพร้อมส่งไม้ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่
11.35 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้ายของรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับตัวแทนสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ทำข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้นับเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก่อนที่จะมีการส่งต่อการทำงานให้กับรัฐบาลชุดใหม่ ภายหลังคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความหมายถึงการปิดฉากภารกิจสำคัญในช่วงเวลาที่ผ่านมา พร้อมยังเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความต่อเนื่องของการบริหารประเทศ และการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น
>> เตรียมเอาผิดบริษัทรับเหมาปรับปรุงถนน หลังหนุ่มวัย 17 ปี ถูกไฟดูด ขณะเข็น จยย. ฝ่าน้ำท่วม
14.00 น. จากกรณีเหตุเกิดสลดใจ หนุ่มวัย 17 ปี เสียชีวิตจากการถูกไฟดูด ขณะเข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำท่วมบริเวณถนนแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อคืนวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุด ตัวแทนจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกว่าจ้างให้ดำเนินการปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุ เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าพบ พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนกูร ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนที่จะให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำทั้ง 3 คน เพื่อเตรียมแจ้งข้อหาดำเนินคดี
ด้านผู้จัดการบริษัทกล่าวสั้นๆ ว่า หลังเกิดเหตุ ตนได้โทรติดต่อไปหาแม่ของผู้เสียชีวิตเพื่อเสนอการช่วยเหลือค่าทำศพในเบื้องต้นแล้ว แต่ทางผู้เสียหายปฏิเสธการช่วยเหลือ และยังไม่สะดวกที่จะรับ แต่หลังจากนี้ ตนจะเดินทางไปร่วมงานที่ จ.ลพบุรี และพูดคุยกับผู้เสียหาย
ด้าน พ.ต.อ.จักรกฤช กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้ง พนักงานสอบสวนประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบว่า เกิดจากความประมาทและการผิดพลาดในการต่อระบบไฟฟ้าหรือไม่ วันนี้พนักงานสอบสวนจึงได้เชิญผู้จัดการ วิศวกรประจำโครงการ และผู้ควบคุมงานก่อสร้าง มาให้สอบปากคำในเบื้องต้นเพื่อรวบรวมหลักฐาน และพิจารณาแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องต่อไป
>> ศาลจังหวัดธัญบุรี สั่งจำคุก 8 ปี ปรับคนละกว่า 2 แสนบาท เจ้าของอู่-คนขับรถบัสมรณะ คร่าชีวิตครูนักเรียน 23 ศพ
15.13 น. มีรายงานว่า ศาลจังหวัดธัญบุรี อ่านคำพิพากษาคดีโศกนาฏกรรม กรณีไฟไหม้ "รถบัสทัศนศึกษา" ทำให้ครูและเด็กนักเรียนจากจังหวัดอุทัยธานี เสียชีวิตถึง 23 ราย เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ใกล้อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงโทษจำเลย 3 คน คือ เจ้าของอู่รถ ซึ่งเป็นพ่อและลูกสาว จำเลยที่ 1 และ 2 รวมถึงคนขับรถบัส ซึ่งเป็นจำเลยที่ 3
โดยศาลมีคำสั่งให้จำคุกเจ้าของอู่ จำเลยที่ 1-2 คนละ 8 ปี ปรับคนละ 200,000 บาท แต่เมื่อให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 100,000 บาท พร้อมรอการลงโทษ 2 ปี และคุมประพฤติ
ส่วนคนขับรถบัส จำเลยที่ 3 ศาลสั่งจำคุก 8 ปี 2 เดือน ปรับ 205,000 บาท แต่เมื่อรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 4 ปี 1 เดือน ปรับ 102,500 บาท และให้รอการลงโทษ 2 ปีเช่นเดียวกัน
>> กระบะบรรทุกน้ำแหกโค้ง ชนเสาไฟฟ้าล้มหลายต้น คนนั่งเบาะข้างเสียชีวิต จนท.คาดความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
15.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน เกิดอุบัติเหตุ รถกระบะซึ่งเป็นรถส่งน้ำดื่มพุ่งชนเสาไฟฟ้า ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ห่างจาก สภ.ช้างเผือกเพียง 300 เมตร ส่งผลให้เสาไฟฟ้าหักโค่นต่อเนื่องกันรวม 25 ต้น เป็นระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ สีขาว ทะเบียน เชียงใหม่ เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล ส่วนคนขับ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ต่อมารับแจ้งว่า ผู้บาดเจ็บที่เป็นคนงานที่นั่งมาด้วย ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล
ตรวจสอบพบว่า เสาไฟฟ้าล้มทับบ้านเรือนและร้านค้าพังเสียหายมากกว่า 10 หลัง รถยนต์ทั้งที่จอดอยู่และที่ขับผ่านไปมาเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 คัน ขณะที่สายไฟฟ้าที่ขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารใกล้จุดเกิดเหตุ เสียหายเกือบทั้งหลัง
ด้าน ดร.ทองสุข วงศ์โสภา ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองเชียงใหม่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในหลายอำเภอ นานประมาณ 15 นาที ทั้งอำเภอแม่ริม แม่โจ้ สันทราย ดอยสะเก็ด ตลอดจนในพื้นที่อำเภอเมือง ก่อนคืนกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ ในเบื้องต้น ได้เร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเข้าเก็บกู้ซากเสาไฟที่โค่นล้ม โดยเริ่มจากการตัดสายไฟที่ระโยงระยางเชื่อมต่อกันก่อนที่จะเคลื่อนย้ายเสาออกจากพื้นที่ เพื่อคืนผิวจราจรก่อน คาดว่าจะใช้เวลาตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า จากนั้นจะเดินหน้าซ่อมระบบไฟฟ้าให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
ทั้งนี้ มูลค่าความเสียหายคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ล้านบาท เพราะเฉพาะเสาไฟฟ้าก็ต้นละ 7 แสนบาท และความเสียหายอื่นอีกทั้งรถ และบ้านเรือนประชาชน
>> รวบสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า พบหมายจับ 5 หมายจับ คดีติดตัวอีก 18 คดี มีผู้เสียหายสูญเงินหลายล้านบาท
15.31 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุมนางสาวพอ (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ฐาน เป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวงนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอม, ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์,ยักยอกทรัพย์
พฤติการณ์ เมื่อช่วงประมาณปลายเดือน พ.ค. 68 น.ส.พอ ได้รับการชักชวนจากเพื่อนไปรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้กับกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีน ที่มาซ่อนตัวในพื้นที่พัทยา ซึ่งหลังจากเปิดบัญชีเพียงวันเดียวได้มียอดเงินโอนเข้ามากว่า 2 ล้านบาท โดยอ้างว่าไม่ทราบแหล่งที่มาของยอดเงินดังกล่าว
นอกจากนี้ น.ส.พอยังรับจ้างเปิดบัญชีอีกหลายบัญชีให้กับกลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนอีกหลายกลุ่มอยู่เรื่อยมา เพื่อใช้หลอกหลวงเหยื่อให้โอนเงิน จนมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ นำมาซึ่งการถูกออกหมายจับ และหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่สัตหีบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า ยังมีผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว และพบคดีอีก 18 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาการออกหมายจับ ซึ่ง น.ส.พอ ถือว่าเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่อาจเชื่อมโยงถึงกลุ่มสแกมเมอร์อีกหลายกลุ่ม จากนั้นนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่ สภ.เมืองระยอง ต่อไป
>> ผู้ว่าฯ พร้อมนายก อบจ.ปทุมธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบประตูระบายน้ำ พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
16.30 น. นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก ซึ่งมีพื้นที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำทุกปี โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พ.อ.กิตติศักดิ์ วัฒนเดช รอง ผอ.รมน.จังหวัดปทุมธานี นางสาวสุพีพร โมรา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี นายเทพสุริยา สะอาด ท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี นายอมร นวลเพชร์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้เข้าตรวจสอบประตูระบายน้ำและเครื่องสูบน้ำ จำนวน 2 แห่ง คือ ที่ประตูระบายน้ำปากคลองรังสิต ตำบลบ้านใหม่ และประตูระบายน้ำบ้านพร้าว ตำบลบ้านปทุม ที่มีการเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่หลังจากที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องสูบน้ำทุกเครื่อง จากนั้น ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ร่วมกันกรอกทรายใส่กระสอบเพื่อใช้ป้องกันน้ำท่วมในตำบลเชียงรากใหญ่ พร้อมเข้าเยี่ยมประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมน้ำที่ได้รับผลกระทบ มีน้ำท่วมพื้นที่จากน้ำขึ้นน้ำลง ในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลเชียงรากใหญ่ และ หมู่ 5 ตำบลบ้านงิ้ว โดยมี นายศรัณย์ เกตุทอง นายอำเภอสามโคก นายเสวก ประเสริฐสุข นายกเทศมนตรีตำบลเชียงรากใหญ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ในพื้นที่อำเภอสามโคก ร่วมการตรวจเยี่ยม และสุดท้ายผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้ติดตามปริมาณน้ำที่บริเวณท่าน้ำสวนเทพปทุม ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยมีพล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานี ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์น้ำ และการเตรียมพร้อมในการดูแลประชาชน
>> กรมราชทัณฑ์ รับตัวนายทักษิณ ชินวัตร เข้าควบคุมแล้วภายในเรือนจําฯ เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
17.26 น. เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร นําโดยผู้บัญชาการเรือนจํา และ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้รับตัว นายทักษิณ ชินวัตร จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ไว้คุมขังตามคําพิพากษาของศาลให้บังคับโทษจําคุกแก่จําเลย โดยให้จําคุก 1 ปี
กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ควบคุมตัวนายทักษิณฯ เข้าสู่กระบวนการ รับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ ตามมาตรฐานการปฏิบัติงานควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) ของกรมราชทัณฑ์ โดยเมื่อเรือนจํา ได้รับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่แล้ว จะมีเจ้าพนักงานเรือนจําที่รับตัวตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นบุคคลตามชื่อที่ปรากฏ ในหมายจําคุก พร้อมจัดทําทะเบียนประวัติ ตรวจค้นตัวตามมาตรฐานการตรวจค้นและการป้องกันสิ่งของต้องห้าม และดําเนินการตรวจสุขภาพ จัดการเกี่ยวกับสิ่งของที่ติดตัวมาของผู้ต้องขัง พร้อมชี้แจงระเบียบ ข้อบังคับ และส่งตัวไปยังแดนแรกรับเพื่อรอการจําแนกลักษณะผู้ต้องขัง
ต่อมาในเวลา 17.30 น. เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กําหนดให้เป็น เรือนจําศูนย์ระหว่างการพิจารณาคดี (HUB) ได้ดําเนินการย้ายนายทักษิณฯ ไปควบคุมยังเรือนจํากลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นนักโทษเด็ดขาด เพื่อแยกการปฏิบัติตามประเภทของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม อนึ่ง การรับตัว นายทักษิณฯ ไว้ในการควบคุม กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ได้ดําเนินการตามกฎหมาย อํานาจหน้าที่ และมาตรฐาน การปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
>> จับ 25 แรงงานประมงผิดกฏหมาย หลังขอผ่านแดน ก่อนผลักดันกลับฝั่งกัมพูชา
17.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นย.182 บ้านหาดเล็ก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรคลองใหญ่ ช่วยกันตรวจสอบ และผลักดันแรงงานกัมพูชาจำนวน 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน ขณะมาขอผ่านแดนกลับไปฝั่งบ้านจามเยี่ยม อ.มณฑลสีมา จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา จากการตรวจเอสารผ่านแดนปรากฎว่ามีเอกสารพาสปอตเพียงรายเดียว ที่เหลือไม่มีเอกสารใดๆ หลังจากนั้นจึงทำการลงบันทึกการจับกุมข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทำการผลักดันกลับฝั่งกัมพูชา
ขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 12.00 น. วันนี้ มีแรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 25 ราย เช่ารถยนต์ตู้มาจากจังหวัดชุมพร เป็นแรงงานประมง ที่ลักลอบทำงานประมงในเรือประมงที่จ.ชุมพร จะขอผ่านด่านข้ามฝั่งไปบ้านจามเยี่ยม ฝั่งเกาะกงด้วย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่มีเอกสารการเดินทางใดๆ แรงงานประมงบอกว่าพวกตนเดินทางเข้าฝั่งไทยไม่ผ่านจุดผ่านแดน เข้ามาทำงานเป็นลูกเรือประมงเมือ่กว่า 1 ปี ที่ผ่านมา โดยไม่บอกชื่อเรือ บอกเพียงว่าเรือประมงลำดังกล่าวเป็นเรือใหญ่ ออกทะเลครั้งละเป็นเดือนๆ นานๆจะเข้าฝั่ง หลังจากเรือประมงเข้าเทียบท่าที่จ.ชุมพร จึงพากันเช่ารถยนต์ตู้เดินทางมาข้ามฝั่งไปกัมพูชาที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ลงบันทึก ทำประวัติและทำการผลักดันกลับฝั่งกัมพูชาต่อไป รวมแล้ววันนี้ผลักดันแรงงานกัมพูชาทั้งหมดจำนวน 31 รายด้วยกัน
>> รถจักรยานยนต์ชนท้ายลูกพ่วง ที่รถบรรทุกจอดไว้ข้างทาง หนุ่มวัย 30 กว่าปีเสียชีวิต
21.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ชนกับลูกพ่วง ของรถบรรทุก และมีผู้เสียชีวิต บนถนนหมายเลข 346 มุ่งหน้านพวงศ์ บริเวณฝั่งตรงข้างซอยบ่อนไก่ ในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีแดง ป้ายทะเบียน ระยอง ลักษณะชนท้ายลูกพ่วง ของรถบรรทุก ป้ายทะเบียน กทม. ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้ชาย อายุประมาณ 30 - 35 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหลุมแก้ว
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถเทรลเลอร์บนทางด่วน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
21.55 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถทรลเลอร์ และมีผู้บาดเจ็บติดค้างในยานพาหนะ บนทางพิเศษศรีรัช ฝั่งขาเข้า ช่วงใกล้เคียงด่านเก็บเงินประชาชื่น ในพื้นที่ เขตบางซื่อ กทม.
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ลักษณะชนท้าย รถเทรลเลอร์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร พบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 รายติดอยู่ภายในรถเก๋ง อาสาสมัครเร่งดำเนินการใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถ และนำร่างออกมา ตรวจสอบพบว่าได้เสียชีวิตแล้ว ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 35 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น
>> หนุ่มเมียนมาขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนเสาไฟฟ้าริมทางปูนเลียบคลอง ร่างกระเด็นตกคลองจมน้ำและเสียชีวิต จ.สมุทรปราการ
23.00 น. ได้รับแจ้งเหตุจาก ม.ร่วมกตัญญู ว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักตกไปในคลองน้ำ และมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดเป็นทางเดินปูนเลียบคลองบางฝาง บริเวณท้ายซอยจตุรโชคชัย 3 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างของ ชาย อายุ 29 ปี ชาวสัญชาติเมียนมา ถูกนำตัวขึ้นมาจากน้ำ โดยพบว่าเสียชีวิตแล้ว และพบรถจักรยานยนต์ 1 คันจมอยู่ในน้ำเช่นกัน อาสาสมัครดำเนินการนำขึ้นมาตรวจสอบ เป็นรถยี่ห้อฮอนด้า สีแดง-ขาว ป้ายทะเบียน กทม.
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี ร่วมตรวจสอบ พบว่าร่องรอยลักษณะการชนที่เสาไฟฟ้าและรอยขูดตามพื้นถนนทางเท้า จึงบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะมอบร่างให้อาสาสมัครนำส่งสถาบันนิติเวชรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุต่อไป
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
23.15 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 4.0 ความลึก 10 กม. บริเวณใกล้ชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.พบพระ จ.ตาก ประมาณ 292 กม. ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> เพลิงไหม้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ซอยนาวงประชาพัฒนา 9 พื้นที่เขตดอนเมือง
00.56 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ซอยนาวงประชาพัฒนา 9 ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายเฉพาะด้านหน้ารถ ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายความร้อน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากน้ำมันรั่วจากตัวรถ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยดอนเมือง
>> ไฟไหม้รถส่งสินค้าแล้วเกิดระเบิด รถพังกระจายเป็นซาก ทรัพย์สินบ้านเรือนเสียหาย โชคดีไร้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จ.ราชบุรี
00.30 น. รับแจ้งว่า เกิดเหตุไฟไหม้รถกระบะขนส่งสินค้าแล้วเกิดระเบิดขึ้น ทำให้พังเสียหายทั้งคัน ซากรถกระจัดกระจายเต็มพื้นถนน ส่งผลรถยนต์ที่จอดใกล้เคียงและบ้านเรือนใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดเสียหายด้วย เหตุบนถนนเพชรเกษม ก่อนถึงแยกเขางู 1 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี
จากการสันนิฐานของเจ้าหน้าที่ คาดว่าการระเบิดดังกล่าว เกิดจากแรงระเบิดของพลุ และวัตถุไวไฟ ที่ทำให้ติดไฟง่ายและเกิดระเบิดจนรถยนต์เละกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
ทั้งนี้ต้องรอทางกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบถึงสาเหตุที่ระเบิดอย่างแท้จริงอีกครั้ง และโชคดีที่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิตจากแรงระเบิดในครั้งนี้ ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี